ต้องรอกันนานถึง 35 ปี 31 วัน ที่สถิติเวลาต่อรอบสนาม Nürburgring ที่ดีที่สุดโดย Stefan Bellof นักแข่งสัญชาติเยอรมัน ผู้ควบ Rothmans Porsche 956 C กำลังสูงสุด 620 แรงม้า ซึ่งทำไว้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 1983 ใน 6.11.13 นาที จะถูกทำลายลงโดย Timo Bernhard ใน Porsche 919 Hybrid Evo ด้วยเวลา 5.19.55 นาที ทุบสถิติเก่าอย่างขาดลอยไป 51.58 วินาที
ในวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา Bernhard นักแข่งดีกรีแชมป์รายการ Le Mans 24-hours สองสมัยซ้อน, แชมป์รายการ WEC และ ผู้ชนะประเภท overall รายแรกในรายการ Nürburgring 24-hours ได้นำ Porsche 919 Hybrid Evo ไปทุบสถิติรอบสนามที่มีความยาว 20.832 กิโลเมตร ได้สำเร็จ พร้อมใช้ความเร็วโดยเฉลี่ยที่ 233.8 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เจ้าของสถิติรายล่าสุดวัย 37 ปี เปิดเผยว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก สำหรับเขาและทีมงาน นอกจากนั้น เขายังได้เรียนรู้สิ่งใหม่จากสนามที่เขาคิดว่าเขาคุ้นชินว่า มีบางส่วนของสนาม ที่เขาสามารถเหยียบคันเร่งจมพื้นได้ ทั้งที่เขาไม่เคยคิดว่าทำได้มาก่อน จนได้มาทำลายสถิติกับ Porsche 919 Hybrid Evo
Porsche 919 Hybrid Evo คันนี้มีพื้นฐานมาจาก Porsche 919 Hybrid เจ้าสนามการแข่งขัน FIA ปี 2015 – 2017 หรือ 3 ปี ติดต่อกัน มีมิติตัวถัง : ยาว x กว้าง x สูง : 5,078 x 1,900 x 1,050 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวถังอยู่ที่ 849 กิโลกรัม ลดลงจากเดิม 39 กิโลกรัม ด้วยการถอด ระบบปรับอากาศ, ระบบไฟ, เซนเซอร์, อุปกรณ์ไฟฟ้า, ที่ปัดน้ำฝน และระบบยกรถยนต์ด้วยแท่นใต้ท้อง ออกทั้งหมด
ชิ้นส่วนตัวถังผ่านการปรับปรุงใหม่ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ชายกันชนหน้า, สเกิร์ตข้าง, สปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ และดิฟฟิวเฟอร์หลังทรงใหม่ เสริมด้วยระบบ Drag Reduction Systems (DRS) แบบ active ส่งผลให้รีดอากาศได้ดีขึ้น 66% และสร้างแรงกดได้สูงกว่าเดิม 53% เมื่อเทียบกับตอนที่ลงแข่งขันในรอบ qualifying รายการ 2017 Spa WEC
ขุมพลังของ Porsche 919 Hybrid Evo เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V4 ขนาด 2.0 ลิตร 2,000 ซีซี. เทอร์โบ กำลังสูงสุด 720 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านล้อคู่หลัง ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบ MGU กำลังสูงสุด 440 แรงม้า ส่งกำลังผ่านล้อคู่หน้า ทั้งระบบให้กำลังสูงสุดรวมกัน 1,160 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Sequential 7 จังหวะ
ล้อเป็น Forged Magnesium จาก BBS ขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมกับยาง Michelin ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ ช่วงล่างหน้าหลังเป็นแบบอิสระ ปรับระดับได้ โดยเปลี่ยนปีกนกจากแบบที่ใช้ลงแข่ง ให้แข็งกว่าเดิม ระบบเบรกเป็นแบบ brake by wire ทั้ง 4 ล้อ พร้อมคาลิปเปอร์ monoblock และ ดิสเบรกคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนระบบบังคับเลี้ยว ผ่านการพัฒนาให้รองรับ load ได้หนักกว่าเดิม
ที่มา: Porsche