นาน ๆ ที Mercedes-Benz พยายามที่จะเปลี่ยนอนุกรมชื่อกันสักครั้ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนพวกเขาก็เคยเล่นแร่แปรธาตุกับ
บรรดาชื่อรถสปอร์ตตัวถังคูเป้ทั้งหลายให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันเป็นรถเกรดใด ตัวอย่างที่หลายคนสับสนคือเจ้า CL ถ้าดูแค่ชื่อ
หลายคนก็คงนึกว่ามันเป็นรถคูเป้ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ C-Class แต่อันที่จริงแล้วมันกลับสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ
S-Class ต่างหาก ก็ไม่น่าแปลกใจนักที่ Mercedes-Benz จึงรีบเปลี่ยนชื่อมาเป็น S-Class Coupe ทันที
ล่าสุด Mercedes-Benz ก็ได้เปิดตัวโครงสร้างชื่ออนุกรมใหม่ล่าสุดให้สื่อมวลชนชาวเมืองเบียร์ได้รับทราบกันแล้ว พร้อม
ทั้งเปิดเผยชื่อซับแบรนด์ใหม่ว่า Mercedes-Maybach แบรนด์ที่จับกลุ่มคนที่เป็นตัวของตัวเองและมีเกียรติยศสูงสุดเพื่อ
สะท้อนสถานะทางสังคมอันโดดเด่นให้ปรากฏ โดยตัวรถจะเปิดเผยโฉมที่แรกในงาน Guangzhou Autoshow และ LA
Autoshow
และสำหรับ Mercedes-Benz ก็มีการจัดระเบียบอนุกรมให้เป็นที่เข้าใจง่ายขึ้นมาก โดยยึดหลักความเรียบง่ายและความ
เข้าใจ และที่สำคัญยังเป็นการจัดการพื้นที่ให้ชื่อรุ่นรถเพียงพอต่อการเรียกได้ เพราะ Mercedes-Benz ตั้งเป้าหมายเอาไว้
ว่าจะต้องมีรถยนต์รุ่นใหม่เปิดตัวมากกว่า 30 รุ่นภายในปี 2020 และใน 11 รุ่นจะเป็นรถรุ่นใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับรุ่น
ปัจจุบัน
หลักการตั้งชื่อของ Mercedes-Benz จะยึดหลักเกรดรถรุ่นหลักอย่าง A, B, C, E และ S-Class ในการเปรียบเทียบ
ตำแหน่งทางการตลาดและขนาดตัวถัง เพราะชื่อตระกูลเหล่านี้เป็นที่รู้จักและเข้าใจกันอย่างดีในหมู่ลูกค้าและคนทั่วไปกัน
แล้ว
และในเมื่อตลาดเอสยูวีเริ่มมีการเติบโตสูงขึ้น Mercedes-Benz จึงได้จัดหมวดพิเศษยึดหลักตำนานความทนทานตาม
G-Class ด้วยการใช้อักษรตัว G เป็นตัวเริ่มต้นแล้วตามด้วยตัวอักษร L อันเป็นตัวอักษรที่มีการใช้ประกอบมาช้านาน
ส่วนตัวอักษรสุดท้ายก็นำอนุกรมรุ่นหลักมาใส่ อาทิ GL ก็จะเปลี่ยนมาเป็น GLS เพื่อบ่งบอกว่ามันคือเอสยูวีที่มีขนาดใหญ่
เทียบเท่า S-Class, ML ก็จะเปลี่ยนเป็น GLE, GLK จะเปลี่ยนเป็น GLC ยกเว้นรถในตำนานอย่าง G-Class ที่ไม่มีการ
เปลี่ยนชื่อแต่อย่างใด
สำหรับตระกูลรถซีดานคูเป้ก็จะเริ่มต้นด้วยตัวอักษร CL สำหรับรถเปิดประทุนจะขึ้นต้นด้วยตัวอักษร SL ซึ่งจะมีการเปลี่ยน
ชื่อ SLK กลายเป็น SLC ยกเว้นรุ่น SL จะไม่มีการเปลี่ยนเพราะถือว่าเป็นตำนานเหมือนกับ G-Class ไปแล้ว
Mercedes-Benz ยังใส่ใจถึงรถรุ่นย่อยที่สะท้อนถึงตัวตนของรถรุ่นนั้นอีกด้วย และจะใช้ตัวอักษรพิมพ์เล็กเหล่านี้ห้อย
ท้ายชื่อรุ่นรถนั้นเอาไว้ ได้แก่
c = CNG
d = Diesel (ควบรวม Bluetec และเครื่อง CDi)
e = หมายถึงรถไฟฟ้า, Plug-in Hybrid, Bluetec Plug-in hybrid)
f = Fuel Cell
h = Hybrid
ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4Matic จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง
จุดมุ่งหมายสำคัญของความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือจะต้องทำให้ลูกค้าจำง่ายและยังจะต้องทำให้ Mercedes-Benz
สามารถขยายขีดจำกัดของรถรุ่นใหม่ให้เพิ่มขึ้นกว่าเดิม และเราต้องรอดูกันต่อไปว่าพวกเขาจะแอบมีการเพิ่มอนุกรมอะไร
เข้ามาอีก
ที่มา : Mercedes-Benz