เท่าที่จำความได้เมื่อตอน Honda เปิดตัว CR-V เจเนเรชั่นที่ 4 ในปี 2012 ตอนนั้น Honda สามารถทำยอดขาย CR-V
ในช่วงแรกของการเปิดตัวได้สูงสุดถึง 3,500 กว่าคันในบางเดือน และในช่วงการขายของประจำปีก็มียอดขายเฉลี่ยหลัก
พันก็ถือว่าเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของ CR-V ได้อย่างสมภาคภูมิจริง ๆ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเมื่อการมาของ Subaru XV
และคู่แข่งโดยตรงที่สุดของ Mazda CX-5 จะมาแย่งซีน Honda CR-V แบบหน้าตาเฉยจนทำให้ Mazda CX-5 มี
ยอดขายแซง Honda CR-V ในระดับหนึ่ง อีกทั้งอีกไม่นานก็จะมี Nissan X-Trail โฉมใหม่มาคอยเขย่าบัลลังก์นั่นก็ทำให้
Honda ต้องรีบพลิกเกมการเปิดตัว Honda CR-V Minorchange แบบ Surprise สุด ๆ
งานนี้ Honda ไม่มีการลงทุนจัดงานเปิดตัว 2014 Honda CR-V Minorchange ให้แก่สื่อมวลชนโดยตรง แถม Honda
ยังกล้าชิงเปิดตัว, เผยข้อมูลและส่งรถไปยังโชว์รูมทั่วประเทศตัดหน้าการเปิดตัว Nissan X-Trail ที่จะเปิดตัวภายในวันที่
18 พฤศจิกายน 2014 นี้อีกด้วย
ถึงจะไม่มีการจัดเปิดตัวแต่ Honda Honda ก็กล้าอัดออพชั่นเพิ่มมากขึ้นและมีความเปลี่ยนแปลงบางจุดหลายอย่างเพียงแต่ต้องเพ่งพินิจในแต่ละ
รายละเอียดให้ดีว่ามันความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
ความเปลี่ยนแปลงของ Honda CR-V Minorchange จะมีการปรับปรุงรูปลักษณ์ให้สดใสสมวัยรถยุคปี 2015 ที่สำคัญ
เวอร์ชันเมืองไทยได้ใช้โฉมแบบเดียวกับ Honda CR-V Prototype ที่เพิ่งเปิดตัวในยุโรปอีกด้วย (เวอร์ชันอเมริกาจะมีทรง
ช่องดักลมกันชนหน้าที่ดูไม่คมเท่า) ส่วนลายล้ออัลลอยก็ยกมาจากเวอร์ชันอเมริกันทั้งหมด และบั้นท้ายก็จะมี
การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดไฟท้าย, เพิ่มแถบโครเมี่ยมเหนือป้ายทะเบียนและเปลี่ยนรายละเอียดกันชนท้ายที่ดูแข็งแกร่ง
ขึ้น
ไฮไลต์สำคัญของการออกแบบคือการติดตั้งไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน LED ทันสมัย
สำหรับรุ่น 2.4 ลิตรก็ยังมีไฟหน้าโปรเจคเตอร์อยู่
ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญคือการปรับปรุงระบบส่งกำลังในรุ่น 2.4 ลิตร ด้วยเครื่องยนต์ Earthdreams Technology
ที่มาพร้อมกับเกียร์ CVT ใหม่ให้การขับขี่ที่เร้าใจและประหยัดน้ำมันมากขึ้น ส่วนเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรยังคงใช้เกียร์อัตโนมัติ
5 จังหวะเช่นเคย
Honda เพิ่มออพชั่นมาตรฐานให้แก่ CR-V Minorchange เด่น ๆ ดังต่อไปนี้ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยน
เลน (Honda LaneWatch) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ นอกจากนี้ยังติดตั้ถุงลมด้านข้างคู่หน้าอัจฉริยะ
(i-Side Airbags) ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA)
ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ
ขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
ภายในห้องโดยสารเพิ่มออพชั่นระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วแบบ Advanced Touch พร้อมรองรับระบบสั่ง
การด้วยเสียง SIR I(สำหรับ iphone4S ขึ้นไป) และการเชื่อมต่อ Smart Phone (ในบางรุ่น) ช่องเชื่อมต่อ HDMI และ
ช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 2 จุด พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น สวิตช์ควบคุมระบบ i-MID พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และระบบนำทางเนวิเกเตอร์ รวมถึงระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบ
อัจฉริยะ (One Push Ignition System) และระบบควมคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) ให้ความ
คล่องตัวในทุกท่วงท่าด้วยเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มปรับดันหลัง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ
ไฟฟ้า 4 ทิศทาง และเพิ่มพื้นที่อเนกประสงค์ด้านหลังเพื่อรองรับสัมภาระได้อย่างลงตัวด้วยเบาะแถวหลังพับจังหวะเดียว
แบบ One Motion พร้อมแยกพับ 60:40 เพื่อความลงตัวในทุกการใช้งาน
Honda CR-V Minorchange 5 สี ได้แก่ สีน้ำตาลคอปเปอร์ซันเซ็ท (มุก) สีขาวออร์คิด (มุก) และสีเงินอลาบาสเตอร์
(เมทัลลิก) ภายในห้องโดยสารสีดำ ส่วนสีดำคริสตัล (มุก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) ภายในห้องโดยสารสีเบจ โดย
มีราคาจำหน่ายดังนี้
2.0 S – 1,200,000 บาท
2.0 E 4WD – 1,325,000 บาท
2.4 EL – 1,495,000 บาท
2.4 EL 4WD – 1,580,000 บาท
ผู้อ่านที่สนใจ Honda CR-V Minorchange สามารถไปทดลองขับได้แล้วที่โชว์รูมที่สาขาในประเทศไทย