รถยนต์รูปแบบเปิดประทุน เป็นตัวถังที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานจากชาวตะวันตก ด้วยสภาพ
ภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เอื้อต่อความสุนทรีย์ในการขับขี่แบบเปิดหลังคา ท้าสายลมและแสงแดด
แต่สถิติยอดขายล่าสุดกลับชี้ว่า รถยนต์เปิดประทุนกำลังมียอดขายดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 7 ปี
ผลการศึกษานี้ ทำโดยกลุ่ม Autofacts ซึ่งพบว่าเมื่อปี 2007 นั้น ยอดขายในตลาดหลักอย่าง
ทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือนั้น รถเปิดประทุนสามารถจำหน่ายได้ถึง 827,000 คัน แต่เมื่อปี 2013
กลับทำยอดขายไปได้เพียง 444,000 คันเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่ม AID ที่ทำการเก็บข้อมูลและพบว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2007 รถเปิดประทุนมี
ส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ทั้งหมดที่ 5.4% แต่ช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ กลับตกลงมาอยู่ที่ 3.3% เท่านั้น
สาเหตุที่หลายฝ่ายคาดว่าทำให้รถเปิดประทุนได้รับความนิยมน้อยลง อยู่ที่การเติบโตของบรรดา
รถยนต์ครอสโอเวอร์และ SUV ซึ่ง Matthias Meyer บอร์ดผู้บริหารของ Research Fellows ได้
ขยายสาเหตุนี้ว่า เพราะรถยนต์กลุ่มนี้ส่วนมากจะติดตั้งหลังคาแก้วแบบ Panoramic Roof ซึ่งสามารถ
ให้ประสบการณ์คล้ายการเปิดหลังคาได้ ในราคาที่ไม่สูงโดดเหมือนรถเปิดประทุน
นอกจากยอดขายรถเปิดประทุนจะซบเซาลงแล้ว ยังส่งผลไปยังบรรดาผู้ผลิตหลังคาผ้าใบและหลังคาแข็งด้วย
ที่ล้วนแต่ต้องปรับตัวตามสภาพกันไปตามๆกัน แม้แต่ Webasto ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดด้วยสัดส่วน
ในตลาดใหญ่ที่สุด ยังต้องปิดโรงงานผลิตของตนไปหลายแห่งเรียบร้อยแล้ว
ด้าน Martin Winterkorn หัวเรือใหญ่ของกลุ่ม Volkswagen Group ที่ผลิตรถยนต์เปิดประทุนในเครือ
ตนเองหลายรุ่น ได้แสดงความเห็นเหมือนกันว่า สำหรับ Volkswagen จะไม่มีการพัฒนารถยนต์เปิดประทุน
รุ่นใหม่แล้ว และจะอิ่มตัวอยู่ที่ EOS กับ Golf Cabrio ซึ่งเป็นรถยนต์เปิดประทุนสองรุ่นที่ทำตลาดในขณะนี้
สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ เชื่อว่าต่อไปรถเปิดประทุนจะได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าทั่วไปน้อยลง และ
จะค่อยๆปรับเปลี่ยนเป็นรถยนต์สำหรับคนเฉพาะกลุ่มแทน ที่ต้องการความพิเศษอย่างแท้จริง เพราะป้ายราคา
ที่สูง(จากต้นทุนการพัฒนาที่สูง) จะผลักให้ผู้บริโภคหันไปหาทางเลือกใกล้เคียงมากขึ้นนั่นเอง
ที่มา : Automotive News