ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การใช้วัสดุชั้นสูงในรถยนต์ยุคปัจจุบัน มีส่วนช่วยลดน้ำหนักอย่างมาก ทำให้เปิดโอกาส
สำหรับความเป็นไปได้ทางวิศวกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่แล่นได้เร็วขึ้น ประหยัดน้ำมันมากขึ้น รวมไปถึง
แข็งแรงมากขึ้น และทำให้ควบคุมตัวรถได้ดีขึ้น
วัสดุ Carbon Fiber เอง ก็เป็นหนึ่งในวัสดุชั้นสูงที่ถูกนำมาใช้ในรถยนต์ยุคใหม่อย่างกว้างขวาง แต่กำแพงชิ้นใหญ่
ที่มาขวางให้ไม่มีการนำมาใช้มากเท่าที่ควร อยู่ที่กำลังการผลิตและต้นทุนที่สูงจนถูกจำกัดอยู่ที่รถยนต์ไฟฟ้าล้ำอนาคต
กับรถยนต์สมรรถนะสูงเท่านั้น
เร็วๆนี้ ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป จากการบอกเล่าของ MAI Carbon Cluster Management GmbH บริษัท
พาร์ทเนอร์รายใหญ่ของค่าย BMW และ Audi ที่ช่วยผลิตคาร์บอนไฟเบอร์ ป้อนสู่รถยนต์ทั้ง 2 แบรนด์ กล่าวว่า
ในอนาคตอันใกล้นี้ ต้นทุนการผลิตอาจถูกลดลงถึง 90% จากปัจจุบันที่มีราคาต้นทุนประมาณ 700 บาท/กิโลกรัม
งานนี้ เป็นผลมาจากการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมนีและสถาบันวิจัยต่างๆ ที่ช่วยกันลงทุนกว่า 102 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เพื่อผลักดันให้มีการใช้ Carbon Fiber ได้กว้างขวางกว่าเดิม และถูกนำไปใช้ในรถยนต์เจเนอเรชั่นต่อไปได้อีกมาก
ไม่เพียงแต่แบรนด์รถยนต์ที่สนับสนุนการลงทุนนี้เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงวงการวิศวกรรมอื่นๆ อีกกว่า 70 แบรนด์
เช่น Airbus และ Siemens ที่อยากเห็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มีราคาถูกลงเช่นกัน จากปัจจุบันที่นับว่ามีราคาแพง
เมื่อเทียบกับเหล็กกล้าซึ่งมีราคาต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 33 บาท/กิโลกรัม
โดย BMW ได้เปิดเผยในงาน 2014 Paris Motor Show ว่า นอกจาก BMW i3 และ i8 ที่นำคาร์บอนไฟเบอร์
มาใช้เป็นวัสดุหลักของตัวรถแล้ว BMW 7-Series โฉมใหม่ ก็จะถูกนำเอาคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ด้วย ร่วมกับวัสดุ
ยุคใหม่อื่นๆที่จะช่วยหั่นน้ำหนักออกจากรุ่นปัจจุบันไปถึง 200 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นการลดน้ำหนักได้มากเลยทีเดียว
ที่มา : Automotive News