ไม่น่าเชื่อว่าจากแบรนด์รถสปอร์ตค่ายเล็ก ๆ ที่กำลังมีความทะเยอทะยานสูงมากอย่าง Lotus กลับต้องมาประสบชะตา
กรรมน่าคับขันเช่นนี้ จากเดิมที่จะต้องการความยิ่งใหญ่ในด้านผู้เชี่ยวชาญรถสปอร์ตจนสามารถเทียบชั้นกับค่ายรถ
สปอร์ตอิตาลีก็จะต้องลดสเกลลงมาทำในสิ่งที่ตนเองถนัดมากที่สุดซึ่งก็เป็นผลดีต่อการอยู่รอดในระยะยาว
แผนการผ่าตัดองค์กรเพื่อการอยู่รอดระยะยาวของ Lotus ในขั้นแรกเริ่มจากแผน “Build a Strong” และ “Sustainable
Future” หรือสรุปง่าย ๆ ว่าคือการสร้างความแข็งแกร่งเพื่ออนาคตที่ยืนยาว โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องมีบุคลากรให้ทำงานถูก
กับลักษณะงานที่ทำมากที่สุด
นั่นหมายความว่า Lotus จะต้องปลดพนักงานที่ไม่จำเป็นออกมากถึง 325 รายหรือราวเกือบ 1 ใน 4 ของพนักงานทั้งหมด
ที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดย Lotus ให้เหตุผลว่าอยากจะรักษาธุรกิจให้มีทักษะและความรู้เฉพาะทางเป็นหลัก
Jean-Marc Gales ซีอีโอแห่ง Lotus ได้กล่าวถ้อยคำสุดซึ้งว่า ความจริง Lotus ไม่อยากจะใช้นโยบายนี้ เพื่อไม่อยากให้
กระทบกับพนักงานทุกคนที่อุทิศตนและทำงานหนักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อสนับสนุนธุรกิจ Lotus โดยตลอดมา พวก
เขาจึงรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการตัดสินใจดำเนินธุรกิจใหม่ที่จะทำให้พนักงานและครอบครัวของพนักงานได้รับ
ผลกระทบกระเทือนไปด้วย
ผลลัพธ์จากการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรใหม่ก็ทำให้ Lotus กลายเป็นบริษัทรถที่คล่องตัว, มีการจัดการที่แข่งขันกันได้,
ให้ความสำคัญกับการพัฒนารถสปอร์ตระดับหัวแถวและนวัตกรรมวิศวกรรม และแน่นอนว่าพวกเขาก็จะปรับปรุงยอดขาย
ให้ดีกว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมา
สิ่งที่น่าสนใจมากคือ Lotus จะพยายามวางตำแหน่งแบรนด์ไม่ให้ท้าชนกับใคร ด้วยการเป็นผู้ผลิตที่ให้ความสำคัญกับ
ความเบา, ความคล่องตัวและมีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้ในรถสปอร์ตทั่วไป
ส่วนแผนระยะยาวที่จะได้เห็นภายในทศวรรษนี้ก็คือรถแบบซาลูนและเอสยูวีค่อนข้างแน่
เราก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Lotus จะสามารถสร้างแบรนด์และวิถีการทำงานของตนให้แข็งแกร่งกับสมรภูมิที่เชี่ยวกราก
ในอนาคตได้หรือไม่?
ที่มา : Worldcarfans