พักหลังมานี้ ต้องยอมรับกันเลยว่า ตั้งแต่ Ford ขายกิจการของ ทั้ง Jaguar
และ Land Rover ให้กับ Tata Motors มาตั้งกิจการเป็นเอกเทศ ในชื่อใหม่
Jaguar Land Rover (JLR) ในปี 2008 ทั้ง 2 แบรนด์ ก็ขยัน สร้างความฮือฮา
ให้กับโลกวงการรถยนต์ อย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (8 กันยายน 2014 ตามเวลาท้องถิ่น กรุง London) Jaguar สร้างสีสัน
ให้กับงานเปิดตัว Jaguar XE Premium Compact Sport Sedan รุ่นใหม่
ล่าสุดของตน ถึงขั้น ใช้เฮลิคอปเตอร์ บรรทุกรถคันสีแดง มายังสถานที่จัดงาน
Earl Court ริมแม่น้ำ Thames ฝั่งตรงข้ามกับ London Eyes ก่อนจะส่ง
ลงเรือตรวจการ ล่องมาตามลำน้ำ แล้วค่อยส่งขึ้นฝั่ง บนเวทีกลางน้ำ ที่จัดไว้
อย่างอลังการงานสร้าง จนดูราวกับจงใจประกาศถึงความพร้อมที่ Jaguar
จะหวนกลับมาบุกตลาด Premium Compact อีกครั้ง
ย้อนกลับไปสู่ต้นทศวรรษ 2000 เมื่อครั้งที่ Jaguar เคยอยู่ในร่มไม้ชายคา
ของ Ford Motor Company พวกเขาเคยนำพื้นตัวถังขับเคลื่อนล้อหน้า
ของ Ford Mondeo มาใช้พัฒนา รถยนต์นั่งรุ่น X-Type ขับเคลื่อน 4 ล้อ
แล้วเปิดตัวในช่วงปี 2000
ผลลัพธ์ หนะหรือ? ด้วยสมรรถนะที่ไม่ดีเท่าที่คาดหวัง แถมยังเต็มไปด้วย
ความจุกจิกของทั้งระบบส่งกำลัง และเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ทำให้ Jaguar
X-Type กลายเป็น หนึ่งในรถยนต์ ที่ล้มเหลวของพวกเขา
แต่คราวนี้ เมื่อ Jaguar ออกมาอยู่ในเครือ Tata Motors ทุกอย่าง ช่างดู
น่าตื่นเต้น ท้าทาย หลายโครงการที่เคยล้มพับไปเพราะไม่มีเงิน กลับ
ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงานของผู้บริหารอีกครั้ง หนึ่งในนั่น
ก็คือ XE คันนี้ด้วย
Jaguar XE เป็นรถยนต์นั่งกลุ่ม Premium Compact Class ที่ถูกพัฒนาขึ้น
โดยมีเป้าหมายหลัก คือเพื่อท้าชนกับ Audi A4, BMW 3-Series และ รวมถึง
Mercedes-Benz C-Class โดยตรง
XE ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง iQ (AI) Platform ใหม่หมดจด จุดเด่นของพื้นตัวถัง
ใหม่นี้ก็คือ ทำจากอลูมิเนียม และสามารถยืดหรือหดระยะฐานล้อได้ เพื่อให้นำไปใช้
เป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับรถยนต์รุ่นใหม่ๆได้หลายรุ่น รวมถึง Crossover SUV
ที่พัฒนาขึ้นจากรถยนต์ต้นแบบ C-X17 Concept ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในปีหน้า
ไม่เพียงเท่านั้น โครงสร้างตัวถังของ XE ยังใช้อะลูมีเนียมอัลลอย High Strength
6000-series alloy ซึ่งมีความแข็งแรงสูง มาใช้ขึ้นรูปโครงสร้างตัวถังแบบเชื่อม
ติดกันทั้งคัน (Monocoque) ที่สำคัญก็คือ XE ใหม่ ยังถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกในโลก
ที่ใช้ อะลูมีเนียม อัลลอย RC 5754 ซี่งผลิตขึ้นจากวัสดุ Recycle การใช้วัสดุใหม่
จะช่วยให้ Jaguar บรรลุเป้าหมาย การใช้วัสดุ Recycle มากถึง ร้อยละ 75 ภายใน
ปี 2020
ตัวรถมีความยาว 4,672 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตต สูง 1,416 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ 2,835 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเปล่า ตั้งแต่ 1,414 กิโลกรัม ขึ้นไป
เส้นสายตัวถัง ลู่ลมด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ ต่ำสุดเพียง Cd 0.26
(เทียบเท่ากับ Toyota Prius) ยังคงถูกออกแบบ โดยได้รับอิทธิพลด้านแนวเส้น
จากชายกลางในตระกูล รุ่น XF แต่ถูกปรับลุคส์ให้ดูโฉบเฉี่ยว เร้าใจยิ่งกว่า XF
ภายในห้องโดยสาร ออกแบบขึ้นใหม่ เน้นการจัดวางอุปกรณ์ให้สะดวก
ต่อการใช้งาน ตกแต่งภายใน เบื้องต้น 2 แบบ ทั้ง แนวหรู ด้วยโทนสี
ขาวครีม หรือดำ ตัดกับสีแดง
จุดเด่นที่สำคัญ อยู่ที่ การยกระดับ ระบบ Infotainment ภายในรถ ให้ดีขึ้น
รวมทั้ง เพิ่มระบบ InControl Remote functionality ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่ยัง
สามารถบังคับการทำงานอุปกรณ์ในรถ ผ่าน Application บนโทรศัพท์
มือถือ ทั้ง iOS และ Android ได้หมด รวมทั้งยังสามารถปล่อยสัญญาณ
Wi-Fi Hotspot ได้เองอีกด้วย! ขณะที่ชุดเครื่องเสียง เป็นผลงานความ
ร่วมมือกับ Meridian
เครื่องยนต์สำหรับ XE มีให้เลือก ทั้งแบบเบนซิน และ Diesel โดยแบบ
เบนซิน นั้น มีให้เลือกทั้งบล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,000 ซีซี Direct
Injection พ่วง Turbocharger เชื่อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ จาก ZF
รุ่น 8HP
ส่วนรุ่น Diesel นั้น เป็นบล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,000 ซีซี เช่นกัน
163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ
8 จังหวะ จาก ZF แต่มีเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะรอให้เลือกอยู่
ส่วนเบนซิน รุ่นแรงสุด เป็นเครื่องยนต์ V6 DOHC 24 วาล์ว 2,995 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 84.5 x 89.0 มิลลิเมตร เสื้อสูบและฝาสูบ ผลิตจาก
อะลูมีเนียม อัลลอย จ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ด้วยหัวฉีดที่มี
แรงดัน 150 บาร์ ติตตั้ง Supercharger แบบ Twin-Vortex กำลังสูงสุด
340 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร
(45.85 กก.-ม.) ที่ 4,500 รอบ/นาที ที่ประจำการอยู่แล้วใน F-Type
ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ของ ZF รุ่น 8HP45
ให้อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 5.1 วินาที ความเร็วสูงสุด
250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปล่อยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ 194 กรัม/กิโลเมตร
ระบบกันสะเทือน จะเปลี่ยนมาใช้แบบปีกนกคู่ ทั้งด้านหน้า
ส่วน ด้านหลัง จะเป็นแบบ Integral Link ชิ้นส่วนปีกนกและ
จุดยึดบางอย่าง ทำจากอะลูมีเนียม เพื่อให้มีน้ำหนักเบา และ
ได้สมรรถนะในการเกาะถนนที่ดีเยี่ยม
นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ Jaguar ตัดสินใจนำระบบพวงมาลัย
แร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPAS หรือ
Electric power steering มาใช้กับรถยนต์ของตน โดยประเดิมกับ
XE เป็นรุ่นแรก พวกเขายืนยันว่า ได้ปรับจูนพวงมาลัยให้มีการ
ตอบสนองที่ดี แถมยังมีส่วนช่วยลดอัตรสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และ
ลดการปล่อยก๊าซ CO2 ทางอ้อม ได้ถึง ร้อยละ 3 โดยที่ยังไม่เสีย
บุคลิกการควบคุมในแบบที่ทีมวิศวกรตั้งใจไว้
ด้านความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active Safety) ถือเป็นครั้งแรก
ในโลกที่ Jaguar นำระบบ All Surface Progress Control
(ASPC) ระบบนี้ พัฒนาขึ้นจากประสบการณ์ด้าน Off-Road จาก
ทีมวิศวกรของ Land Rover
หลักการทำงานก็เหมือนการใช้ระบบ Cruise Control ในความเร็วต่ำ
คือ ในขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ตั้งแต่ 3.6 จนถึง 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ASPC จะควบคุมการทำงานจะควบคุมการทำงานของระบบเบรก และ
ระบบขับเคลื่อน เพื่อรักษา การยึดเกาะกับพื้นถนน บนพื้นผิวเปียกลื่น
โดยผู้ขับขี่ แทบไม่ต้องเหยียบแป้นเบรกเลย!
ด้านความปลอดภัยเชิงการให้ข้อมูล XE ใหม่ มีระบบยิงความเร็ว และ
ภาพกราฟฟิคของระบบนำทาง ขึ้นบนกระจกหน้ารถ Llaser head-up
display (HUD) อีกทั้งยังเป็นรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ใช้เทคโนโลยี กล้อง
Sterio camera เพือควบคุมการทำงานของระบบเบรกเองอัตโนมัติใน
ภาวะฉุกเฉิน Autonomous emergency braking system ระบบ
ล็อกความเร็ว Adaptive Cruise Control ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร
ระบบเตือนรถที่แล่นตามมาด้านข้างก่อนจะเปลี่ยนเลน Lane departure
warning กับ blind spot monitoring, ระบบเตือนรถหรือวัตถุที่แล่นมา
ทางด้านหลัง ฯลฯ อีกมากมาย
Jaguar XE มีกำหนดส่งขึ้นโชว์รูมทั่วโลก ในปี 2015 ส่วนบ้านเรานั้น
มีความเป็นไปได้สูงมากว่า City Automobile ผู้จำหน่ายในเมืองไทย
อย่างเป็นทางการ อาจกำลังเตรียมแผน สั่งนำเข้ามาขายในไทย ใน
ช่วงปี 2015 – 2016
—————————–///——————————