Tata Indica Vista (ซับเนมเหมือนกับระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows อันเกือบจะโด่งดัง) ซับคอมแพคท์แฮทช์แบค 5 ประตูปรากฏโฉมใหม่ในปี 2008 ที่สวยกว่า Indica ดั้งเดิมมาก (แต่ Tata Indica รุ่นดั้งเดิมก็ยังทำตลาดควบคู่กันกับ Indica Vista)
ไฉนเลยจะขาดเวอร์ชันตัวถังซีดาน 4 ประตูไปได้อย่างไร ไม่รอช้าวันที่ 14 ตุลาคม 2009 Tata จึงจัดการเปิดตัว Tata Indigo โฉมใหม่โดยมีชื่อซับเนมต่อท้ายว่า Manza เพื่อสืบสานต่อตำนาน Tata Indigo ซีดานที่ต่อบั้นท้ายจากรุ่น Indica ดั้งเดิมที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2003 กวาดยอดขายจนถึงปัจจุบันนี้ได้มากถึง 275,000 คันเลยทีเดียวหนำซ้ำยังเป็นรถที่ติดอันดับยอดขายลำดับต้น ๆ ของตลาดอีกด้วย
Tata Indigo Manza รุ่นใหม่ก็เช่นกันยังคงใช้พื้นฐานครึ่งคันหน้าของ Tata Indica Vista เช่นเคย มาคราวนี้ปรับลุคให้ดูภูมิฐานมากกว่าตัวก่อนเพื่อรับหน้าที่ฟาดฟันกับ 2 เจ้าตลาดหลักอย่าง Maruti Suzuki Swift Dzire ที่ใช้ครึ่งคันหน้าร่วมกับ Swift แฮทช์แบคและ Honda City ที่มาในมาดสปอร์ตโดยเฉพาะ
เมื่อผมเห็น Tata Indigo Manza ครั้งแรก ผมก็แอบนึกสงสัยอยู่ในใจว่ามันเหมือนกับรถต้นแบบคันไหนในโลกหรือเปล่า? ในที่สุดก็ค้นพบคำตอบแล้วว่ามันก็คือรถทรงเดียวกับ Tata Elegante รถต้นแบบซับคอมแพคท์มาดหรูที่เคยอวดโฉมในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ประจำปี 2007 นั่นเอง
ถือว่า Tata กล้ายกระดับรถยนต์นั่งระดับซับคอมแพคท์ซีดานไปสู่มาตรฐานสากลมากขึ้น มากกว่าเน้นตลาดอินเดียที่คำนึงถึงแต่ความประหยัดอย่างเดียว
แต่ใช่ว่า Tata จะละทิ้ง Indigo โฉมปัจจุบันทิ้งนะครับก็ยังขายควบคู่กับไปกับรุ่นใหม่ รวมทั้งต้องขายพร้อมกับ Indigo CS (ตัวถังสั้นกว่า 4,000 มม.เพื่อให้ได้สิทธิ์ภาษีรถราคาถูก),Indigo XL รุ่นฐานล้อยาว 2,650 มม. และ Indigo Marina ตัวถึงสเตชั่นแวกอน ก็เรียกได้ว่า Tata ตอบสนองความต้องการรถซับคอมแพคท์ได้ครอบคลุมชาวอินเดียอย่างแท้จริง
ดีไซน์ครึ่งคันหน้ามีจุดที่แตกต่างจาก Indica Vista ตรงที่ Indigo ถูกออกแบบลายกระจังหน้าโครเมี่ยมที่ดูหรูหรามากขึ้น พร้อมกันชนทรงใหม่คาดแถบโครเมี่ยมดูภูมิฐานมากขึ้น
มิติตัวถังที่ Tata เคลมว่าจัดเป็นความล้ำหน้าในตลาดด้วยความยาว 4,413 มม. ยาวที่สุดในตลาด ความกว้าง 1,703 มม. ความสูง 1,550 มม. ฐานล้อยาว 2,520 มม. (สั้นกว่า Honda City และ Toyota Vios 30 มม.) ส่งผลให้ขนาดห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้น และขนาดห้องสัมภาระใหญ่ถึง 460 ลิตร
Tata Indigo Manza รุ่นเครื่องดีเซลมีน้ำหนักระหว่าง 1,200-1,210 กิโลกรัม และรุ่นเครื่องเบนซินมีน้ำหนักระหว่าง 1,100-1,115 กิโลกรัม น้ำหนักตัวรถจัดว่าไม่เบาและไม่หนักจนเกินไปนักเพราะตัวรถทั้งยาวและสูงกว่าคู่แข่งพอสมควร
ห้องโดยสารของ Tata Indigo Manza ยืนยันว่าปลอดโปร่งโล่งสบายทุกที่นั่ง อีกทั้งยังดูสวยหรูดูมีราคาด้วยวัสดุบุแผงคอนโซลที่นุ่มนวล การตัดสีของห้องโดยสารแบบทูโทนก็ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีด้วยเช่นกัน
แผงคอนโซลกลางและพวงมาลัยทั้งหมดถูกออกแบบใหม่ไม่เหมือนกับ Tata Indica Vista แม้แต่น้อย ดูเผิน ๆ ก็ดูคล้ายแผงหน้าปัดของ Fiat Grande Punto ไม่น้อยเลยครับ โดยรวมจัดว่าออกแบบได้ดีและดูหรูหราอย่างที่ Tata เคลมเอาไว้ทีเดียว
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีให้เผื่อขาดไม่มีตัดให้เจ็บช้ำน้ำใจแน่นอน โดยไล่ตั้งแต่รุ่นพื้นฐานจนถึงรุ่นออพชั่นสูงสุดตามลำดับได้แก่ Aqua,Aura,Aura(ABS) และ Aura+
อุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งใน Tata Indigo Vista ทุกรุ่นได้แก่ ชุดเครื่องเสียงวิทยุ AM/FM รองรับ CD และ MP3 แต่รุ่นย่อยตั้งแต่ Aura,Aura(ABS),Aura+ ยังติดตั้งปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย,การเชื่อมต่อบลูทูธที่ Tata ตั้งชื่อเสียเก๋ไก๋ว่า Bluetooth5,พอร์ต USB และ AUX,รีโมตคอนโทรลอินฟราเรด
นอกจากนี้ยังติดตั้งล้อกระทะพร้อมฝาครอบล้อเต็มวงขนาด 15 นิ้ว,กุญแจ Immobiliser,กระจกไฟฟ้าคู่หน้า (ส่วนรุ่นย่อน Aura ไปจนถึง Aura+ มีกระจกไฟฟ้าคู่หลังให้ด้วย),เซ็นทรัลลีอค,ไฟเบรค LED ก็ติดตั้งไว้ให้ทุกรุ่นเช่นกัน
ระบบความปลอดภัย Tata ก็จัดให้ไม่ขาดไม่เกินทั้งระบบเบรค ABS เฉพาะรุ่น Aura(ABS)และAura+ ,ถุงลมนิรภัยคู่หน้าเฉพาะรุ่น Aura+
ขุมพลังของ Tata Indigo Manza นั้นอย่าได้ริอาจดูถูกเชียวนะครับ เพราะทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลได้รับความอนุเคราะห์จาก Fiat แห่งอิตาลีเชียวนะครับ
เครื่องยนต์ดีเซลมีชื่อที่ทรงพลังไม่แพ้รถสปอร์ตอิตาลีนามว่า QuadraJet90 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,248 ซีซี คอมมอนเรล 90 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดมหาศาล 200 นิวตันเมตรหรือ 20.39 กิโลกรัมเมตรจับคู่เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะเท่านั้น ส่วนความประหยัด Tata เคลมว่าเครื่องบล๊อกนี้ประหยัดสูงสุด 21.02 กิโลเมตรต่อลิตรตามาตรฐานสมาพันธ์วิจัยยานยนต์แห่งอินเดีย
เครื่องยนต์เบนซินมีชื่อเก๋ไก๋ว่า Safire90 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,368 ซีซี หัวฉีด MPFI 90 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 116 นิวตันเมตรหรือ 11.8 กิโลกรัมเมตรที่ 4,750 รอบต่อนาทีจับคู่เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะเท่านั้น มีอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐานสมาพันธ์วิจัยยานยนต์แห่งอินเดียที่ 14.5 กิโลเมตรต่อลิตร
สนนราคา Tata Indigo Manza เริ่มต้นเพียง 480,000 รูปีเท่านั้นถือว่าราคาสวยทีเดียวเมื่อเทียบคู่แข่งอย่าง Maruti Suzuki Swift Dzire เริ่มต้นที่ 528,000 รูปี,Honda City 840,000 รูปี,Hyundai Accent 524,000 รูปี,Ford ikon 496,000 รูปี
ส่วนราคารุ่นย่อยท๊อปสุด Aura+ สนนราคาแค่เพียง 675,000 รูปีเท่านั้นก็ถือว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผลมากทีเดียว
แต่ก็ใช่ว่าคุณภาพจะลดลงตามราคาเท่านั้น Tata ยังกล้ารับประกันรถรุ่นนี้นาน 2 ปีหรือระยะทาง 75,000 กิโลเมตร แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งจะถึงก่อน ชาวอินเดียสามารถซื้อหารถรุ่นนี้จากตัวแทนจำหน่าย 224 ราย โดยมีโชว์รูมทั่วประเทศ 493 แห่ง