ผมไม่ได้มา พัทยา นานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่จำได้ ก็แค่ขับรถผ่าน
ไม่ได้มีโอกาสแวะเวียน เยี่ยมเยียน หรือนอนพักผ่อนสักคืนสองคืน
มาหลายปีแล้ว

ดังนั้น เมื่อ พี่ศิ พีอาร์คุณแม่ลูกสาวสองหน่อ ของ Honda ชวนให้ผม
มาลองขับ Honda Jazz ใหม่ กันที่พัทยา ผมก็ไม่อยากจะปฏิเสธ

เปล่าหรอก ไม่ใช่ว่าพัทยา จะมีเสน่ห์ตรึงตาต้องจิตกับผมได้มากเท่ากับ
สถานที่ท่องเที่ยวประเภทเน้นขายหาดทราย สายลม และคลื่นทะเล
อีก 2 แห่ง ที่ผมเพิ่งจะเดินทางไปชาร์จแบ็ตเตอรีชีวิต กลับมาหมาดๆ
ทั้งที่ เกาะหลีเป๊ะ และ The Hen Resort ที่หัวหิน ซึ่งต่างก็มีบรรยากาศ
ที่แสนสงบ และแสนสบาย อย่างที่ผมชอบ ชนิดที่ว่า ตรงกันข้ามกับ
สิ่งที่พัทยา เป็น โดยสิ้นเชิง!

หากแต่เป็นเพราะ นี่น่าจะเป็นโอกาสเดียวในช่วงนี้ ที่ผมจะได้ลอง
สัมผัสกับ ผู้สืบทอดตำแหน่ง Sub-Compact Hatchback ที่ดีที่สุดใน
ตลาดรถยนต์เมืองไทย กับญี่ปุ่น

เพื่อที่จะค้นหาความแตกต่าง จากรถยนต์ที่ผมรู้อยู่เต็อกว่า มันก็คือ
City ใหม่ ในตัวถัง 5 ประตู นั่นแหละ

ใครที่ติดตามข้อมูลข่าวสารในแวดวงรถยนต์ มาเป็นเวลานาน คงรู้กันดี
อยู่เต็มอกแล้วว่า Honda City รุ่นตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา ถูกสร้างขึ้น
โดยใช้โครงสร้างวิศวกรรมต่างๆ ร่วมกันกับ Honda Jazz แม้ว่าทั้ง 2 รุ่น
จะถูกปรับแต่งให้มีความแตกต่างกันไปตามบุคลิกของตัวรถ เพื่อให้โดน
ความรู้สึกของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ก็ตาม

ในเมื่อการเปิดตัว รุ่นที่ 3 ของ Jazz ใหม่ในคราวนี้ เกิดขึ้นตามหลังการ
เปิดตัวของ เวอร์ชัน 4 ประตู อย่าง Honda City รุ่นที่ 4 แถมในเวอร์ชันไทย
ยังใช้ข้าวของเครื่องยนต์กลไก ร่วมกันทั้ง 2 รุ่น

คุณผู้อ่าน หลายคน คงจะเกิดเครื่องหมายปรัศนีย์ โผล่ขึ้นมากลางกบาล
ว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้ว Jazz ใหม่ จะแตกต่างจาก City ใหม่ ตรงไหน และ
อย่างไรบ้าง

ใครที่ไม่มีเวลาว่างพอจะอ่าน บทความ Full Review ขนาดย๊าวยาว ยิ่งกว่า
กระดาษชำระในห้องน้ำบางยี่ห้อ แต่ยังอยากรู้ บทสรุปแบบสั้นๆ คร่าวๆ
เผื่อช่วยในการตัดสินใจ หากจำเป็นต้องรีบตัดสินใจซื้อรถยนต์ในช่วงนี้

ผมขอสรุปทุกสิ่งทุกอย่าง ให้สั้นที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ในเบื้องต้นก่อน
ก็แล้วกัน…

นับตั้งแต่ลืมตาดูโลกครั้งแรกเมื่อเดือน พฤษภาคม 2001 และเข้ามาเปิดตัว
ในไทยครั้งแรก เมื่อเดือน พฤษจิกายน 2003 Honda Jazz (หรือใช้ชื่อ Fit
ในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา) มียอดขายสะสมทั่วโลกรวมกันถึง 5.2 ล้านคัน
จนกลายเป็นรถยนต์รุ่นสำคัญรุ่นที่ 4 ของ Honda ต่อจาก Accord, Civic
และ CR-V ตามลำดับ

มาวันนี้ Generation ที่ 3 ของ Fit / Jazz ซึ่งเพิ่งจะถูกเปิดตัวในญี่ปุ่น เมื่อ
วันที่ 5 กันยายน 2013 ก็ได้ฤกษ์ขึ้นสายการผลิต ณ โรงงาน Honda ที่นิคม
อุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดอยุธยา และพร้อมเปิดตัวในบ้านเราได้ เมื่อ
วันที่ 22 พฤษภาคม 2014 และผมขอเรียก Jazz
รุ่นนี้ด้วยความเต็มในนำเสนออย่างยิ่งว่า

“Jazz รุ่น ปฏิวัติ!”

เพราะทันทีที่งานเปิดตัวรอบสื่อมวลชน ณ ศูนย์แสดงสินค้า BiTEC บางนา
สิ้นสุดลง “พี่ตู่” พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็ประกาศ
เปิดตัวโครงการ “คืนความสุขให้ประชาชน” ด้วยการทำรัฐประหารกันดื้อๆ
อย่างที่ไม่มีใครในประเทศนี้ คาดคิดมาก่อนซะเลย เล่นเอาบรรดาลูกค้าที่
อยากจะมาดู Jazz ใหม่ พร้อมๆกับดูคอนเสิร์ตของวง Tattoo Color ใน
งานเลี้ยงช่วงเย็นวันเดียวกันถึงขั้นเหงื่อตก ว่าจะไปร่วมงานดีไหม

แต่สุดท้าย งานก็ยังดำเนินต่อไป จนจบลงได้ด้วยดี แฮปปี้กันทุกฝ่ายเมื่อ
นาฬิกาตี 2 ทุ่มเป๊ง! เผื่อเวลาให้ ทั้งลูกค้า พนักงาน รวมทั้งเจ้าของงาน ได้
แย่งกันกลับบ้านอย่างพร้อมเพรียงก่อนที่เวลาเคอร์ฟิว 4 ทุ่มตรงจะมาถึง

เหตุที่ผมเรียกว่า Jazz รุ่นปฏิวัตินั้น ผมก้รู้อยู่เต็มอกว่า ที่ถูกแล้ว ควรเรียกว่า
“การทำรัฐประหาร” แต่ผมจงใจใช้คำนี้ เพราะอารมณ์ของคำมันช่างมีพลัง
และตรงกับความรู้สึกของผมมากกว่า… แค่นั้น

นับจากวันนั้น จนถึงวันที่บทความนี้ออกเผยแพร่ ยอดสั่งจอง Jazz ใหม่ ที่มี
เข้ามารวมแล้ว ถึง 3,000 คัน โดยเฉพาะ ยอดจองสีเหลือง อันเป็นสีโปรโมต
ตามมาเป็นที่สองรองจากสีขาว นั่นทำให้ Honda ใจชื้นขึ้นมาก หลังจากนั่ง
กุมขมับกับสภาพเศรษฐกิจและปัญหาการเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อทุกค่าย
รถยนต์ จนยอดขาย รวมทั้งตลาด ร่วงหล่นลงมากว่า 30% นับว่า Jazz ใหม่
ช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์นั่งบ้านเรายามนี้ให้ยิ้มออกได้บ้าง

Jazz ใหม่ มีความยาวทั้งคัน  3,955 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,525
มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,530 มิลลิเมตร

เมื่อเปรียบเทียบกับ Jazz รุ่นก่อน ซึ่งมีความยาว 3,900 มิลลิเมตร กว้าง 1,695
มิลลิเมตร สูง 1,525 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,500 มิลลิเมตร จะพบว่ารุ่นใหม่
ยาวขึ้น 55 มิลลิเมตร กว้างและสูงเท่าเดิมเป๊ะ และมีระยะฐานล้อยาวขึ้น 30
มิลลิเมตร

เส้นสายตัวถังภายนอก ถูกออกแบบขึ้น ในแนวทาง Design ใหม่ล่าสุดของ
Honda ที่เรียกว่า Exciting H Design!!!  ที่เพิ่งจะเริ่มนำมาใช้เป็นครั้งแรกใน
Jazz ใหม่ นี่เอง บนพื้นฐานแนวคิดแบบ Crossblade Monoform เน้นความ
ปราดเปรียว เปี่ยมด้วยพลัง ด้วยแนวเส้น Character Line ด้านข้างตัวรถ ที่
คมชัด มีชุด Aero part รอบคัน ทั้งสปอยเลอร์ด้านหน้า สเกิร์ตข้าง และชุด
สปอยเลอร์ด้านหลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3

รุ่น V, V+, SV และ SV+ จะติดตั้ง ระบบกุญแจรีโมท Honda Smart Key
System มีรีโมท หน้าตาเหมือน Honda City ใหม่ การใช้งาน เหมือนกัน
คือพกกุญแจไว้ เดินเข้าใกล้ตัวรถ แล้วกดปุ่มสีดำ บนมือจับประตู ระบบจะสั่งให้
ล็อกประตูทุกบานให้ทันที แต่สิ่งที่ต่างกันก็คือ กุญแจของ Jazz ใหม่จะไม่มีปุ่ม
เปิดฝาประตูห้องเก็บของมาให้

การเข้า – ออกจาก ห้องโดยสาร ดีกว่ารุ่นเดิมนิดนึง แต่ก็ยังมีโอกาสที่หัวของคุณ
จะโขกเข้ากับ เสาหลังคาคู่หน้า A-Pillar ยังพอจะมีเหลืออยู่บ้าง

ตำแหน่งเบาะนั่งคู่หน้า เหมือน Honda City ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มของ
ฟองน้ำ หรือการออกแบบพื้นที่ส่วนพนักพิง และการดันหลัง แต่สิ่งที่แตกต่าง
กัน คือเนื้อผ้า เบาะนั่งของ Jazz ใหม่ จะมีเนื้อผ้าที่สากขึ้นเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับ
ความชอบและรสนิยมของคน พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ที่ปรับระดับ สูง – ต่ำ และ
ใกล้ – ห่าง แบบ Telescopic ได้เหมือนเดิม และตำแหน่งวางแขนบนแผงประตู
และคอนโซลกลางก็ยังคงเหมาะสม และยังมีขนาดใหญ่พอที่จะใส่ iPad ได้ 1
เครื่องอีกด้วย

แต่สิ่งที่ผมถึงขั้นฉงนสงสัย ก็คือ ทำไม Jazz ใหม่ ถึงติดตั้ง เข็มขัดนิรภัยแบบ
ELR 3 จุด ปรับระดับสูงต่ำได้ พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติ Pretensioner
มาให้ แต่กลับไม่ยอมใส่ใน City ใหม่ แม้แต่คันเดียว

การเข้า – ออก จากบานประตูคู่หลัง ทำได้ดีขึ้น เพราะความกว้างของช่องทาง
เพิ่มมากขึ้น

เบาะหลัง นั่งได้สบายขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว เล็กน้อย เบาะรองนั่ง ยังคงสั้น แต่ถือว่า
ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมนิดนึง ขณะเดียวกัน เบาะนั่งด้านหลังยังคงเอกลักษณ์ของ Jazz
ด้วยเบาะนั่ง Ultra Seatที่สามารถพับพนักพิงหลังให้แบนราบไปกับพื้นห้อง
เก็บของ และยกเบาะรองนั่งพับขึ้นแล้วล็อคไว้ เพื่อวางสิ่งของทรงสูงไว้กับ
พื้นตัวถังได้ แยกฝั่งซ้ายขวา มาให้

ที่สำคัญ พื้นที่เหนือศีรษะยังคงเยอะกว่า City ใหม่ แบบไม่ค้องสงสัย

แผงหน้าปัด ออกแบบคล้ายคลึงกับ City ใหม่ แต่ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ทุกชิ้น
ลองเล่นเกมจับผิดดูสิครับ ว่าจะเจอจุดไหน ตรงไหน และอย่างไรบ้าง …?

พวงมาลัย 3 ก้าน ออกแบบใหม่ ปรับระดับ สูง – ต่ำ และระยะใกล้ – ห่าง
Telescopic มีสนวิชต์ Multi-Function ควบคุมการทำงานของชุดเครื่องเสียง
บนฝั่งซ้าย (เฉพาะรุ่น V+,SV และ SV+) ส่วนฝั่งขวา จะมี สวิชต์ระบบล็อก
ความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control  และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddlse Shift
ด้านหลังวงพวงมาลัย ( 2 รายการหลังนี้ มีเฉพาะรุ่น SV และ SV+) และ
มีสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง รวมทั้งปุ่มรับ-วางสายโทรศัทพ์บนพวงมาลัย
(เฉพาะรุ่น V+,SV และ SV+)
 
มาตรวัดเรืองแสงสีน้ำเงินพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบ Digital
(มีเฉพาะรุ่น V, V+,SV และ SV+) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ
Push Start Ignition System (เฉพาะรุ่น V, V+,SV และ SV+)

เครื่องปรับอากาศในรุ่น S และ V ธรรมดา เป็นแบบมือหมุน พร้อมสวิชต์หมุน
ที่ให้สัมผัสในการใช้งาน นุ่มนวลและเป็นผู้ดีมากกว่ารุ่นที่แล้วเยอะ ส่วนรุ่น
รุ่น V+,SV และ SV+ จะใช้เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมแผงควบคุมแบบ
สัมผัส จะติดสว่างขึ้นมา เมื่อติดเครื่องยนต์ หรือเปิดสวิชต์ติดเครื่องยนต์ไปที่
Mode Accessory On ให้อุปกรณ์ในรถทำงาน

ชุดเครื่องเสียง เป็นจอ Touch Screen แบบเดียวกันกับทั้ง City และ Odyssey
เลยนั่นแหละครับ เชื่อมต่อได้ทั้งกับ Bluetooth USB และ HDMI ส่วนกล้อง
ส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ จะมีให้ในรุ่นย่อย V+, SV และ SV+

คุณภาพเสียง แอบดีกว่า City ใหม่นิดนึง แค่เพราะการย้ายตำแหน่งลำโพง
Tweeter จากบานประตู ไปอยู่ด้านบนสุดของแผงหน้าปัด ทั้งซ้าย – ขวา
ทำให้เสียง มีมิติ เพิ่มขึ้นอีกพอสมควร

ด้านความปลอดภัย ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ (I-Side Airbags) และ
ม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags) จะถูกติดตั้งในรุ่นย่อย SV+ เพียง
อย่างเดียว

ขุมพลังของ Jazz ใหม่ เวอร์ชันไทย แตกต่างจากเวอร์ชันญี่ปุ่น อย่างชัดเจน
เพราะ Honda เลือกใช้บริการจากขุมพลัง ของ City ใหม่ ให้มาช่วยประจำการ
ใน Jazz กันอีกแรง

ครับ ถูกแล้ว ผมกำลังพูดถึง เครื่องยนต์รหัส L15Z1 บล็อก 4 สูบ
SOHC 16 วาล์ว 1,497 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 89.4  
มิลลิเมตร กำลังอัด 10.3 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI พร้อมระบบ
แปนผันวาล์ว i-VTEC และ ระบบลิ้นคันเร่ง แบบไฟฟ้า Drive-By-Wire

อันที่จริง มันก็คือเครื่องยนต์บล็อกเดิมที่เคยวางอยู่แล้วใน City กับ Jazz
รุ่นที่ผ่านมานั่นเองครับ แต่ด้วยเหตุที่ต้องมีการปรับปรุงทั้งกล่องสมองกล
และชิ้นส่วนภายใน ให้รองรับการเติมน้ำมัน Gasohol ระดับ E85 ได้ แถม
ยังต้องมีการปรับจูนอีกเล็กน้อยเพื่อให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro IV

ทั้งหมดนั่นจึงทำให้ กำลังสูงสุด จึงลดลงจาก 120 แรงม้า (PS) ที่ 6,600
รอบ/นาที เหลือ 117 แรงม้า (PS) ที่รอบต่ำลงเหลือ 6,000 รอบ/นาที แต่
แรงบิดสูงสุด เพิ่มขึ้นจาก 145 นิวตันเมตร (14.77 กก.-ม.) ที่ 4,800
รอบ/นาที เป็น 146 นิวตันเมตร (14.87 กก.-ม.) ที่ 4,700 รอบ/นาที

ถ่ายทอดกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ มีในรุ่น
S MT เพียงรุ่นเดียว ที่เหลือ จะเปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ มาใช้
เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT แบบ มี Torque Converter พร้อม
ระบบ Shifting Control of Cornering Gravity และ G Design Shift

ในรุ่นย่อย SV และ SV+ จะมีแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ติดตั้งที่
ด้านหลังของพวงมาลัย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกเปลี่ยนตำแหน่งล็อก
ของพูเลย์ในชุดเกียร์ได้ 7 ตำแหน่ง มีช่องเสียบกุญแจ Shift Lock มาให้
สำหรับการปลดเกียร์ว่าง หลังจากจอดรถในกรณี จำเป็นต้องจอดขวาง
ชาวบ้านเขา เหมือนเช่นรุ่นเดิม

อัตราทดเกียร์เหมือนกันกับ City ไม่ผิดเพี้ยน ดังนี้

อัตราทดเกียร์……………………2.562-0.408
อัตราทดเกียร์ถอยหลัง…………..2.706-1.382
อัตราทดเฟืองท้าย……………….4.992

หลายๆคนคงจะตั้งคำถามว่า ระหว่าง City กับ Jazz คันไหนเร็วกว่ากัน
จากการที่ผมขับ Honda City จากกรุงเทพไปยังพัทยา แล้วเปลี่ยนไปขับ
Honda Jazz ในทันที ผมบอกได้เลยครับว่า มันเหมือนกันในทุกการ
ตอบสนอง แบบถ่ายสำเนาสีกันมาเลย ทั้งการไต่รอบเครื่องยนต์ขึ้นไป
จนถึงการเร่งแซงในจังหวะคับขัน หรือแแต่ขณะออกตัวจากไฟแดง
อย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะกลัวฝูงมอเตอร์ไซค์ข้างหน้าจะตกใจ

และด้วยความที่ตัวรถมีบุคลิกที่เหมือนกับ City ใหม่มากจนถึงกับต้อง
มาหาความแตกต่างกันแบบระยะรูขุมขน แต่ถ้าคุณเป็นลูกอีช่างจับผิด
ค้นหาสิ่งละอันพันละน้อยได้เก่งฉกาจพอๆกับนักสืบพันทิพย์ คุณก็
สามารถคัดกรองความแตกต่างที่แอบซ่อนอยู่ ออกมาได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น
มันขึ้นอยู่กับว่า ก่อนที่คุณจะขับ Jazz ใหม่ คุณเพิ่งลงจากรถคันไหนมา

ถ้าคุณเพิ่งลงจาก Jazz เก่า แล้วกระโดดมาขับ Jazz ใหม่ คุณอาจจะ
คิดไปเองว่า แผงหน้าปัดของ Jazz ใหม่ แอบสูงขึ้นกว่า Jazz เก่าเล็กน้อย
ทั้งที่จริงแล้ว มันก็สูงไล่เลี่ยกัน อัตราเร่งดูเหมือนอืดกว่า ทั้งที่จริงๆแล้ว
มันไม่อืดเลย ถ้าลองกดนาฬิกาจับเวลาเล่นๆ มันเร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิมนิดนึง
แน่ๆ คุณอาจจะคิดว่าพวงมาลัยไฟฟ้า EPS มันเบา ทั้งที่จริงๆแล้ว มันถูก
ปรับเซ็ทให้ตอบสนองเป็นธรรมชาติมากขึ้น (และแน่นอน มันเบากำลังดี
ในแบบที่คนส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ใช่คนบ้าขับรถจะชื่นชอบนั่นแหละ)

คุณอาจจะสัมผัสได้ว่า ช่วงล่างมันนุ่มกว่ารุ่นเดิม ซึ่งมันก็นุ่มขึ้นจริงๆ
นั่นแหละ และคุณอาจจะพบว่า การตอบสนองของ ระบบห้ามล้อ ดิสเบรค
คู่หน้า ดรัมเบรคคู่หลัง มันแอบนุ่มนวลขึ้น และควบคุมได้ตามสั่งมากขึ้น
กว่าเดิมนิดหน่อย

แต่ถ้าคุณเพิ่งลงจาก City รุ่นใหม่ แล้วกระโดดขึ้นขับ Jazz ใหม่ทันที แบบผม
ก็คงต้องขอพูดกันตรงๆว่า มันก็คือข้าวเหนียวมะม่วงจากร้านเจ๊เล้ง…. เฮ้ย!
ไม่ใช่ละ เอ่อ… แม่กิมไล้…. นั่นมันขนมหม้อแกง!….. เอาใหม่ จากแผงแม่ค้า
หน้าปากซอยแถวบ้านคุณนั่นแหละ เพียงแต่มันถูกเสิร์ฟบนภาชนะที่ต่างกัน
ระหว่างจานวงรีสีขาวกับห่อใบตองสดสีเขียว

เพราะถ้าต้องเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสองศรีพี่น้อง จะพบว่าการตอบ
สนองจากเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของทั้งคู่ เหมือนๆกันแทบไม่ผิดเพี้ยน
แม้กระทั้งการตัดลดรอบเครื่องยนต์ ในช่วงจาก 6,000 กว่าๆ เหลือ 5,000 กว่าๆ
ก่อนจะไล่กลับขึ้นไปใหม่ ในขณะที่คุณเข้าเกียร์ S พร้อมกับเล่นแป้น Paddle
Shift ไปด้วย ไมใช่แค่นั้น พวงมาลัยของทั้งคู่มีน้ำนักเบาใกล้เคียงกันมากๆ
เพียงแต่ในช่วงหมุนเลี้ยว คุณอาจต้องหมุนพวงมาลัยของ Jazz เพิ่มขึ้น
จาก City อีกนิดนึง และช่วงล่างของ Jazz ใหม่ที่นุ่มขึ้นกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อยนั้น
ก็ยังแอบตึงตังกว่า City ใหม่นิดนึง ขณะขับคลานๆไปตามถนนในเมืองพัทยา
อยู่ดี

********** สรุป (เบื้องต้น) **********
City ใหม่ ในตัวถังและความเอนกประสงค์แบบ Jazz…. City 5 ประตู?

เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเศษๆ บนท้องถนนในย่านพัทยา มันนานพอให้ผม
ได้รับรู้รสสัมผัสของ Jazz ใหม่ จนถึงขั้นยืนยันความคิดดั้งเดิม ตั้งแต่แรก
เห็นคันจริงครั้งแรกที่ญี่ปุ่นเลยว่า Jazz ใหม่ ได้ถูกปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อน
ต่างๆไปจนเกือบหมดไปพร้อมๆกับการ ผองถ่ายต้นทุนด้านงานวิศวกรรม
บางส่วนเพื่อไปเติมเต็มในด้านอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัย
ในแบบที่ลูกค้ากลุ่มซึ่งมองหาแต่ความคุ้มค่าในอณูของคันรถเป็นชีวิตจิตใจ จะ
ชื่นชอบและภาคภูมิใจถึงขั้นไปคุยโม้ ข่มทับเพื่อนฝูงญาติมิตรที่เพิ่งซื้อ City
รุ่นใหม่ ไปว่า

“รถชั้นดีกว่ารถหล่อนตั้งเยอะ Head room หลังก็โปร่งกว่า เบาะหลังก็พับได้
เยอะกว่า จะพับให้ราบเพื่อตั้งวงเล่นไพ่ หรือมีเซ็กส์ในรถก็เก๋ไก๋สไลเดอร์
เลิศเลอกว่า City เป็นไหนไหน แถมยังมีเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าที่ปรับสูงต่ำได้
… City ของหล่อนหนะ… มีป่ะ?”

“โอเค แต่หน้าตา City ของชั้นทั้งคัน ก็สวยงามลงตัวกว่า Jazz ใหม่ของเธอ
ตั้งเยอะ รถอะไรก็ไม่รู้ หน้าก็สั้นมู่ทู่ อ้วนเป็นหมู แถมตูดก็ไม่มี เหมือน
สรีระร่างอวบระยะสุดท้ายของหล่อนเลยน่ะ 5555555555″

ฟังแล้วได้แต่ละเหี่ยใจ ในคำสนทนา แขวะกันไปมาของสองอนค์นางเป็น
อย่างยิ่ง เพราะนอกจากตำแหน่งถังน้ำมันที่ไม่เหมือนกันแล้ว เครื่องยนต์
เกียร์ พวงมาลัย ช่วงล่างมันก็คลอดออกมาจากหัววิศวกร Honda R&D กัน
นั่นแหละ แต่แค่เซ็ทให้ต่างกันเพียงนิดเดียว ตามบุคลิกของรถ และกลุ่ม
ลูกค้าที่จะอุดหนุน

ถ้าไม่เชื่อ ไว้รอดูตัวเลขอัตราเร่งและอัตราสิ้นเพลิงเชื้อเพลิง จากบทความ
Full Review Jazz ใหม่ เร็วๆนี้ก็แล้วกัน

——————————–///———————————

ขอขอบคุณ / Special Thanks
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท Honda Automobile (Thailand) จำกัด
เอื้อเฟื้อการเดินทาง และรถทดลองขับ

——————————–

J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย รถยนต์ในประเทศไทย ทั้งหมด เป็นผลงานของทั้งผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.Headlightmag.com
12 มิถุนายน 2014

Copyright (c) 2014 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
June 12th,2014 

แสดงความคิดเห็น เชิญได้ คลิกที่นี่! / Comments are Welcome! CLICK HERE!