ในงาน New York Autoshow 2018 ถือเป็นปีประกาศความพร้อมและความยิ่งใหญ่ของ Toyota ชนิดที่ว่าหากใครพลาดแม้แต่วินาทีเดียว อาจมีสิทธิ์โดนล้มได้ เพราะพวกเขาได้เปิดตัว All NEW Toyota Corolla Hatchback และล่าสุด All NEW Toyota RAV4 พร้อมกันถึง 2 รุ่นในงานเดียวกัน
All NEW Toyota RAV4 Generation ที่ 5 เป็นผลิตผลล่าสุดของการพัฒนาโดยใช้พื้นตัวถัง TNGA ใหม่ล่าสุด ที่รองรับการพัฒนารถยนต์ให้มีความหลากหลาย แต่มีคุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น
ถึงแม้ Toyota กล่าวว่า RAV4 ในแต่ละรุ่นยังคงรักษาแนวคิดการออกแบบที่เหมาะสมสำหรับการผจญภัยและมีความกลมกล่อมในตัว เพื่อให้เจ้าของสามารถขับขี่ RAV4 ไม่จำกัดเวลาและสถานที่ แต่ทว่าเมื่อเรามองดีไซน์ภายนอกของมัน ก็พบว่า มันมีดีไซน์ที่ดูดุดันกว่า RAV4 รุ่นก่อนหน้านั้นมาก จนกลายเป็นว่ามันเป็น Compact SUV ที่มีบุคลิกดูแข็งแกร่งคล้าย SUV พื้นฐานกระบะ แต่ขณะเดียวกันมันก็ดูเพรียวบางและคล่องแคล่วซึ่งเป็นผลมาจากการใช้พื้นตัวถัง TNGA นั่นเอง
จุดเด่นของการออกแบบ All NEW Toyota RAV4 ที่นอกจากจะเปลี่ยนบุคลิกใหม่เป็น SUV ที่ดูแกร่ง ๆ ขึ้น ก็คือการออกแบบรายละเอียดเส้นสายตัวถังที่มีร่องเว้า ร่องลึกที่ดูสลับซับซ้อน ไม่มีฟอร์มแบบตายตัวเหมือนกับรถยุคที่ผ่านมา สังเกตให้ดีระหว่างเส้นชายล่างบานประตู ที่มีการปั๊มรูปตัวถังแบบร่องลึกคล้ายรูปสามเหลี่ยม จะเชื่อมต่อกับซุ้มโป่งล้อหลัง และเส้น Belt Line และเพิ่มความซับซ้อนจนยากจะอธิบายด้วยการเพิ่มร่องลึกรูปตัว D ล้อมรอบกระจกโอเปร่าหลังยาวจรดซุ้มล้อล้อหลัง
All NEW Toyota RAV4 ได้นำแรงบันดาลจากรถ Off-Road ของ Toyota ในอดีตมาประยุกต์เอาไว้ อาทิ Roof Rail ขนาดใหญ่สูงโด่งและซุ้มโป่งล้อเหลี่ยม ๆ ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าทรงดุดันที่มองเผิน ๆ คล้าย Hilux Revo Rocco
สัดส่วนตัวรถจะเตี้ยลงแต่กว้างขึ้น พร้อมทั้งขยายความกว้างแทร็กล้อคู่หน้าและหลังให้สมส่วนขึ้น อีกทั้งยังมีการขยายระยะฐานล้อเพื่อสร้างความสง่างามและขยายพื้นที่ห้องโดยสาร แต่ลดระยะโอเวอร์แฮงค์หน้า-หลังให้สั้นลงเพื่อการตะลุยทางลาดชันที่ดีกว่า
จุดเด่นของการใช้พื้นตัวถัง TNGA คือโครงสร้างตัวถังที่ทนต่อการบิดตัวถังขึ้นกว่ารุ่นเดิม 57% ช่วงล่างหลัง Multi-Link ที่ถูกจูนมาสำหรับ All NEW Toyota RAV4 จะส่งเสียงรบกวนน้อยลง, ขับขี่สะดวกสบาย อีกจุดที่น่ามหัศจรรย์ไม่น้อยเลยคือ ตัวรถมีระยะห่างจากพื้นดิน Ground clearance มากกว่ารุ่นเดิมเกินครึ่งนิ้ว
ภายในห้องโดยสารมี Layout ที่คล้ายคลึงกับ All NEW Corolla Hatchback เป็นอย่างมาก แต่เมื่อเช็ครายละเอียดภายในทั้งหมดจะพบว่ามีเพียงพวงมาลัยและชุดมาตรวัดใช้ร่วมกันได้ นอกนั้นไม่มีชิ้นส่วนใดใช้ร่วมกันเลย แม้กระทั่ง C-HR จึงนับได้ว่า Toyota ก็กล้าลงทุนกับการออกแบบภายในเพื่อสร้างความแตกต่างให้ได้มากที่สุด
Toyota เผยว่าทีมวิศวกรได้ใช้เวลาถึง 4 ปีในการปรับจูนสมรรถนะ, เสถียรภาพการบังคับควบคุม และการขับขี่ที่สะดวกสบาย จนมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ให้ความมั่นใจและเป็นธรรมชาติ
ขุมพลังของ All NEW Toyota RAV4
- เครื่องยนต์ Dynamic Force เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร VVT-ie จับคู่กับอัตโนมัติ Direct-Shift 8 จังหวะ
- ขุมพลัง Toyota Hybrid System II (THS II) เครื่องยนต์ Dynamic Force เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร จับคู่เกียร์ eCVT
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใหม่ล่าสุด Dynamic Torque Vectoring All-Wheel Drive พร้อมระบบ Rear Driveline Disconnect ที่ช่วงส่งแรงบิด 50% ของจากเครื่องยนต์ยังล้อคู่หลัง สามารถกระจายกำลังยังล้อหลังซ้ายและขวา ที่ขึ้นกับสภาวะการขับขี่ เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจในการบังคับควบคุมมากขึ้น และเมื่อขับขี่บนทางถนนระยะเวลานาน ๆ ระบบ Rear Driveline Disconnect จะส่งกำลังยังล้อคู่หน้า เพื่อป้องกันการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น และยังช่วยให้การขับขี่ราบรื่นยิ่งขึ้น
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบใหม่จะติดตั้งในรุ่น Hybrid ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซินจะเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบปกติ
ชุดระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 2.0 จะเป็นแบบเดียวกับ Corolla Hatchback ได้แก่
- ระบบเตือนผู้ขับขี่และช่วยเบรกอัตโนมัติก่อนที่จะเกิดการชน Pre-Collision System (PCS) with Pedestrian Detection (PD) แต่เพิ่มความสามารถในการตรวจจับคนเดินทางเท้า ทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืนได้ และยังรวมถึงความสามารถใจการตรวจจับผู้ปั่นจักรยานในตอนกลางวันได้ โดยระบบนี้ยังคงทำงานภายใต้ความเร็วระหว่าง 10-80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน ในย่านความเร็วระหว่าง 0-177 กิโลเมตร/ชั่วโมง Dynamic Radar Cruise Control - ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติ Lane Departure Warning With Steering Assist
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam Control
- ระบบช่วยควบคุมรถ หากขับขี่บนถนนที่ไร้เส้นแบ่งเลน Lane Tracing Assist (LTA)
Toyota จะส่งมอบ All NEW RAV4 ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 เป็นต้นไป ด้วยเครื่องยนต์เบนซินก่อน ส่วนขุมพลัง Hybrid จะส่งมอบในช่วงต้นปี 2019 เป็นต้นไป
ที่มา : Toyota