สวัสดีครับท่านผู้อ่าน headlightmag.com ทุกท่าน เรากลับมาพบกันอีกครั้งในเทศกาลดูรถประจำหน้าร้อนแห่งปี 2018
ท่านผู้อ่านหลายท่านที่ยังไม่ได้มาเยี่ยมชมงานในรอบVIPหรือรอบสื่อมวลชนคงอยากทราบว่าแต่ละค่ายขนอะไรมาบ้างในปีนี้ แน่นอนครับว่ามีรถหลายรุ่นที่เปิดตัวไปก่อนหน้างาน แต่ก็มีบางรุ่นที่อาศัยงานนี้เพื่อเปิดตัวรถใหม่สำหรับตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยงานนี้จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม – 8 เมษายน 2561 ณ Challenger Hall 1-3 เมืองทองธานี ด้วย Concept งาน ” Revolution in Motion ” ปฏิวัติทุกการเคลื่อนไหว
ภาพรวมของปีนี้ นับว่าเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่ค่ายรถยนต์แนวคิดใหม่ที่ทำตลาดด้วยรถยนต์พลังไฟฟ้า ดูจะได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนและคนทั่วไปมาเยี่ยมบูธกันอย่างคับคั่ง นับว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการให้ประชาชนเริ่มทำความคุ้นเคยกับรถยนต์พลังทางเลือกแบบใหม่ที่พวกเราบางคนอาจจะไม่มีวันได้เป็นเจ้าของ แต่คนรุ่นลูกหลานของเราจะหลีกหนีมันไม่พ้นอย่างแน่นอน
ส่วนในด้านของรถยนต์เครื่องสันดาปภายใน (ก็รถทั่วไปนั่นล่ะ) พบว่าปีนี้ รถจากฝั่งเมืองฝรั่งมีการเปิดตัวรถใหม่ เปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ หรือปรับรายการอุปกรณ์มาตรฐานกันอย่างคึกคัก ในขณะที่ฝั่งเกาหลีก็ไม่น้อยหน้า แต่ฝั่งญี่ปุ่นอาจจะไม่มีอะไรแปลกใหม่มากเท่าที่ควร ดูเหมือนต่างคนต่างจะสงวนหมัดไว้ซัดกันในไตรมาสหลังของปีมากกว่า
เรามาดูไฮไลท์กันดีกว่าครับว่างานนี้มีอะไรให้คุณชมบ้าง และขอให้มีความสุขกับการเดินชมรถ ไม่ว่าคุณจะมาเดินในงานกันเป็นคู่..เป็นกลุ่ม..เป็นสายลุยเดี่ยว..หรือมาคนเดียวแล้วค่อยมาหาคู่ในงาน (หากทำได้) และอย่าลืมติดตามข่าวสารเพิ่มเติมจากทางเพจ Headlightmag ใน Facebook เพราะนอกจากจะมีบทความนี้แล้ว ทางคุณหมู ธีรพัฒน์ ยังได้ทำกระทู้เจาะลึกสำหรับรถรุ่นต่างๆ และมีรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับรถบางรุ่นที่คุณอาจสนใจเป็นพิเศษ
เอ้า..พร้อมกันหรือยังล่ะออเจ้าทั้งหลาย?
Aston Martin
All-new Vantage ทรวดทรงแห่งนักล่า
ประเดิมกันด้วยรถสปอร์ตเมืองผู้ดีอย่าง V8 Vantage โฉมใหม่ล่าสุดที่เพิ่งจะเผยโฉมครั้งแรกในเมืองนอกไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 และประเทศไทยเป็นเจ้าแรกใน ASEAN ที่ได้สัมผัสรถคันจริง Vantage ตัวถัง AM6 นี้ใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบเดียวกันกับ DB11 รุ่นพี่ และมีดีไซน์ที่ได้รับอิทธิพลมาจากรถต้นแบบ DB10 ที่ใช้ในภาพยนตร์ James Bond โดยเฉพาะในส่วนท้ายของรถในขณะที่ด้านหน้านั้นมีความละม้ายคล้ายคลึงกับ Aston Martin Vulcan รถถนนสายเลือดรถแข่งราคาแพงระยับของทางค่าย
V8 Vantage ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ 8 สูบ 4.0 ลิตรทวินเทอร์โบซึ่งผลิตโดยโรงงาน Mercedes-AMG (รหัส M177 และเป็นเครื่องแบบเดียวกับใน AMG ตระกูล 63) สร้างพลังม้าได้ถึง 510PS แรงบิดสูงสุด 685 นิวตันเมตร สิ่งที่ต่างออกไปจาก AMG ก็คือแทนที่จะใช้ระบบส่งกำลังคลัตช์คู่ Aston เลือกเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF มาแทน และในอนาคตจะมีรุ่นเกียร์ธรรมดาตามออกมา ในปัจจุบันรถรุ่นนี้กำลังเดินสายโชว์ตัวตามประเทศต่างๆโดยกำหนดผลิตจริงนั้นจะเริ่มในเดือนมิถุนายน 2018
สำหรับรถรุ่นอื่นของ Aston ที่มาโชว์ นอกจากจะมี Vantage รุ่นเดิมมาจอดหลบอยู่ข้างหลัง ให้เห็นความแตกต่างด้านการออกแบบระหว่างรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่แล้ว อีกด้านนึงของบูธ ก็ยังมี Rapide ซูเปอร์ซีดานที่เรียวเปรียวเล็กเหมือนรถสปอร์ต ตามมาด้วย DB11 สปอร์ตรุ่นใหญ่ของค่ายที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ V12 5.2 ลิตร 600 แรงม้า ราคา 24,900,000 บาท และ Vanquish รถเรือธงของค่ายซึ่งน่าจะเป็นสายพันธุ์สุดท้ายของเครื่องยนต์ Aston Martin V12 แบบไร้เทอร์โบ ให้พลัง 568 แรงม้า เป็นของคุณได้ในราคา 27,900,000 บาท
Audi
รถหรูติดเทอร์โบ quattro เกาะแน่นนิ่ง ซิ่งสไบปลิว
รุกหนักอย่างต่อเนื่องเหมือนไปเคืองใครมา Meister Technik ผู้แทนจำหน่ายรายปัจจุบันเพิ่งทำตลาดมาได้ราว 1 ปี ทยอยเปิดตัวรถใหม่อย่างต่อเนื่อง และนำมาโชว์ในงานครั้งนี้อย่างหลากหลาย สำหรับซูเปอร์คาร์ R8 ราคา 18,999,000 บาท มากับสีเหลืองใหม่ ส่วน A4 Avant แวก้อนพ่อบ้านโหดเงียบ ก็มีสีเทาพิเศษที่เพิ่งสั่งมาสดๆร้อนๆ
สำหรับของใหม่ล่าสุดที่เผยโฉมในงานนี้ ก็คือ A7 Sportback 55 TFSI quattro S-Line ซึ่งมาพร้อมกับราคา 5,399,000 บาท อาจจะดูแพงเมื่อเทียบกับ CLS รุ่นใหม่ของ Mercedes-Benz ที่เป็นคู่แข่งสายตรง แต่ Audi จัดเต็มพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ Direct Injection ส่งกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่ S-tronic 7 จังหวะ แล้วยังมีมอเตอร์เสริมแรงในการขับเคลื่อน (Mild Hybrid) ให้พลังถึง 340 แรงม้า
นอกจากนี้ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ A7 ยังเป็นแบบ quattro-Ultra ซึ่งต่างจากระบบขับสี่ในรุ่นเครื่องวางตามยาวอย่าง A4 และ A5 ตรงที่ในยามปกติ ไม่ได้กดคันเร่งหนักๆหรือขับแบบเน้นเอามันส์ ระบบจะตัดการทำงานเหลือแค่ขับเคลื่อน 2 ล้อ เพื่อช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงและลดมลพิษ ส่วนเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ก็มีมาให้เต็มขั้นไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ 39 รายการ หลังคา Panoramic และล้ออัลลอยวงโตขนาด 20 นิ้ว
ขุมพลัง 340 แรงม้าใน A7 ก็เป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในการขับเคลื่อน A8 Saloon ยานยนต์ระดับเรือธงยาวกว่า 5 เมตรของ Audi ซึ่งได้มีการจัดงานเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ที่พัทยา โดยสำหรับประเทศไทยนั้น จะมีแค่รุ่นฐานล้อยาว (A8L) แต่มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ A8L 55TFSI quattro Premium ราคา 6,799,000 บาท และรุ่น Prestige ราคา 7,999,000 บาท เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นหากคุณไม่ต้องการเลือกรถหรูตามกระแส แต่ถ้าว่ากันตามพื้นฐานของราคาแล้ว อาจจะทะลวงป้อมคู่แข่งยากสักหน่อยเพราะ BMW และ Mercedes-Benz ต่างก็มีรถหรูขนาดยักษ์ประกอบในประเทศที่ราคาถูกกว่าให้เลือก รถที่แพงกว่า A8L จริงๆก็คงมีแค่ Lexus LS ซึ่งเจ้านั้นเขาไม่เคยเน้นเรื่องราคาอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ความที่บ้านเมืองเรามีน้ำอุดมสมบูรณ์มาก ท่วมได้ทุกฤดู ทำให้ SUV อย่าง Q7 เป็นหนึ่งในรถขายดีอันดับต้นๆของ Audi ดังนั้นก็เลยต้องมีรุ่นท้อปเหนือท้อปออกมา จากเดิมรุ่น 3.0V6 45TFSI 333 แรงม้าก็มีราคา 4,999,000 บาทแล้ว มาคราวนี้ Audi ทำรุ่นออพชั่นจัดเต็ม เครื่องเดียวกัน เป็น Black Edition ราคา 5,999,000 บาท ส่วนต่างที่เพิ่มมาล้านนึง ให้คุณได้ชุดแต่งภายนอกโทนดำเงา, ล้อขนาด 22 นิ้ว, หลังคา Panoramic, เบาะ S-Line ลายข้าวหลามตัด, หน้าปัด Virtual Cockpit/Audi MMI Navigation System, ช่วงล่างถุงลมแบบสปอร์ต, พวงมาลัยท้ายตัด, แผงประตูหุ้ม Alcantara และอื่นๆ
เชิญเลือกโปรยเบี้ยกันตามใจชอบ
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- Audi Q2 ราคาสุดพิเศษ 1,990,000 บาท จำนวนจำกัด
- Audi Q5 ผ่อน 0% นาน 5 ปี หรือประกันภัยชั้น 1 ฟรี 5 ปี
- Audi Q7 แคมเปญแถมประกันภัยชั้น 1 นาน 2 ปี
- หรือเลือกรับแคมเปญพิเศษ “แสนพอยท์ มีค่าแสนบาท” โดยลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซิตี้แบงค์ และกรุงศรีอยุธยา สามารถนำพอยท์ มาแลกเป็นเงินโบนัส ที่ Audi จะมอบให้เป็นพิเศษในวันออกรถ ทั้งนี้จะใช้ได้ไม่เกิน 1 แสนพอยท์
- แคมเปญดอกเบี้ย 0% นาน 48 – 60 เดือน สำหรับรุ่นที่บริษัทฯ กำหนด หรือผ่อนเพียงแค่ 1% ของราคารถกับ Audi Choice
ขณะที่ลูกค้าที่ออกรถ Audi ทุกรุ่นยังจะได้รับสิทธิ์ร่วมแคมเปญชิงโชคสุดเซอร์ไพรส์ ลุ้นเป็นเจ้าของรถสปอร์ต พรีเมี่ยม Audi TTS 1 คัน มูลค่า 4.599 ล้านบาท
รายละเอียดเพิ่มเติม
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม Audi A7 Sportback
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม Audi A8
Full Review: ทดลองขับ Audi A4 Avant quattro S-Line Black Edition
BMW/MINI
M-car แรงแบบไม่ต้องถาม ซีรีส์ 3 หลากรุ่นย่อย Freedom Choice ช่วยได้
มาบูธ BMW คราวนี้ดีใจ เพราะนอกจากจะจัดพื้นที่ได้สวยงามโล่งตาขึ้นแล้ว ยังน่าจะเป็นครั้งแรกที่ไม่ต้องมาลุ้นว่า i8 จะมีสีอะไรแปลกๆออกมาอีกหรือเปล่า ถ้าใครคิดถึง ก็เชิญเดินไปดูด้านหลังบูธได้ เป็นรถสีดำ Protonic Black ที่เคยอวดโฉมไปใน BMW Xpo ช่วงกันยายนปีที่แล้ว นอกเหนือจากนั้นไป ก็จะเป็นรถในสายการผลิตปกติ ทั้ง 520d, 530e, 730Ld, 740Le และรถตระกูล X ต่างๆ มากันครบ รวมถึง M2 ที่เด็ดจนอาจจะคว้า Headlightmag BestDrive 2017 ด้วยเช่นกัน (ปีนี้ประกาศช้า คนทำคะแนนไม่ว่าง อย่าเพิ่งทวง)
ในบรรดารถเก๋งสำหรับคนทั่วไป ซีรีส์ 3 น่าจะเป็นโมเดลที่ขายดีที่สุด ยิ่งใกล้ตกรุ่น ยิ่งแตกรุ่นย่อยออกมาจนนับแล้วน่าจะมากกว่า Toyota Altis เสียอีก แต่ก็เป็นผลดีสำหรับการตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า อย่างในงานนี้ BMW เปิดตัวซีรีส์ 3 ซาลูนอีก 2 รุ่นย่อย ได้แก่
- 320d M Sport 2,459,000 บาท- ใส่อุปกรณ์ชุดแต่งภายนอกและล้ออัลลอยให้ดูคล้ายกับ 330e M Sport ตัวท้อปมากขึ้น พวงมาลัย M Sport ภายในแบบ M Sport แต่ชุดจอกลางกลับใช้ขนาด 6.5 นิ้ว ซึ่งเล็กกว่า 330e M Sport/Luxury และไม่มีซันรูฟ
- 330e Sport 2,359,000 บาท- เวอร์ชั่นคั่นกลางระหว่าง 330e Iconic รุ่นถูกราคา 2,259,000 บาทกับรุ่น Luxury 2,559,000 บาท โดยลักษณะของตัวรถ ภายนอก และกันชนจะเหมือนกับรุ่น Iconic แต่ได้ล้ออัลลอย 18 นิ้วลาย 5 ก้านคู่มาแทนล้อของ Iconic ที่ดูตุ่นๆพิกล พวงมาลัย 3 ก้านแบบมาตรฐาน แต่มี Paddleshift มาให้ (ตัว Luxury ไม่มี)
ซีรีส์ 5 นั้นก็เพิ่งจะเปิดตัว 530i Touring M Sport ไปก่อนหน้านี้ในราคา 4,539,000 บาท ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเบนซิน TwinPower Turbo 252 แรงม้า มีระบบเปิด/ปิดบานประตูท้ายด้วยไฟฟ้า หรือจะใช้ยื่นเท้าไปแกว่งหาเสี้ยนใต้กันชนก็ได้เช่นกัน มีอุปกรณ์ครบ เซ็นเซอร์รอบคัน จอกลางขนาดใหญ่ 10.25 นิ้วพร้อมระบบสั่งการโดยขยับมือไปมา นับเป็นอีกรุ่นสำหรับคนรักรถสไตล์ สเตชั่นแวก้อนที่ยังคงชอบการขับขี่ที่สนุกสนาน รวมถึงใครก็ตามที่พลาดหวังจาก 530i M Sport ตัว 4 ประตู เพราะตอนนี้รุ่นซาลูนไม่มีเครื่องเบนซินเพียวแล้ว มีแต่ Plug-in Hybrid อย่าง 530e เท่านั้น
สำหรับคนที่เพิ่งออก X1 sDrive18d M Sport 150 แรงม้าไปก่อนหน้านี้ ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย เพราะงานนี้ BMW แอบนำเครื่องใหม่ใส่ X1 อย่างเงียบๆ กลายมาเป็น X1 sDrive20d M Sport 2,559,00 บาท (BSI Standard) ซึ่งอัพพลังเพิ่มอีก 40 แรงม้าเป็น 190 แรงม้า แรงบิดเพิ่มจาก 330 เป็น 400 นิวตันเมตร สนองความแซ่บ แสบแบบวัยรุ่นรักครอบครัว ตั้งราคาเท่ารุ่น sDrive18d M Sport เดิม อุปกรณ์ต่างๆเท่าที่สแกนด้วยตาของข้าพเจ้าดู ก็เหมือนเดิม ทั้งนี้หากเป็นรุ่นที่ตกแต่งแบบ xLine จะยังใช้เครื่องดีเซล 150 แรงม้าตัวเดิมไปก่อน ส่วนรุ่นเบนซิน sDrive18i 136 แรงม้า จะเปลี่ยนเกียร์จากแบบอัตโนมัติปกติ 6 จังหวะไปเป็นคลัตช์คู่ลูกใหม่แบบเดียวกับของ X2 เร็วๆนี้
สำหรับ X3 นี่ก็ไม่เบา แอบมีรุ่นย่อยเพิ่มมาใหม่เช่นกัน จากเดิมที่มีแค่รุ่น xLine เน้นหรูเรียบ ราคา 3,699,000 บาท ในงานมอเตอร์โชว์นี้ BMW เอา X3 xDrive20d รุ่น M Sport มาขายแล้วโดยบวกราคาไปอีกเป็น 3,799,000 บาท จุดแตกต่างอยู่ที่ชุดแต่ง M Sport รอบคัน ล้ออัลลอยเปลี่ยนเป็นลาย M Double Spoke (แต่ขนาด 19 นิ้วเหมือน xLine) ขอบหน้าต่างสีดำเงา ภายในมีการตกแต่งเป็นสีดำ/เงิน พวงมาลัย M Sport ทรงแบบของซีรีส์ 5 ช่วงล่างเปลี่ยนใหม่เป็นสเป็ค M Sport
ที่สำคัญ มีกล้องหลังมาให้แล้วจ้า
หากคุณเป็นคนที่ชอบของแรงๆ ก็ให้เดินมาเยี่ยมชมรถตระกูล M Cars ด้านหลัง M4 CS ใหม่ เป็นรถที่สร้างขึ้นมาคั่นกลางระหว่าง M4 รุ่นปกติ กับรุ่นพิเศษหายากอย่าง GTS/DTM Edition ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรเทอร์โบที่ปรับเพิ่มกำลังจาก 431 เป็น 460 แรงม้า ปลดล็อคกล่องเพิ่มความเร็วสูงสุดเป็น 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เกียร์คลัตช์คู่แบบ 7 จังหวะ ส่งกำลังไปเฟืองท้าย Active M ที่สามารถปรับสไตล์การขับตามความซนและใจของผู้ขับได้ จุดเด่นภายนอกอยู่ที่หลังคา ฝากระโปรงหน้าทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ภายในมีเบาะสปอร์ต Alcantara แถมเท่ห์สุดด้วยการไม่มีคันดึงเปิดประตู (ใช้วิธีกระตุกสายเอา..ไปเล็งดูเอง) สนนราคาก็แค่ 11,439,000 บาท (BSI Standard)
แต่ถ้าหากว่าม้า 460 ตัวไม่พอ และคุณอยากได้รถที่มีมาดผู้ใหญ่ขึ้นหน่อย M5 น่าจะเป็นคำตอบที่ดี ไม่ต้องถามหาตัว First Edition นะครับเพราะรายนั้น “มาแล้ว ไปแล้ว อย่างไว” เหลือแต่รุ่นปกติที่ตั้งราคาไว้ 13,339,000 บาท มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ M xDrive ซึ่งเลือกวิธีการส่งกำลังตามความชอบของผู้ขับได้ว่าจะเอาตะกายสี่แบบเกาะๆ, แบบพยศนิดหน่อย หรือถ้ามั่นหน้ามั่นใจสุดๆ จะปลดให้เหลือขับหลังก็ยังได้ แต่จะปล้ำกับม้า 600 ตัว หาที่หาทางให้ดีแล้วกันนะครับ
รถใหม่ ซิงสุดในงานที่เพิ่งเปิดตัว ณ มอเตอร์โชว์ ก็คือ BMW X2 sDrive20i M Sport X ใหม่ เป็นรถครึ่งๆกลางๆ ใต้ท้องสูงกว่ารถเก๋งแต่ไม่เท่า SUV บอดี้กระเดียดไปทาง Hot Hatch ทำนองเดียวกันกับ Mercedes-Benz GLA นั่นเอง แน่นอนว่า BMW ก็หมายมั่นให้ X2 มาเป็นคู่แข่งสายตรงกับ GLA อย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากที่ให้ X1 รับงานไม่ตรงหน้าที่มานานปี
X2 sDrive20i ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร TwinPower Turbo วางขวาง 192 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร ใช้เกียร์คลัตช์คู่ลูกใหม่ Steptronic DCT ที่จะถูกทยอยนำมาติดตั้งในรถเครื่องยนต์วางขวางของ BMW และ MINI นับแต่นี้เป็นต้นไป ลักษณะของรถเน้นความเป็นสปอร์ตชัดเจนกว่า X1 ด้วยชุดแต่งสปอร์ตสีเทาตัดกับตัวรถ ล้ออัลลอย Y Spoke ขนาด 19 นิ้ว หลังคา Panoramic ตัวรถมีให้เลือกสองสีคือเหลืองทอง Galvanic Gold และสีน้ำเงิน Misano ฺBlue
แนะนำว่าถ้าใครพาแฟนสาวหรือภรรยามาเดินในงาน พยายามอยู่ให้ห่างจากรถคันนี้ เพราะเท่าที่แอบเดินเงี่ยงหูฟังชาวบ้าน สาวๆหลายท่านปลื้มมากจนแฟนเหงื่อตกกีบ แน่นอน ก็ 2,999,000 บาทนี่แพงกว่า 330e M Sport อีกนะ
สำหรับบูธ MINI มีเหล่ารถรุ่น John Cooper Works ตัวแรง 231 แรงม้ามาโชว์ ตกแต่งบรรยากาศบูธได้สุดยอดเช่นเคย และมีการนำเสนอรถรุ่นพิเศษ MINI Clubman Yours Edition ที่เตรียมเปิดตัวให้เห็นอย่างเต็มรูปแบบผ่านช่องทาง Digital และบอกมาว่าช่องทางการสั่งจองก็จะเป็นแบบไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่บอกว่ากระไร
ไม่รู้ว่าเขาจะให้พี่ผินพี่แย้มแจวเรือเอาไปส่งให้อย่างนั้นหรือเปล่า
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
ลูกค้า BMW ที่จองรถในงาน และรับรถภายใน 30 เมษายน 2018 ได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้
- ลูกค้าซื้อซีรีส์ 730Ld, i8 และรถ M2, M4 กับ M5 ได้บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 70,000 บาท
- รุ่นอื่นๆ ยกเว้นรถ Plug-in Hybrid ได้บัตรเติมน้ำมันมูลค่า 50,000 บาท
- รถยนต์ Plug-in Hybrid ได้การยกระดับอัปเกรดจาก BSI Standard เป็น BSI Ultimate 5 ปี/100,000 กิโลเมตร
ลูกค้า MINI ที่จองรถในงาน และรับรถภายใน 30 เมษายน 2018 ได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้
- ทุกรุ่นยกเว้น Countryman ได้สิทธิ์อัปเกรดจาก MSI 3 ปี 60,000 กิโลเมตร เป็น 5 ปี 100,000 กิโลเมตร
- บริการ MINI Freedom Choice สำหรับลูกค้าที่จอง MINI Clubman Cooper S ให้สิทธิประโยชน์ในการรับประกันมูลค่ารถยนต์ MINI ในอนาคต เมื่อครบกำหนดสัญญาก็เลือกได้ว่าจะขายคืน/เทิร์นรุ่นใหม่ หรือเก็บไว้ใช้ต่อแล้วจ่ายเพิ่ม
รายละเอียดเพิ่มเติม
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม 530i Touring M Sport
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม X2 sDrive20i
BYD (EV)
เปิดประวัติศาสตร์ ยานยนต์ไฟฟ้าแดนมังกร
BYD เข้ามาทำตลาดโดยบริษัท Rizen Energy ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ชื่อ BYD นี้ไม่ใช่ของใหม่ แต่เป็นบริษัทที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 โดยมีฐานการผลิตหลักอยู่ที่เมืองเสินเจิ้น เมื่อโลกเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า BYD ก็ลงทุน วิจัย และผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไออ้อนสำหรับการขับเคลื่อนรถยนต์ไปจนถึงรถไฟรางเดี่ยว ในปัจจุบันค่ายนี้นับเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลก (นับรวมทั้งรถส่วนบุคคลและเพื่อการพาณิชย์)
กลยุทธ์ของ BYD ในไทยนั้นมาแปลก เพราะไม่ขายรถให้กับคนที่ต้องการซื้อไปใช้ส่วนบุคคล แต่มาจำหน่ายเป็นรถขนส่งสาธารณะและเชิงพาณิชย์ อย่าง BYD E6 คันข้างบนนี้ จะถูกนำมาทำเป็นแท็กซี่ VIP เมื่อถามว่าทำไมต้องทำแท็กซี่ ก็ได้ทราบคำตอบว่า เพราะผู้คนมีความกังขาในเรื่องความทนทานของรถยนต์ไฟฟ้า การเริ่มตลาดโดยให้ทำเป็นรถแท็กซี่จะเป็นตัวพิสูจน์ความทนทานให้ผู้คนเริ่มรู้สึกไว้ใจ อนึ่ง ประเทศไทยไม่ใช่ที่แรกที่ E6 ถูกนำมาทำแท็กซี่ เพราะในปัจจุบันมีรถรุ่นนี้วิ่งเป็นแท็กซี่อยู่ 87,000 คันทั่วโลก
E6 ใช้ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 80kWh (มากกว่า Nissan LEAF ใหม่ 2 เท่าตัว) วิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 350-400 กิโลเมตร ชาร์จไฟผ่านแท่นชาร์จ 40kW ของ BYD จนเต็มหม้อได้ภายใน 1 ชั่วโมงครึ่ง สนนราคาของรถอยู่ที่ 1,890,000 บาท
ส่วนรถตู้เล็กคันนี้ คือ BYD T3 ซึ่งเข้ามาจับตลาดรถขนส่งระยะใกล้ขนาดเล็ก เข้าซอกซอนได้ในพื้นที่ซึ่งรถใหญ่เข้าถึงได้ยาก เน้นความประหยัดจากการที่ไม่ต้องเติมเชื้อเพลิง ใช้แบตเตอรี่ขนาด 48kWh ใช้เวลาในการชาร์จผ่านแท่นชาร์จ 40kW ของ BYD ได้เต็มหม้อภายใน 1 ชั่วโมง 15 นาที สามารถวิ่งได้ไกล 150-200 กิโลเมตรขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน (ในรถยนต์ไฟฟ้าจะต่างจากรถเครื่องสันดาปภายในตรงที่ รถสันดาปภายในเจอรถติดมากๆจะกินน้ำมันมาก แต่รถยนต์ไฟฟ้าจะกินพลังไฟตามความเร็วที่วิ่ง..วิ่งเร็วมากก็ไฟหมดเร็ว) ราคาของ T3 ในเบื้องต้นตั้งไว้ที่ 1,590,000 บาท
Chevrolet
ชุดแต่งใหม่ สีสันใหม่ เทาเงานางแมว ส้มแสบเสน่ห์ จนไบเล่ยังเรียกพ่อ
Chevrolet ในขณะนี้จะเน้นการทำตลาดรถปิคอัพขนาด 1 ตัน และ PPV เป็นหลัก โดยมี SUV พื้นฐานรถเก๋งอย่าง Captiva เป็นตัวประกอบตลาดเล็กๆ ในขณะที่ Colorado เป็นเพียงรุ่นเดียวที่สร้างรายได้และฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิผลที่สุด เมื่อเร็วๆนี้ เพิ่งจะมีการอัปเดต Colorado เป็น Model Year 2018 ซึ่งมีการปรับราคาและอุปกรณ์ในบางรุ่นให้มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Colorado LT Z71 ซึ่งปรับราคาเพิ่มแค่ 8,000 บาท แต่เพิ่มอุปกรณ์ระบบช่วยเหลือด้านการทรงตัวและ Traction Control เป็นต้น
และเนื่องจากรถโมเดลตัวถังใหม่ๆ จะยังไม่มีมาภายในเร็วๆนี้ ดังนั้น Chevrolet ก็ต้องพยายามสรรหารถตกแต่งพิเศษมากระตุ้นตลาดอยู่เรื่อยๆ เช่น Trailblazer Phoenix Edition ซึ่งมีการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆเข้าไปเพิ่ม ตามผลการวิจัยของบริษัทที่พบว่า ลูกค้าของ Chevrolet 50% เมื่อซื้อรถไปแล้วจะชอบนำรถไปตกแต่งต่อเอง โดย Phoenix Edition จะประกอบไปด้วยชุดแต่งดังต่อไปนี้
อุปกรณ์ตกแต่งชุดใหม่ของเทรลเบลเซอร์ ประกอบด้วย
- สติกเกอร์ฝากระโปรง ด้านข้างตัวรถ และด้านข้างหลังคา
- ตราสัญลักษ์เชฟโรเลต โบว์ไท สีดำ ด้านหน้า และหลัง
- สปอยเลอร์หลังคาสีดำด้าน
- ชุดตกแต่งประตูท้ายสีดำด้าน
- ชุดกันรอยด้านท้ายประตู
- ซุ้มล้อสีดำด้าน
- ภายใน มีชุดตกแต่งช่องแอร์, ชุดตกแต่งคันเกียร์ และชุดแต่งข้างประตูสีแดง
ชุดแต่งทั้งหมด สามารถเลือกยกชุดเฉพาะภายนอก (24,934 บาท) หรือภายใน (4,953 บาท) หรือจะยกสองเซ็ตเลยก็ได้ 29,887 บาท แต่ราคานี้มีจนถึงวันที่ 8 เมษายน หรือวันสุดท้ายของมอเตอร์โชว์เท่านั้น
สำหรับ Colorado นั้น ก็มีการเพิ่มเฉดสีใหม่ โดยในรุ่นปกติ จะมีสีเทา Dark Shadow Metallic เพิ่มมาอีกสีหนึ่ง ส่วน Colorado Storm ซึ่งเป็นรุ่นตกแต่งพิเศษ ก็มีสีส้มแป๋นใหม่ล่าสุด Orange Crush มาให้เลือก โดยรุ่น Storm ปกติ จะมีให้เลือกแค่บอดี้ยกสูง 4 ประตู แต่มี 2 รุ่นให้เลือกคือแบบขับเคลื่อนล้อหลังราคา 1,028,000 บาท และขับเคลื่อนสี่ล้อราคา 1,098,000 บาท (เพิ่มจากรุ่นธรรมดา 30,000 บาท) โดยได้ชุดแต่งซุ้มล้อดำ ล้ออัลลอยรมดำ สปอร์ตบาร์ สติกเกอร์คาดข้างรถและอื่นๆ
นอกจากนี้ Chevrolet ยังได้เปิดตัวชุดแต่ง Accessories เพิ่มเติม เช่นชุดแต่งโป่งล้อดำ สติกเกอร์คาดข้าง แผงประตูและแดชบอร์ดสีส้ม คันเกียร์สีเงิน และอื่นๆอีกมาก ซึ่งมีให้เลือกสำหรับทั้งรุ่น X-Cab 2 ประตูและ C-Cab 4 ประตู ลูกค้าสามารถเลือกแต่งเฉพาะจุดหรือเฉพาะชิ้นได้ มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 7,912 บาทกับชุดแต่งสติกเกอร์ และ 39,826 บาทสำหรับชุดแต่งเต็มขั้นของรุ่น X-Cab และ 47,938 บาทสำหรับชุดแต่งเต็มของรุ่น C-Cab
เช่นเดียวกันกับ Trailblazer ก็คือ..ราคาพิเศษสำหรับชุดแต่งเหล่านี้จะมีผลไปจนถึงวันที่ 8 เมษายนเท่านั้นนะครับ
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- แคมเปญ “Hot Deal ” ให้แก่ลูกค้าที่งานมอเตอร์โชว์และที่ผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศระหว่างวันที่ 28 มีนาคมถึง 8 เมษายน 2561 โดยลูกค้าสามารถเลือกได้ ว่าจะรับอัตราดอกเบี้ย 0 เปอร์เซ็นต์ หรือเลือกผ่อนค่างวดน้อย
รายละเอียดเพิ่มเติม
ปรับราคาและอุปกรณ์ใหม่ Colorado LT Z71
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม Colorado High-Country Storm ใหม่
Full Review: ทดลองขับ Chevrolet Colorado 2.5VGT 2 และ 4 ประตู
First Impression: ลองขับ Trailblazer รุ่นพิเศษ Z71
FOMM (EV)
ยานยนต์ไฟฟ้า สมองญี่ปุ่น พลังคนไทย สู่โลกใหม่ไม่ง้อน้ำมัน
FOMM One (สีฟ้า) เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับคนเมือง ที่มีขนาดกระทัดรัดดวยลำตัวที่ยาวเพียง 2,585 มิลลิเมตร (สั้นกว่าระยะฐานล้อรถ C-Segment ทั่วไป) แต่ออกแบบให้จุคนได้ 4 ที่นั่ง (แต่เท่าที่ลองนั่งมา ควรเป็นคนตัวผอมหน่อย) มีความโดดเด่นด้วยพวงมาลัยทรงคล้ายเครื่องบิน และติดตั้งคันเร่งเอาไว้ที่พวงมาลัยนั่นเอง ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กจุ 2.96 kWh จำนวน 4 ก้อน ทำให้สามารถถอดแยกเปลี่ยนได้ในอนาคต และที่สำคัญ FOMM ยังริเริ่มเครือข่าย Battery Cloud ที่ลูกค้าสามารถขับเข้าไปเปลี่ยนได้เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องต้องไปหาแย่งจุดชาร์จกับชาวบ้าน
เมื่อชาร์จไฟจนเต็ม FOMM One สามารถแล่นได้ไกล 160 กิโลเมตรตามมาตรฐานการวัด WLTC (ใกล้เคียงกับ LEAF รุ่นแรกๆ) และสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เริ่มเปิดรับจองตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา สำหรับลูกค้า 2,000 คันแรก จะได้ส่วนลดราคาจาก 664,000 บาทเหลือ 599,900 บาท
ถึงแม้ FOMM One จะมีราคาเท่ากับรถอีโคคาร์รุ่นกลางค่อนข้างสูง แต่ทางบริษัทก็ชูจุดเด่นว่าค่าบำรักษาของ FOMM จะต่ำกว่ารถเบนซินทั่วไปถึง 9 เท่าเพราะมีชิ้นส่วนที่ต้องดูแลน้อย ไม่ต้องเติมน้ำมัน น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เป็นต้น
ส่วนรถต้นแบบอีกคันที่นำมาโชว์ คือ FOMM AWD Sports ซึ่งเป็นต้นแบบของรถยนต์ไฟฟ้าสปอร์ตขนาดกระทัดรัด ใช้แบตเตอรี่ 4 ก้อนแบบเดียวกับรุ่น One แต่ออกแบบตัวรถให้ได้สัดส่วน ดูสปอร์ต เพิ่มความยาวเป็น 3,300 มิลลิเมตร ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำมาผลิตจริง
Ford
Everest เข้าถึงเธอ แต่ Raptor น่ะถึงใจ
กระบะสายไม่แคร์สื่อ! ตัวจริงที่ประชาชนรอคอย ข่าวขึ้นเว็บปุ๊บคนคลิกเยอะจน Server เดี้ยงไป 3 รอบ นี่ล่ะคือ Ford Ranger Raptor ตั้งราคาไว้ 1,699,000 บาท ซึ่งส่วนที่แพง ไม่ใช่แค่เพราะอุปกรณ์และการปรับปรุงในส่วนของแชสซีส์ และช่วงล่างเท่านั้น อย่าลืมด้วยว่าการใช้ช่วงล่างหลังแบบคอยล์สปริง ทำให้มันต้องเสียภาษีสรรพสามิตในเรทเดียวกับ Ford Everest ซึ่งแพงกว่าอัตราที่ใช้กับรถกระบะช่วงล่างหลังแหนบทั่วไปมาก
แต่ถึงจะมีคนไม่สบอารมณ์กับราคา และไม่ยอมทำความเข้าใจในกลไกภาษีที่แตกต่าง Ford ก็ไม่ได้สนอะไรมาก เพราะตามสโลแกนของเขา It’s not a truck. It’s a supertruck. ก็บอกอยู่แล้วว่ามันทำออกมาเพื่อคนที่ต้องการ Ranger เหนือ Ranger มีความรักใน Ranger และยินดีที่จะจ่ายเพื่อรถเอกสิทธิ์ที่แตกต่างจากคนอื่น ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรดีเซล Compound Turbo 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เกียร์ 10 สปีดพร้อม Paddle shift แล้วยังติดตั้งโช้คอัพ Fox Racing Shox 4 ล้อ ระบบขับสี่ Terrain Management System พร้อมโหมด Baja (อ่านว่าบาฮา..ไม่ใช่รองเท้า) มี Diff-lock หลังแบบไฟฟ้า นี่คือความแตกต่างที่คุณจะได้รับ
แม้ว่าอุปกรณ์ในด้านความหรูหราอำนวยความสะดวกกับ Safety kit จะไม่ต่างจาก 3.2 Wildtrak มากนักทั้งที่ราคารถสูงกว่าหลายแสน แต่แนวโน้มก็คือ Ford อาจจะต้องเร่งผลิตรถให้ทันกับยอดจองที่เข้ามาจนน่าจะเกินโควต้าไปแล้วด้วยซ้ำ
สำหรับรถรุ่นอื่นๆ ก็มีการนำมาโชว์ เน้นหนักไปที่รถตระกูล Ranger รุ่นปกติ กับ Everest โดยมีรถเก๋ง B SUV อย่าง EcoSport กับ Focus มาเป็นตัวแถมในงาน
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- Ranger Open Cab XL ดาวน์ 29,000 บาทหรือราคาพิเศษ 599,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 Ford Ensure
- Ranger Double Cab XLT รับดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 Ford Ensure
- Ranger Double Cab XLS/XLT ดาวน์ 49,999 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1 หรือดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 60 เดือน
- Ranger Wildtrak ดอกเบี้ยพิเศษ 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 36 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 Ford Ensure
- Everest 2.2 Titanium 4×2 ดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมประกันภัยชั้น 1 Ford Ensure
- EcoSport ทุกรุ่น ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 60 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 Ford Ensure
- Focus รุ่น Sport ราคาพิเศษ 999,000 ฟรีประกันภัยชั้น 1
รายละเอียดเพิ่มเติม
ภาพถ่ายรถคันจริงเพิ่มเติม Ranger Raptor
Honda
ศรีราชาคือซอสพริก แต่สีของวัยชิค ต้อง Rallye Red (ภาค 2)
สานต่อกับวิสัยทัศน์ 2030 ที่มุ่งสู่โลกอนาคต ด้วยการนำ Honda Clarity Fuel Cell รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า รับพลังจาก Hydrogen Fuel Cell ที่ให้พลังอัตราเร่งเทียบเท่ารถเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แถมยังวิ่งได้ไกล 750 กิโลเมตรต่อการเติมไฮโดรเจนเต็มหนึ่งถัง นอกจากรถ Fuel Cell ที่นำมาโชว์แล้ว Clarity ในเมืองนอกยังมีรุ่น EV ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนๆ เสียบชาร์จไฟกับแท่นชาร์จ และรุ่น Plug-in Hybrid
ทั้งหมดนี้เป็นแผนการใช้โครงสร้างตัวถังของ Clarity อย่างคุ้มค่า สร้างให้รองรับพลังขับเคลื่อน 3 แบบเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำตลาดตามประเทศต่างๆอย่างเหมาะสม เช่นรถเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ก็ไปขายในประเทศที่มีสถานีเติมไฮโดรเจน อย่างอเมริกาบางรัฐ และในญี่ปุ่น รุ่น EV ก็สามารถเจาะตลาดยุโรปที่นิยมรถยนต์ไฟฟ้า อย่างแถบนอร์เวย์ได้ ในขณะที่รุ่น Plug-in Hybrid มีเครื่องยนต์ที่ช่วยชาร์จไฟได้ ทำให้เหมาะกับประเทศที่สาธารณูปโภคด้านการชาร์จไฟยังไม่ดีพอ..เช่นประเทศไทย แต่อย่าเพิ่งถามนะว่าจะเอามาขายหรือเปล่า
สำหรับรถที่อยู่ในสายการผลิตของประเทศไทย ยังไม่มีการเปิดโมเดลใหม่ HR-V ไมเนอร์เชนจ์ที่คิดว่าจะมาต้นปีก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา อย่างไรก็ตาม Honda คิดมุกเด็ดสำหรับงานเลี้ยงได้เสมอ อย่างในครั้งนี้ ก็มีการนำเอา Honda BR-V มาใส่ชุดแต่ง Modulo ประกอบด้วยสปอยเลอร์หลัง ไฟ Daytime Running Light แผงใต้กันชนหน้า/หลังและบันไดข้าง เสริมมาดให้ดูลุยและสปอร์ตขึ้น ชุดแต่งทั้งหมดนี้จะจัดเป็น Sport Package โดยจ่ายเงินเพิ่มแค่ 29,900 บาท
นอกจากนี้ ยังเพิ่ม BR-V รุ่นย่อยใหม่ V+ ที่เพิ่มกระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส 6.1 นิ้ว กล้องมองภาพด้านหลัง ตั้งราคาไว้ 755,000 บาท เอามาทำตลาดแทนรุ่น V เดิมโดยแพงขึ้นแค่ 5,000 บาทเท่านั้น
ส่วน Brio Amaze นี่ก็เหมือนมวยที่โดนต่อยลงไปนับ 8 หลายรอบ แต่ยังฮึดสู้ขาดใจ ล่าสุดมี Brio Amaze รุ่น Black Sport ซึ่งใส่กระจังหน้าแบบดำเงา ล้ออัลลอยสีดำเงา Berlina Black และชุดแต่ง Modulo Aero Package ทำให้ในปัจจุบันมี Brio Amaze ขายสองรุ่นคือรุ่น V 517,000 บาท และรุ่น Black Sport ราคา 579,000 บาท
ส่วนใครที่รอ Civic Hatchback สีแดง โอกาสของท่านมาถึงแล้ว..ตามภาพ..ขายในราคา 1,169,000 บาทเท่ารุ่นปกติ จะพริกทั้งทีก็พริกให้มันสุดไปเลย
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- จองรถรุ่นใดก็ได้ภายใน 10 เมษายน รับรถภายใน 30 เมษายนลุ้นรางวัลใหญ่ Honda Accord Hybrid, CR-V EL4WD และ Civic RS พร้อมรางวัลอื่นๆรวม 353 รางวัล
- จองรถรุ่นใดก็ได้ภายในระยะเวลาแคมเปญ รับบัตรของขวัญมูลค่า 3,000 บาท
- ข้อเสนอพิเศษ สำหรับ Honda ทุกรุ่น เช่นลูกค้าที่ดาวน์ 25% ขึ้นไป และผ่อน 12-48 เดือน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือดาวน์ต่ำ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือฟรีประกันภัยชั้น 1
- แคมเปญ Honda ช่วยผ่อน – Brio/Amaze ช่วยเดือนละ 2,500 บาท 12 เดือน, City/Jazz/Mobilio/BR-V/HR-V ช่วยผ่อนเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือน, CR-V ช่วยผ่อนเดือนละ 3,000 บาท 12 เดือน, Accord ช่วยผ่อนเดือนละ 5,000 บาท 12 เดือน และ Accord Hybrid ช่วยผ่อนเดือนละ 10,000 บาท 12 เดือน
- แคมเปญรถเก่าแลกรถ Honda ใหม่ – นำรถเก่ามาแลก รับบัตรของขวัญเพิ่ม แลก Accord Hybrid รับบัตรของขวัญ 10,000 บาท, แลก CR-V และ Accord รับบัตรของขวัญ 5,000 บาท ส่วนรุ่นอื่นๆรับบัตรของขวัญ 3,000 บาท
- แคมเปญเพื่อนแนะนำเพื่อน เฉพาะลูกค้าที่มี CR-V/Accord/Accord Hybrid อยู่ก่อน แล้วแนะนำเพื่อนมาซื้อ CR-V/ Accord/Accord Hybrid แนะนำได้คันแรก รับกระเป๋าเดินทาง Samsonite 29 นิ้ว 16,900 บาท (กรณี Accord Hybrid ได้บัตรของขวัญเพิ่มอีก 10,000 บาท) หากแนะนำคันต่อๆไปที่ 2-5 คัน จะได้รับบัตรของขวัญ 8,000 บาทต่อคัน (ไม่ได้กระเป๋าเพิ่ม – Accord Hybrid เพิ่มจาก 8,000 เป็น 12,000 บาท ต่อคัน)
- ผู้ที่โดนเพื่อนลากมาซื้อจากในข้อข้างบน รับบัตรของขวัญด้วยเช่นกัน (8,000 บาทสำหรับ CR-V/Accord และ 12,000 บาทสำหรับ Accord Hybrid)
รายละเอียดเพิ่มเติม
รูปและรายละเอียดอุปกรณ์ Civic Hathcback Red
Full Review: ทดลองขับ Honda CR-V เบนซินและดีเซล
First Impression ลองขับ Honda Clarity ของจริง
รวม Link ทดลองขับ Honda BR-V/Civic/Civic Hatchback
Hyundai
Black Series สะกัดดาว Kia แต่สะกิดใจเมียต้อง Ioniq
Hyundai รับรู้ถึงความร้อนแรงของ Kia Grand Carnival เป็นอย่างดี จึงต้องรีบหาทางปรุงแต่งผลิตภัณฑ์ของตัวเองที่เรียกได้ว่าแทบไม่มีการไมเนอร์เชนจ์แบบโค้กบิ๊กเลยนับตั้งแต่เปิดตัวราว 8-9 ปีก่อน จึงเป็นที่มาของ H-1 Black Series รถรุ่นพิเศษที่วางตำแหน่งการทำตลาดเป็นรุ่นกลางค่อนข้างสูงของ H-1 เหนือกว่ารุ่น Elite ขึ้นไป
ราคาที่ตั้งไว้ 1,579,000 บาทนั้น แพงกว่ารุ่น Elite อยู่ 80,000 บาทก็จริง แต่เพิ่มอุปกรณ์เข้าไปจนคุ้ม ยกตัวอย่างเช่น ล้ออัลลอย Y-Spoke Design ขนาด 17 นิ้ว, เบาะนั่งและแผงประตูหุ้มด้วยหนังสีเบจ เดินด้ายตะเข็บคู่ Double Diamond Stitch, ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์, พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มด้วยหนังสีดำ, เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติดิจิตอล, เครื่องเสียง Pioneer รองรับ Apple CarPlay/Android Auto, จอภาพสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ขนาด 10.1 นิ้ว 2 จอ และกล้องมองภาพขณะถอยจอด
อย่างไรก็ตาม คุณจะมีทางเลือกเพียงแค่สีตัวถังแบบเดียว คือสีดำ แถมยังมีอวัยวะภายนอกที่ตกแต่งแบบสีรมดำ รวมไปถึงล้ออัลลอยด้วย
ส่วนที่ช็อควงการ เพราะมาแบบม้ามืดไม่ให้ใครตั้งตัว ก็คือ Hyundai Ioniq Electric รถยนต์ไฟฟ้าล้วน ใช้พลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 295 นิวตันเมตร จับคู่กับ ระบบส่งกำลัง Single Speed Reduction Gear (อัตราทดเกียร์ 7.412) แบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion Polymer ที่จุไฟ 28kWh ทำความเร็วสูงสุดได้ 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อชาร์จไฟเต็มแบตเตอรี่ จะสามารถวิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 250-280 กิโลเมตร
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในรถ มีให้เทียบเท่า C-Segment รุ่นท้อป ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ระบบ Smart Cruise Control และยังพร้อมสรรพด้านความปลอดภัยด้วยระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน มีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี, ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับกระจกมองข้าง, ระบบเตือนและคุมรถให้อยู่ในเลน, Rear Cross Traffic Alert และถุงลมนิรภัย 7 ใบ
Hyundai ตั้งราคาขาย Ioniq Electric เอาไว้ 1,749,000 บาท (ถูกกว่า BYD E6 ซะอีก) และถือเป็นการตัดหน้า Nissan LEAF ที่จะมาก็ไม่มา จะลงศึกก็ไม่ลงเสียที ปล่อยเกาหลีให้ปล่อยหมัดก่อนเสียอย่างนั้น..หรือว่าจะรอตั้งราคาชนกับเขา?
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- ฉลองครบรอบวาระ 10 ปีกับการเกิดใหม่ภายใต้บริษัทใหม่ ซื้อ Hyundai รุ่นไหนก็ได้ มีสิทธิ์ชิงโชครางวัล ทางคำแท่งหนัก 10 บาท 10 รางวัล หรือลุ้น Package เที่ยวเกาหลีใต้ 5 วัน 3 คืน สำหรับ 2 ท่านจำนวน 5 รางวัล ตามด้วยรางวัลที่ 3 โทรศัพท์ Samsung Note8 15 รางวัล
รายละเอียดเพิ่มเติม
รายละเอียดและรูปภาพเพิ่มเติม H-1 Black Series
First Impression ลองขับ Hyundai H-1 Elite และ Grand Starex
รายละเอียดและรูปภาพเพิ่มเติม Hyundai Ioniq Electric
Isuzu
อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ซื้อ Blue Power Ddi ให้ลูกท่านซิ่งเล่น
Isuzu ในงานนี้ มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ คือ X-Series (Speed) ซึ่งจะเป็นรุ่นใต้ท้องเตี้ย จากเดิมที่มีเฉพาะรุ่น 2 ประตู คราวนี้เพิ่มรุ่น Speed Cab4 แบบ 4 ประตูตัวเตี้ยล้อ 16 นิ้วเข้ามา สไตล์การแต่งรถ สเกิร์ต และสติกเกอร์ ดูแล้วพอจะเดาออกว่าทำมาเพื่อวัยรุ่นหัวใจซิ่ง ที่ชื่นชอบกระบะ 4 ประตูนำมาแต่งโหลดเตี้ย ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมานานแล้ว แถมยังมีไฟหน้า Bi-LED และเบาะนั่งสีดำแดงลวดลาย Honey Comb ตกแต่างห้องโดยสารด้วยวัสดุ Piano Black ดูเข้าท่าดีไปอีกแบบ
สำหรับคนที่แถวบ้านน้ำท่วมบ่อย แต่ยังมีหัวใจวัยรุ่นเช่นกัน บางที X-Series รุ่น Hi-Lander แบบคันสีขาวในภาพข้างบนน่าจะเหมาะกว่า ด้วยชุดแต่งกระจังหน้าสปอร์ต สเกิร์ตหน้า พ้อมกันชนหน้าหลังตกแต่งตัดสลับสีเทาดำ เพิ่มไฟตัดหมอก และสปอร์ตบาร์ให้ดูสวย มีไฟหน้า Bi-LED เช่นเดียวกับรุ่น Speed แต่ได้ล้ออัลลอย 18 นิ้วด้วยในรุ่น 4 ประตู เบาะนั่งกึ่งหนังแท้เดินด้านตะเข็บสีแดง ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black และมี Cruise Cntrol ให้ มีจอกลางขนาด 7 นิ้ว เชื่อมต่อระบบบันเทิงได้หลากหลาย เครื่องเสียง 8 ลำโพง
X-Series ไม่ว่าจะเป็น Speed หรือ Hi-Lander มีขุมพลังเป็นแบบ 1.9 ลิตร Ddi Blue Power รุ่น Speed 2 ประตู เกียร์ธรรมดา ราคา 742,000 บาท รุ่น Speed Cab4 เกียร์ธรรมดา ราคา 836,000 บาท รุ่น Hi-Lander 2 ประตู เกียร์ธรรมดา ราคา 835,000 บาท Hi-Lander Cab4 เกียร์ธรรมดา 934,000 บาท และ Hi-Lander Cab4 เกียร์อัตโนมัติ ราคา 959,000 บาท
ส่วนทางฝั่ง PPV ก็มีรุ่นพิเศษ Isuzu MU-X THE ICONIC (เพิ่ม THE มา จะได้ไม่ซ้ำกับ BMW) ตกแต่งเพิ่มด้วยห้องโดยสารโทนสีดำ Lava Black มีระบบความบันเทิงพร้อมระบบนำทางและ Digital TV Tuner ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว มีให้เลือก 2 ขุมพลัง ทั้ง 1.9 ลิตรสำหรับคนเน้นประหยัด และ 3.0 ลิตรสำหรับคนเน้นสมรรถนะ มีให้เลือกเพียง 2 สีคือขาวมุก และสีดำ
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
แคมเปญจาก Isuzu Leasing
- เซ็นสัญญาเช่าซื้อในงาน รับ Lotus Gift Card 200 บาท และบัตรเติมน้ำมัน Caltex 1,000 บาท
- D-Max Hi-Lander L 2 ประตู ผ่อนเริ่มต้น 7,650 บาทต่อเดือน พร้อมประกันภัยชั้น 1 และบัตรกำนัลมูลค่า 10,000 บาท
- D-Max 1.9 และ 3.0 เลือกรับดอกเบี้ยต่ำ 1.59% หรือรับบัตรกำนัลมูลค่า 10,000 บาท
- D-Max V-Cross MAX 4×4 ดอกเบี้ยพิเศษ 1.30%
รายละเอียดเพิ่มเติม
Full Review: ทดลองขับ Isuzu MU-X 1.9 Ddi Blue Power 4×2
Full Review: ทดลองขับ Isuzu D-Max 1.9 Ddi Blue Power Cab4 เกียร์ธรรมดา
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม Isuzu MU-X THE ICONIC
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม Isuzu D-Max X-Series
Jaguar/Land Rover
งามแท้จากอังกฤษ เครื่อง 2 ลิตร แต่เสือสู้ตาย
ฝั่ง Land Rover/Range Rover นั้น เปิดตัวรถใหม่อย่าง Velar ไปก่อนหน้านี้แล้ว คราวนี้ทาง Inchcape ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการจึงเริ่มเดินหมากให้กับฝั่ง Jaguar อย่างจริงจัง ประเดิมศักราชด้วยครอสโอเวอร์พิกัดเล็ก ราคาใหญ่ อย่าง E-Pace ซึ่งเพิ่งจะมีการเปิดตัวไปก่อนหน้างานมอเตอร์โชว์ไม่นาน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Ingenium ขนาด 2.0 ลิตรเทอร์โบ 150 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ในงานมอเตอร์โชว์ ราคาจากปกติ 3,600,000 บาทจะลดลงมาเหลือ 3,500,000 บาท รถสเป็คมาตรฐานจะเป็นแบบคันสีเทา ส่วนคันสีแดงเป็นรถที่ใส่อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่ม ซึ่งทำให้ราคาเพิ่มเข้าไปอีก..ความเห็นส่วนตัว จะจับเสือต้องยอมเจ็บ เอาคันที่แต่งครบๆไปเลยจะสวยเข้าทีดีกว่าเยอะ อย่างน้อยก็ขอแค่เปลี่ยนล้อหน่อยเหอะ
รุ่นที่ใหม่สด เปิดตัวในงานนี้จริงๆ คือ F-Type ซึ่งจากเดิมจะมีแต่เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตรกับ V8 4.0 ลิตร ทำให้มีราคาป้วนเปี้ยนแถว 10 ล้านบาท ล่าสุด Jaguar จับเครื่องยนต์ Ingenium เวอร์ชั่นเบนซิน High-performance ลงในบอดี้ F-Type Coupe แล้วทำราคาลงมาเหลือแค่ 6,999,000 บาท ซึ่งจะทำให้ฟาดปากกับคู่แข่งอย่าง 718 Cayman ได้อย่างถนัดขึ้น
ถึงแม้จะมีความจุแค่ 2.0 ลิตร แต่ก็ให้พลังถึง 300 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร เพียงพอที่จะกระชากร่างของ F-Type จาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาแค่ 5.7 วินาที
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- ลูกค้าจองซื้อ F-Type รับ Worry-Free Program ให้ความคุ้มค่ากับการรับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอดเวลานาน 5 ปี และรับฟรีแพ็คเกจโปรแกรมเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์จากัวร์ ร่วมสัมผัสประวัติศาสตร์หน้าสำคัญๆ ของแบรนด์ และร่วมงาน Goodwood Festival of Speed 2018 ณ ประเทศอังกฤษ
- ลูกค้าจองซื้อ E-Pace รับ Worry-Free Program ให้ความคุ้มค่ากับการรับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอดเวลานาน 5 ปี
- Jaguar/Land Rover ทุกรุ่น (ยกเว้น E-Pace) รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 24 เดือน พร้อมแคมเปญ Worry-Free Programให้ความคุ้มค่ากับการรับประกันนาน 5 ปี บริการซ่อมบำรุงฟรี 5 ปี และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอดเวลานาน 5 ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม Jaguar E-Pace
Kia
Grand Carnival ไมเนอร์เชนจ์ ราคาจัดว่าเด็ด H-1 มีเคือง
รู้สึกว่างานคราวนี้เกาหลีชอบยิงปืนเงียบ มาแบบไม่ให้สุ้มเสียง Kia Grand Carnival ไมเนอร์เชนจ์ใหม่ก็เช่นกัน! คราวนี้ เปลี่ยน กระจังหน้า กันชนหน้า ไฟหน้า ไฟตัดหมอกหน้า ดีไซน์ใหม่ และมาให้เลือกกัน 3 รุ่นตามกำลังทรัพย์ ได้แก่
- 2.2 D LX 8AT 1,622,000 บาท
- 2.2 D EX 8AT 1,991,000 บาท
- 2.2 SXL 8AT 2,292,000 บาท
Grand Carnival ทั้ง 3 รุ่นใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.2 ลิตร 197 แรงม้า เปลี่ยนระบบส่งกำลังใหม่จากเดิน 6 เป็น 8 จังหวะ โดยมีรุ่น LX เป็นรุ่นประหยัดงบ อุปกรณ์ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรมาก แต่ 2.2 EX ขึ้นไป จะมีระบบควบคุมการทรงตัว ระบบกันไถลมาให้ มีกระจกไฟฟ้าขึ้น/ลงอัตโนมัติที่ด้านคนขับ ล้ออัลลอย 18 นิ้วและขยายจอภาพของผู้โดยสารด้านหลังจาก 14 เป็น 15.6 นิ้ว
ส่วนรุ่น SXL เป็นรุ่นย่อยใหม่ที่เพิ่มทั้งความหรู ด้วยซันรูฟหน้า/หลัง หน้าปัดจอ MID สีแบบ TFT ระบบแจ้งเตือนรถในจุดบอดกระจกมองข้าง เบาะปรับไฟฟ้าพร้อมระบบความจำ กระจกหน้าต่างแบบ One-Touch ทั้ง 4 บ้าน และอุปกรณ์อื่นๆอีกมาก นับว่าเป็นการพา Grand Carnival เข้าไปอยู่ในจุดที่เหลือจุดอ่อนไม่มาก เพราะข้อเสียเรื่องอุปกรณ์ขาดๆเกินๆก็ถูกปิดจนเกือบหมด และราคาก็สูสีกับ Hyundai Grand Starex และยังห่างไกลจาก Vellfire กับ Honda Odyssey มาก เป็นรถที่น่าสนใจรุ่นหนึ่งทีเดียว
นอกจากนี้แล้วในบูธก็ยังมี Stinger ราคา 2,999,000 บาทจอดเด่นอยู่ แต่ดูเหมือนว่าหลังจากเปิดตัวไปได้สักระยะ คนเริ่มฮือฮาน้อยลงบ้าง บางทีอาจจะเป็นเพราะกำลังซื้อของจริงที่มีิอิทธิพลสูงสุดในบ้านกลัวว่าสามีขับรถเก๋มากๆแล้วจะเป็นที่หมายปองของสาวๆ ก็เอา Carnival ไปกินแล้วกัน
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show สำหรับ Grand Carnival
- รับประกันตัวรถ Warranty นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance 5 ปี
- ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
- แถมฟรี ชุดแต่งบันไดข้างพาร์ทแท้จากเกาหลีใต้ (เฉพาะในงาน Motor Show 2018)
รายละเอียดเพิ่มเติม
รูปภาพ รายละเอียดเพิ่มเติม และจังหวัด/ผู้แทนจำหน่าย 17 แห่งของ Kia
Maserati
สวยของอิตาลีคือ Maserati
บูธ Maserati นอกจากจะมีของเซ็กซี่อย่าง Gran Cabrio ซึ่งจะเป็น Maserati ประเภทรอบจัดไร้เทอร์โบสายพันธุ์สุดท้ายแล้ว ก็ยังมีรถรุ่นอื่นมาจัดแสดงไว้ครบ รวมถึง Quattroporte Big Sedan ตัวใหญ่แต่ออกแบบได้ดูเพรียวลม และ Levante SUV รุ่นแรกของทางค่ายที่เริ่มได้รับความนิยมมากในประเทศไทย
รถใหม่ในงานนี้ ก็คือ Maserati Ghibli สปอร์ตซาลูนขนาดกลางของค่าย ซึ่งได้รับการออกแบบให้ดูเหมือนรถสปอร์ตคูเป้ มีให้เลือก 2 โมเดลกับ 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Ghibli GranLusso 3.0 ลิตร V6 ทวินเทอร์โบ 350 แรงม้า ตามมาด้วย Ghibli S GranSport ซึ่งใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกัน แต่ถูกปรับจูนเพิ่มพลังจนทะลุไปถึง 430 แรงม้า
ใครที่ชอบรุ่นดีเซล ก็มีให้เลือกอีกกับ Ghibli Diesel 3.0 ลิตร V6 275 แรงม้า และ Ghibli Diesel GranLusso ทุกรุ่นเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF
Mazda
MX-5 RFT เกียร์ธรรมดา กับแอร์ออโต้ใน Mazda 3 แบบที่คุณอยากได้กันมาตลอด
สำหรับ Mazda นั้นมีการปรับอุปกรณ์ใหม่ให้กับเจ้า 2 โดยตรึงราคาเอาไว้เท่าเดิมทุกรุ่นย่อย แต่ในหลายรุ่นมีการเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปจนคนซื้อรถ MY2016 กับ 2017 น่าจะเคืองไม่มากก็น้อย เอาแค่รุ่น 1.3 High มากระตุกต่อมก่อนก็ได้ จ่ายเท่าเดิม แต่ได้จอกลางขนาด 7 นิ้วเป็นทัชสกรีน ระบบ MZD Connect พร้อมปุ่ม Center Command พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น เพิ่มระบบจดจำเสียง เพิ่มลำโพงจาก 4 เป็น 6 ตัว แล้วยังมีไฟหน้าอัตโนมัติ กับปัดน้ำฝนอัตโนมัติอีกต่างหาก นี่คือรุ่นที่ได้ของเพิ่มคุ้มที่สุดในบรรดารุ่นย่อยทั้งหมด ส่วนตัวท้อปๆ ของเล่นจะเยอะอยู่แล้ว เลยได้เพิ่มแค่ปัดน้ำฝน/ไฟหน้าอัตโนมัติ
ส่วนรุ่นกลางอย่าง Mazda 3 ก็ไม่น้อยหน้า เปิดโมเดลปรับอุปกรณ์ปี 2018 มาเช่นกัน แต่จะมีการเพิ่มราคาจากรุ่นเดิมราว 10,000-30,000 บาท โดยทุกรุ่นย่อยจะได้
- เพิ่ม ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
- เพิ่ม ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA
รุ่น 2.0 C เพิ่มไฟหน้า Projector Lens แบบ LED พร้อม Daytime Running Light และแอร์ออโต้แบบจอดิจิตอล..ซึ่ง..มาซะที! หลังจากที่ใช้แอร์ออโต้แบบปุ่มธรรมดา ปล่อยให้คนในคลับต้องไปหามาใส่กันเอาเองอยูหลายปี รุ่น 2.0S และ SP เพิ่มเบาะคนขับปรับไฟฟ้า (ซะที!) และรุ่น 2.0SP เพิ่มกล้องรอบคัน 360 องศา
รถใหม่ที่ไม่คาดว่าจะมาในงานนี้คือ MX-5 เวอร์ชั่นหลังคาแข็งพับซ่อนได้ (RF) และเป็นเกียร์ธรรมดา! ตั้งราคาไว้เท่ากับรุ่นเกียร์อัตโนมัติที่ 2,820,000 บาท และยกเลิกการทำตลาดรถเวอร์ชั่นหลังคาผ้าใบไป (แอบเสียดายมาก) ส่วนเครื่องยนต์ยังเป็นแบบ Skyactiv-G 2.0 ลิตร ไร้เทอร์โบ 160 แรงม้า
นอกจากนี้ ด้วยราคาที่เพิ่มขึ้น 20,000 บาท ยังทำให้มีสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปอีกเช่น
- เปลี่ยน สีตัวถังภายนอก สีแดง Soul Red Metallic เป็น ” Soul Red Crystal “
- เปลี่ยน สีตัวถังภายนอก สีน้ำเงิน Blue Reflex เป็น ” Eternal Blue “
- เปลี่ยน สีตัวถังภายนอก สีขาวมุก Crystal White Pearl เป็น ” Snowflake White Pearl “
- เพิ่ม ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ Adaptive LED Headlamps
สำหรับรถรุ่นอื่นที่จะนำมาโชว์ในงาน ก็แน่นอนว่ามี CX-5 เป็นตัวยืน เพราะยังสดใหม่ เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี ยอดขายเดือนมกราคม 2018 ก็ Hot ถึงขนาดได้ยืนแป้นในตำแหน่งอันดับ 1 ของรุ่น อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ใครที่ถามถึงเคสน้ำดันในรุ่นดีเซลว่าแก้หรือยัง รบกวนลองไปติดตามในคลับดูแล้วกันครับ เพราะเคยพยายามเจาะถามรายละเอียดชิ้นส่วน Part Number หรือการปรับแต่งส่วนอื่นๆ ก็ได้รับแค่คำตอบกว้างๆ ผมจึงพูดอะไรมากไม่ได้จนกว่าจะได้ทราบ ว่าเปลี่ยนอะไร และคิดเห็นจริงว่ามันจะมีผลในการแก้ปัญหา
ในรูปภาพ อาจจะเห็นแต่รถเก๋งสีแดง แต่นี่คือเรื่องปกติของ Mazda ที่ในวันสื่อมวลชน จะเล่นธีมแดงฉานทั้งบูธ พอรอบคนทั่วไป ก็ปรับสีรถให้หลากหลายขึ้นเหมือนเดิม
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- Mazda 2 – เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2.15% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
- Mazda 3 – เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 2.15% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
- Mazda CX-3- เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 66% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1
- Mazda CX-5 – เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุดเพียง 1.99% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
- Mazda MX-5 – ฟรีประกันภัยชั้น 1 และโปรแกรมรับประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร
- Mazda BT-50 Pro – เงินดาวน์ 20% ผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,900 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1
- ทุกรุ่นรับฟรีประกันชั้น 1 (Mazda Premium Insurance) ข้อเสนอสุดพิเศษนี้สำหรับลูกค้า Mazda ทุกโชว์รูมทั่วประเทศ และที่สำคัญเฉพาะลูกค้าที่จองซื้อภายในงานมอเตอร์โชว์ รับเพิ่มลำโพง BOSE ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 8 เมษายน
รายละเอียดเพิ่มเติม
รายละเอียดราคาและจุดที่เปลี่ยนจากรุ่นเดิมสำหรับ Mazda 2 MY2018
รายละเอียดราคาและจุดที่เปลี่ยนจากรุ่นเดิมสำหรับ Mazda 3 MY2018
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับ MX-5 RF
Mercedes-Benz
ปลั๊กอินมากมี AMG ประกอบใน ไฉไลต้อง CLS เหมาะทุกเพศ สมกับทุกวัย (ถ้ามีเงิน)
ขนรถมา 28 คันสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ และมีการจัดแยกเป็นโซนระหว่างโซนเสี่ยปกติ (Mercedes-Benz) และโซนเสี่ยเท้าหนัก (Mercedes-AMG) และมีการนำเอารถคันพิเศษ “GLA Millenials’ Voices Edition ซึ่งเป็นผลงานการลงสีของศิลปิน อเล็กซ์ เฟสมาจัดแสดงเอาไว้อย่างโดดเด่น
สำหรับคนที่ชอบรถไลน์ AMG รวมถึงรุ่นพิเศษอย่าง AMG GT-R หรือจะเป็นความพิเศษที่คุณเอื้อมถึง (แต่เขย่งขาเยอะหน่อย) อย่าง AMG C43 Coupe ก็มาจอดโชว์เรียงไว้ให้ดูอย่างพร้อมสรรพ
สำหรับรถเด่นที่นำมาจัดแสดงภายในงาน ประเดิมด้วย Mercedes-Benz CLS-Class โฉมใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในเมืองนอกไปไม่กี่เดือน โดยสเป็คไทยที่จัดมานั้น เป็นรุ่น CLS300d AMG Premium เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรติดเทอร์โบให้แรงม้าถึง 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร มีชุดแต่ง AMG และล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ขนาด 19 นิ้ว หลังคาแบบ Panoramic พร้อมภายในหรูอลังการด้วยไฟตกแต่งช่องแอร์แบบ Jet Turbine แล้วยังเปลี่ยนสีสันภายในห้องโดยสารได้ถึง 64 สี ราคาปัจจุบันตั้งเอาไว้ที่ 4,980,000 บาท
ส่วน E-Class Coupe นั้น ก็มีการอัปเดตเหมือนกัน E300 Coupe 245 แรงม้าได้จากเราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถูกทดแทนด้วย E200 Coupe AMG Dynamic ราคา 4,390,000 บาท (ถูกกว่ารุ่น 300 ราว 150,000 บาท) ความแรงจะลดหดหายลงเหลือแค่ 184 แรงม้า เอาแค่พอให้อาม่าคว้าร่มมาตีหัวหลานได้ถ้ากดคันเร่งเต็มบ่อยเกินไป แต่ออพชั่นต่างๆยังอยู่ครบ
อนึ่ง กลยุทธ์ของ Mercedes-Benz ในปัจจุบัน นอกจากการเน้นทำราคาให้คู่แข่งเหนื่อยใจแล้ว ยังพยายามจำแนกความต้องการที่ชัดเจนของกลุ่มลูกค้าให้ออก แยกกลุ่ม Performance ออกจากกลุ่มที่เลือกใช้เบนซ์เพราะมาดเสี่ยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แปลว่าจะมีอะไรที่แรงกว่า 300 และเป็นบอดี้ E-Coupe มาหรือเปล่า จุ๊..จุ๊..เขายังไม่บอก
นอกจากนี้ รถที่มีข่าวว่าจะมาใหม่ แต่ยังไม่นำมาโชว์ในงาน ยังประกอบไปด้วย S-Class S350d ประกอบในประเทศ ซึ่งราคาถูกลงมาก โดยที่รุ่น S350d Exclusive ราคา 6,390,000 บาท และ รุ่น S350d AMG Premium ราคา 6,990,000 บาท (รุ่นนำเข้า ราคา 7,640,000 บาท – ถูกลง 650,000 บาท)
แล้วก็ยังมี GLC Coupe รุ่น 250 เครื่องเบนซินเทอร์โบ 211 แรงม้า ราคา 4,060,000 บาท ออกมาแทน GLC250d เครื่องดีเซล…เหตุผลง่ายๆก็คือการพยายามเลือกจำหน่ายเครื่องยนต์ให้น้อยรุ่น แต่เลือกให้เหมาะกับประเภทรถ รถที่เป็น SUV เน้นใช้งานอย่าง GLC กับ GLE นั้นก็จะมีแนวโน้มหันไปคบกับเครื่องยนต์ดีเซลซึงให้แรงบิดสูง ในขณะที่รถ Crossover Coupe อย่าง GLC Coupe และ GLE Coupe จะถูกติดตั้งเครื่องเบนซิน และเน้นอัตราเร่งที่รวดเร็วมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในปีต่อไปนับจากนี้ Mercedes-Benz น่าจะเตรียมแผนการดุๆมันส์ๆไว้อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นฟากเบนซ์ดั้งเดิม หรือฝั่งรถแรงอย่าง AMG
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- C 350 e Avantgarde, C 350 e Exclusive และ C 350 e AMG Dynamic พร้อมรับรถภายในเดือนมีนาคม 2561 นี้ สามารถผ่อนชำระรถยนต์ด้วยอัตราดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลา 4 ปี พร้อมรับฟรีประกันชั้น 1 MB Protection ระยะเวลา 1 ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม
First Impression ลองขับ AMG C43 Coupe ประกอบในประเทศ
MG
ช่วงล่างได้ใจ ความปลอดภัยเข้าท่า สมาร์ทคาร์ราคาดี ระวังหมีในบูธด้วย
ในงานมอเตอร์โชว์นี้ ยังไม่มีรถรุ่นใหม่ สำหรับคนที่รอ MG3 ไมเนอร์เชนจ์ก็ขอให้รอไปก่อน อย่าเพิ่งไปเร่งไปรีบ ให้เขาทดสอบรถกันแบบเต็มที่ไปก่อน ออกมาขายจริงจะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจอจะดับหรือเปล่า ยังไงปีนี้ก็คงได้เจอกัน อาจจะเป็นช่วงไตรมาส 3 หรือ 4
ปัจจุบัน MG ZS ก็ยังเป็นรถที่ได้รับความนิยมสูงโดยทาง MG แถลงว่านับตั้งแต่เปิดตัวช่วงปลายปีที่แล้วจนถึง ณ บัดนาว มีลูกค้าสั่งซื้อไปแล้วรวม 6,500 คัน โดยทาง MG ได้ดำเนินการส่งมอบรถไปแล้วมากกว่า 3,000 คัน กลายเป็นรถ B SUV ที่มียอดขายอันดับต้นๆ เพราะครบด้วยออพชั่นเกินตัว ภายในที่นั่งสบาย ทั้งหมดนี้ก็เอาไปแลกกับเครื่องและเกียร์นั่นแหละครับ จะให้เขาทำรถหรูด้วย แรงด้วย ครบทุกอย่าง ดีทุกเรื่องแล้วขายเจ็ดแสน เหอะๆ ตื่นนะน้อง ตื่น
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- MG3 – ดาวน์เริ่มต้น 47,900 บาทหรือผ่อนน้อยเริ่มต้นเดือนละ 5,172 บาท ฟรีชุดเครื่องเล่น DVD พร้อมระบบนำทางและกล้องมองหลังแท้จาก MG ฟรีที่สองกับชุดแต่งรอบคัน (โควต้าจำกัด) และฟรีที่สามกับประกันภัยชั้น 1 พร้อมพรบ. นาน 1 ปี
- MG5 – รับดอกเบี้ยต่ำ 0.99% หรือผ่อนยอดต่ำเดือนละ 7,007 บาท ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อมพรบ. นาน 1 ปี
- MG6 – ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี หรือผ่อนเดือนละ 9,676 บาท ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อมพรบ. นาน 1 ปี
- MG GS – ดอกเบี้ยต่ำ 1.89% หรือผ่อนเดือนละ 12,838 บาทสำหรับรุ่น 2.0 และ 9,443 บาทสำหรับรุ่น 1.5 ฟรี! ฝาท้ายไฟฟ้าแท้จาก MG และประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อมพรบ. นาน 1 ปี
- MG ZS – ประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อม พรบ. นาน 1 ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม
MINE
เปิดโลกแนวคิด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ใกล้พร้อมเป็นความจริง
MINE Mobility Research Co., Ltd เป็นบริษัทย่อยของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งมีการวิจัยหนทางในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับคนไทย โดยใช้มันสมองการออกแบบสำหรับคนไทยเอง ล่าสุดได้นำรถมาโชว์แนวคิดทางด้านการออกแบบ 3 คัน ได้แก่ รุ่น City EV Concept รุ่น Sport EV Concept และรุ่น MPV EV- Concept เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ทุกกลุ่ม ทุกวัย และเป็น Full EV ทั้ง 3 รุ่น
หากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย รถเหล่านี้จะพร้อมขายจริงในปี 2019 โดยมีขีดความสามารถในการวิ่งได้ไกล 200-300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และมีราคาอยู่ในระดับเลข 6 หลักซึงคนทั่วไปสามารถซื้อหามาได้โดยง่าย เราลองมาดูกันว่าอีกนานไหมกว่าเราจะได้ทดสอบรถคันจริงที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย
Mitsubishi
Clean Diesel รอบจัด อัดอุปกรณ์ชุดใหญ่ ส่ง Edition พิเศษกันไป
งานนี้คงจะเป็นมอเตอร์โชว์ที่ไร้ Concept Car จากค่ายกระแสหลักไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะ Mitsubishi เอา EX Concept มาโชว์ นี่คืออีกวิสัยทัศน์หนึ่งที่ Mitsubishi วางไว้สำหรับ SUV ในอนาคต EX Concept ใช้ขุมพลังขับเคลื่อนแบบไฟฟ้า แบตเตอรี่ยุคใหม่ความจุเยอะกว่าเดิมและให้พลังงานต่อมวลต่อหนาแน่นขึ้น มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Twin Motor 4WD และ S-AWC สามารถวิ่งได้ไกลประมาณ 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
ภายในของรถ (ถ้าไปส่องดูได้) จะมีจุดเด่นที่เบาะหน้ากับเบาะคนขับเป็นคนละสีกัน เป็นความตั้งใจออกแบบให้ห้องโดยสารมีบรรยากาศทางสายตาต่างกันระหว่างคนขับกับคนนั่ง ไม่ใช่เพราะหนังหรือผ้าหมดกลางคันแต่ประการใด อีกทั้งยังเน้นความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีการตรวจจับระยะห่างระหว่างรถแต่ละคัน และยังมีระบบเตือนต่างๆ ไม่ว่าจะเตือนรถ เตือนคน หรือเตือนสภาพเส้นทางถนน ซึ่งทั้งหมดจะแสดงผลบนกระจกบานหน้า
สำหรับคนที่อยากได้เทคโนโลยีและรูปลักษณ์ทันสมัยแบบนี้…อย่าเพิ่งหวังเร็วเกิน..เอา Xpander มาขายให้ได้ก่อนเถอะ ส่วนรถล้ำๆแบบนี้ ไปเรียนปริญญาตรีรออีกใบท่าจะดี
สำหรับรถรุ่นที่อยู่ในสายการผลิต ยังไม่มีโมเดลใหม่ แต่ก็พยายามปรับปรุงอุปกรณ์ติดรถหรือสร้าง Edition พิเศษออกมาเป็นการโรยเกลือเพิ่มรส อย่างเช่น Mirage Limited Edition ราคา 564,000 บาท ซึ่งเป็นการเอารุ่น GLS CVT ราคา 544,000 บาทมาใส่อุปกรณ์เพิ่ม เช่นกระจกมองข้าง สปอยเลอร์ ล้ออัลลอย หลังคา และสติกเกอร์สีดำ (ดูปีนี้ของดำจะมาแรงจัง) เบาะนั่งหุ้มผ้าสีทูโทนแดงดำ เดินด้ายตะเข็บแดง, หัวเกียร์กับพวงมาลัยหุ้มหนังและแซมวัสดุสีดำเงา เป็นต้น นอกนั้นเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และอุปกรณ์อื่นๆจะเหมือนกับรุ่น GLS CVT ทั่วไป
สำหรับ Pajero Sport เพิ่งมีรายการอัปเดตอุปกรณ์สำหรับปี 2018 ไป ในงานนี้ก็มีการเปิดตัว Pajero Sport Limited Edition ซึ่งก็คือรุ่น 2.4 GT Premium ขับเคลื่อนล้อหลัง ที่เพิ่มราคาจาก 1,399,000 เป็น 1,424,000 บาท แต่ได้ภายในสีเบจ สลับการตกแต่งภายในสีดำ ที่สำคัญคือได้ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ซึ่งปกติจะเป็นออพชั่นที่สงวนไว้สำหรับรุ่นขับสี่ตัวท้อปเท่านั้น
ส่วนสิงห์กระบะทั้งหลายโดยเฉพาะสายยีราฟ บางคนอาจจดๆจ้องๆมาตั้งแต่มอเตอร์โชว์ปลายปีว่าอยากเล่น Triton Athlete แต่ติดที่อยากเล่นรุ่น 2 ประตูมากกว่า.. Mitsubishi จัดให้ ส่ง Triton Plus Athlete เวอร์ชั่นตัวถัง Mega Cab มาขายแล้วในราคา 759,000 บาท มีเฉพาะรุ่นเกียร์ธรรมดาเท่านั้น
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- ฟรี Package 5 ปีดูแลดีถึงใจ ฟรีค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี/ ช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง 5 ปี/ ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี
- จองรถรุ่นใดก็ได้ภายในงาน รับกระเป๋าเป้ Cooler Backpack
- ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง Pajero Sport Package 1 ลดราคาจาก 39,050 เหลือ 19,500 บาท Package 2 ลดจาก 28,950 เหลือ 14,500 บาท และชุดแต่งรุ่นอื่นๆลด 20%
รายละเอียดเพิ่มเติม
รูปภาพและรายละเอียดเพิ่มเติม Pajero Sport Limited Edition
รูปภาพและรายละเอียดเพิ่มเติม Triton Athlete Megacab
Nissan
สิบขวบ R35 แล้วก๊อดซิลล่าก็มาไทย Leaf โชว์ต่อไป ส่วน Note e มิมีแม้แต่เงาจ้า
ในที่สุด Nissan ประเทศไทยก็นำ GT-R เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 1 ทศวรรษหลังจากบอดี้ R35 เปิดตัวสู่ตลาดโลก ถือคติว่ามาช้ายังดีกว่าไม่มา เวอร์ชั่นไทยใช้เครื่องยนต์ VR38DETT แบบเดียวกับตลาดโลก แต่ได้รับการปรับจูนสมองกลให้เหมาะกับสภาพอากาศและเชื้อเพลิงของไทย ทำให้ได้แรงม้า 555 ตัว แรงบิด 632 นิวตันเมตร เกียร์คลัตช์คู่ 6 จังหวะที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เร็วภายใน 0.15 วินาที
รถที่นำมาขายชาวไทย เป็นสเป็ค Premium Edition ภายในหุ้มหนังสีน้ำตาลส้มหรูหราผิดกับหน้าตาของรถ ตั้งราคาขายเอาไว้ที่ 13,500,000 บาท (หมายเหตุ-แพงกว่า BMW M5) และมีศูนย์บริการ TKF กระทุ่มแบนเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือกให้สามารถทำการดูแลซ่อมบำรุง GT-R ได้ ซึ่งงานนี้ไม่ต้องห่วง เพราะศูนย์พี่แถม TKF นั้นดูแลทั้ง GT-R, Skyline และ Z รุ่นต่างๆมาตั้งแต่วันที่ Headlightmag เพิ่งเปิดเว็บเชียวนะครับ
ข้างๆกันกับ GT-R ที่เป็นรถล้างผลาญยางมะตอย ก็มีรถสีขาวสะอาดปานนกพิราบรักโลกจอดอยู่ นี่ไม่ใช่งานแรกที่ Nissan LEAF ถูกนำมาโชว์ แต่จากการที่ Note e-Power หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ LEAF ยังอยู่..น่าจะถอดความได้ว่า Nissan เล็งเห็นแล้วว่าเอา Note e มาประกอบขายไม่คุ้ม แต่ยังมีความตั้งใจจะผลักดัน LEAF อยู่ จากที่ผู้บริหารบอกว่า ผลวิจัยของ Frost and Sullivan บ่งชี้ว่าคนไทยที่เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ 44% อยากซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถคันต่อไป และหลายคนจากจำนวนนั้นยินดีที่จะซื้อแม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนั้นๆจะราคาแพงขึ้นกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปภายในที่ขนาดไล่เลี่ยกัน 50%
ดังนั้นโอกาสมาของ LEAF นั้นยังสูงอยู่ เพียงแต่ต้องดูว่าจะไปจบกันที่ราคาเท่าไหร่ ที่สำคัญคือลูกค้าที่บอกว่ากล้าจ่ายส่วนต่างเพิ่ม 50% นั้น เมื่อถึงเวลาจริงจะยังซื้ออยู่หรือไม่ ในปัจจุบันตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับ C-Segment มีเพียง Hyundai Ioniq เท่านั้น และมันมีราคา 1,749,000 บาท
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- March – เลือกโปรแกรมผ่อนสบายเริ่มต้นเดือนละ 3,090 บาท หรือผ่อนนาน 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1
- Almera – เลือกโปรแกรมผ่อนสบายเริ่มต้นเดือนละ 3,490 บาท หรือผ่อนนาน 72 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1
- Note – ผ่อนสบายเริ่มต้นเดือนละ 3,590 บาท หรือผ่อนนาน 72 เดือน
- Sylphy – รับอัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อดาวน์ 30% และเลือกผ่อนชำระ 24-48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1
- X-Trail – รุ่น 2.0S รับราคาพิเศษ 1,159,000 บาท หรือ รับอัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อดาวน์ 30% และเลือกผ่อนชำระ 24-48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1
- Teana – รับอัตราดอกเบี้ย 0% เมื่อดาวน์ 25% และเลือกผ่อนชำระ 24-48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 ฟรีเพิ่มสปอยเลอร์หลังมูลค่า 19,200 บาท
- Navara – ผ่อนสบายเริ่มต้นเดือนละ 4,500 บาท หรือดาวน์ต่ำ 9,999 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 รับเพิ่มบัตรน้ำมัน สูงสุด 30,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีแคมเปญลดราคาของแต่งแท้จาก Nissan ซึ่งลดลง 15-30% จากราคาปกติ (ชุดแต่ง Xtremer ของ X-Trail จะลดราคาลง 18,000 บาท) โดยราคาของแต่งสามารถไปนับทบรวมกับยอดจัดไฟแนนซ์ Nissan Leasing ได้
รายละเอียดเพิ่มเติม
First Impression ลองขับ Nissan LEAF ใหม่
Porsche/Bentley (AAS Auto Service)
Cayenne หรู ลุยได้ แต่อลังการสุดป้ายต้อง Continental GT
AAS Auto Service ผู้แทนจำหน่าย Porsche อย่างเป็นทางการขนรถมาร่วมจัดแสดงในงานครบทุกรุ่น ตั้งแต่พิกัด 4 สูบอย่าง 718 Cayman และ Boxster, 911, Panamera 4 E-Hybrid Executive และ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo
ส่วนรถเด่นที่นำมาจัดแสดงบนเวทีนั้น มี 2 คัน
คันซ้าย คืออสูรโหด 911 GT2RS ซึ่งจัดเป็น 911 ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Porsche เคยสร้างมา ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบนอนเทอร์โบคู่ที่ถูกโมดิฟายจนมีพละกำลังสูงถึง 700 แรงม้า แต่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมกับตัวรถที่ขนาดเติมเชื้อเพลิงเต็มถังแล้วยังเบาเพียง 1,470 กิโลกรัม มีระบบ Rear-ale steering เลี้ยวล้อหลังเช่นเดียวกับ GT3 ถ้าคุณต้องการเป็นเจ้าของ 911 ที่ร้ายกาจที่สุด ก็ไม่ยาก เตรียมเงินมาไว้ 33,500,000 บาทแล้วไปคุยกับ AAS ได้เลย
แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าม้า 700 ตัวหรือค่าตัว 33 ล้านโหดไป ก็ยังมี 911 GT3 คันข้างขวาไว้ปลอบใจ อย่าคิดว่ารถไร้เทอร์โบจะไม่แรง เพราะเครื่อง NA 6 สูบนอนนั้นยังมีความจุมากถึง 4.0 ลิตรแต่ดันลากรอบได้สูงกว่า 8,000 รอบต่อนาที ทำให้เรียกแรงม้าได้ถึง 500 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่ PDK ปรับแต่งให้เหมาะกับการตอบสนองสำหรับนักขับเท้าหนักและการใช้งานแบบวิ่งในสนามแข่ง และมีราคาเริ่มต้นที่เพียง 18,400,000 บาท..ถูกมาก ถ้าเทียบกับ GT2RS
รถรุ่นใหม่ที่สุดในบรรดาทุกอนุกรม ก็น่าจะเป็น Cayenne เจนเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งพัฒนาบนแพลทฟอร์ม MLBevo และยังคงเน้นการเป็น SUV ขนาดยักษ์ที่มีบุคลิกใกล้เคียงรถสปอร์ตที่สุดแม้ว่าหน้าตาจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม มีขุมพลังให้เลือกหลากหลายแบบ ถ้าต้องการเน้นแรงถีบออกตัวดีๆ แต่ไม่อยากจ่ายเยอะ Cayenne E-Hybrid น่าจะเหมาะด้วยราคาเริ่มต้นที่ 7.5 ล้านบาท แต่ถ้างบหนาแล้วเป็นโรคไม่ชอบรถถ่าน ก็ขอแนะนำให้ลอง Cayenne S ซึ่งใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตร บล็อคเดียวกับ Panamera 4S ที่ให้แรงม้าสูง 440 แรงม้า พุ่งทะยานสู่ความเร็วสูงสุด 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ต้องเตรียมเงินไว้ 11,400,000 บาท
สำหรับค่ายรถหรูอย่าง Bentley นั้น มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 2 รุ่นในงานนี้ ซึ่งก็คือ New Continental GT W12 ซึ่งนับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของ Continental GT ใช้เครื่องยนต์ 12 สูบ 6.0 ลิตรเทอร์โบ ที่ให้พละกำลังสูงสุด 635 แรงม้า แรงบิดมหาศาลระดับ 900 นิวตันเมตร ต่อให้รถหนักกว่า 2 ตัน ก็ยังสามารถเร่ง 0-100 ได้ภายใน 3.7 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 333 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ยังตกแต่งภายในมาอย่างหรูด้วยหนังและวัสดุบุนุ่มอย่างดี นั่งสบายด้วย Adaptive Chassis ที่นุ่มนวลยามขับปกติและมั่นใจเวลาใช้ความเร็วสูง สนนราคาอยู่ที่ 22,100,000 บาท
รุ่นที่สองก็คือ Bentley Bentayga Diesel ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 Triple-charged 4.0 ลิตร มีพลังมากถึง 429 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร เป็น SUV หรูอลังบวกกับบ้าพลังที่สามารถแล่นได้เร็วถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทั้งที่ขนาดตัวรถไม่ใช่เล็กๆ ราคา 21,500,000 บาท แถมยังจัดโปรโมชั่นสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ อัตราดอกเบี้ย 0.99% ดาวน์ 30% ผ่อน 4 ปีอีกด้วย
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- สำหรับลูกค้าที่จองรถ Porsche ภายในงาน รับสิทธิลุ้นรางวัลทุกเดือน ในแคมเปญฉลองครบรอบ 70 ปี Porsche ด้วยการพาเจ้าของรถผู้โชคดี 7 ท่านไปร่วม German Heritage ทริป สัมผัสประสบการณ์ทดลองขับรถในบรรยากาศ Black Forest พร้อมเยี่ยมชมโรงงานและพิพิธภัณฑ์แบบ Exclusive ณ ประเทศเยอรมนี เป็นเวลา 7 วัน 6 คืน มูลค่ากว่า 300,000 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม
First Impression ลองขับ Porsche Panamera/Panamera Executive
Rolls-Royce
สุดปลายทางของคำว่ารถ สุดรันทดเพราะได้แต่มอง
อัครมหายานยนต์สำหรับอัครมหาเศรษฐีของแท้ Rolls-Royce Phanton รุ่นใหม่นี้ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 8 แล้ว คงไม่ต้องพูดถึงความหรูหราภายในกับวัสดุชั้นเลิศ ไม่ว่าจะต้องล้มวัวล้มแกะหรือโค่นไม้กี่ต้น รถจากค่ายนี้จะยังเป็นผู้นำสูงสุดของโลกยานยนต์เสมอเมื่อนึกถึงคำว่างานฝีมือภายในรถยนต์ ห้องโดยสารบุด้วยวัสดุเก็บเสียงชั้นดี ดีชนิดที่ว่าสตาร์ทเครื่องแล้วไปจอดเดินเบาเงียบๆ ทำเข็มหล่นยังได้ยิน
Phantom ใช้เครื่องยนต์ V12 สูบทวินเทอร์โบ 6.75 ลิตร ให้พลัง 563 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร มีตัวถังให้เลือกสองแบบ คือแบบฐานล้อปกติที่มีตัวรถยาว 5,762 มิลลิเมตร กับรุ่นฐานล้อยาว ที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 5,982 มิลลิเมตร ราคาค่าตัวเริ่มตั้งแต่ 53,500,000 บาท ไปจนถึง 59,500,000 บาท
Subaru
XV – AWD แบบ Symmetrical + Global ทั้งแพลตฟอร์ม
ในระหว่างนี้ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เมื่อเทียบกับงานมอเตอร์โชว์ปลายปี Subaru XV รุ่นใหม่ก็ยังคงขายได้เรื่อยๆ ด้วยช่วงล่างและการเซ็ตตัวถังที่ถือเป็น Benchmark ของรถคลาสเดียวกัน บวกกับภายในที่สวยงามทันสมัยขึ้นกว่ารถรุ่นก่อนๆ
XV ใหม่ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Boxer ที่เปลี่ยนไปใช้หัวฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection ให้พลัง 156 แรงม้า เกียร์ CVT ล็ออัตราทดพูลเลย์ได้ 7 จังหวะ มีให้เลือก 2 ระดับการตกแต่ง คือรุ่น 2.0i ราคา 1,159,000 บาท และ 2.0iP ราคา 1,259,000 บาท โดยที่รุ่นแพง จะได้ไฟหน้า LED แสนกล เปิด/ปิดอัตโนมัติ ปรับทิศทางตามการเลี้ยวได้ ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เปลี่ยนแอร์ออโต้จากแบบปกติเป็น Dual Zone เพิ่มจอบนที่คอนโซลกลางขนาด 6.3 นิ้ว
ทั้ง 2 รุ่น มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานเท่ากัน ถุงลมนิรภัย 7 ใบ เครื่องเสียงแบบจอ 8 นิ้ว Paddle shift กับ Cruise Control และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ X-Mode แบบเดียวกับ Forester
สำหรับรถที่มาโชว์ในงาน นอกจาก XV แล้วก็ยังมี Forester, Outback และ Levorg
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- ส่วนลดพิเศษสูงสุด 100,000 บาทเมื่อนำรถรุ่นใดก็ได้มาตีเทิร์นเป็น Subaru (เฉพาะบางรุ่นที่กำหนด รายละเอียดโปรดสอบถามพนักงานขาย)
- Forester 2.0i และ Levorg 1.6 GT-S รับดอกเบี้ย 0% 48 เดือน และฟรีประกันภัยชั้น 1 เป็นเวลา 1 ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม
Full Review: ทดลองขับ Subaru XV 2.0i-P ใหม่
Suzuki
Swift ใหม่กร้าวจัด จุดประทันโยนใส่ตลาดพันสอง
เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นานกับ Swift เจนเนอเรชั่นใหม่ กระแสตอบรับค่อนข้างดีทีเดียวด้วยยอดจองรวมตั้งแต่เปิดตัวจนถึงวันก่อนหน้างานมอเตอร์โชว์รวม 4,000 คัน ซึ่งปัจจุบันกำลังทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้า เริ่มล็อตแรกตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยอดขายโดยรวมตั้งแต่มกราคมถึงกุมพาพันธ์มีจำนวนรวม 3,823 คัน เติบโตขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 26%
Suzuki Swift ใหม่ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร แรงม้าลดลงจาก 91 เหลือ 83 แรงม้า แต่ได้โครงสร้างตัวถัง Heartect ที่น้ำหนักเบาลง 60-70 กิโลกรัมบวกกับการปรับจูนการทำงานของเกียร์ CVT Jatco ใหม่ทำให้สร้างอัตราเร่งได้รวดเร็วติดอันดับต้นๆของบรรดา Ecocar เกียร์ CVT/อัตโนมัติ เสริมอุปกรณ์ความปลอดภัยด้วยถุงลมนิรภัยรอบคันในรุ่น GLX/GLX Navi และมีระบบควบคุมการทรงตัว/Traction Control ในทุกรุ่นย่อย
ในภาพรวม รุ่น GLX และ GLX Navi มีอุปกรณ์ต่างๆเพียบพร้อมขึ้นกว่ารถรุ่นเดิม (จะขาดก็แค่เซ็นเซอร์ถอยหลังกับกล้องมองหลัง ซึ่งหลายคนมองว่าต่อให้รถคันเล็กก็ควรจะมีให้สำหรับราคาระดับนี้) ส่วนรุ่น GL และ GA นั้น ภาพรวมเทียบกับรุ่นเดิม มีอุปกรณ์ความปลอดภัยมากขึ้น แต่อุปกรณ์ติดรถอื่นๆจะลดลงเล็กน้อย ส่วนใครที่ยังรอ Swift เกียร์ธรรมดา ก็คงต้องรอต่ออีกหน่อยเพราะกำลังการผลิตตอนนี้ถูกทุ่มไปที่รุ่น CVT เพื่อส่งรถให้ทัน Demand ของลูกค้าก่อน
มาลองสัมผัสตัวจริงได้ในงาน เพราะ Suzuki ขน Swift มาเกือบครบทุกรุ่นย่อย และยังมีรถรุ่นอื่นๆในสายการผลิตเช่น Ciaz, Celerio และ Ertiga อีกด้วย
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- New Swift, Ciaz, Celerio,Ertiga และ Carry ได้ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี และโปรแกรมช่วยเหลือฉุกเฉินจาก AWP Services เป็นระยะเวลา 3 ปี
- New Swift – มีส่วนลดพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 20,000 บาท
- Ciaz – รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน (โปรฯธนาคารเกียรตินาคิน) หรือเลือกรับส่วนลดพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 50,000 บาท
- Celerio – ทุกรุ่นยกเว้น GA เกียร์ธรรมดา รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน (โปรฯธนาคารเกียรตินาคิน) หรือรับส่วนลดพร้อมอุปกรณ์ตกแต่ง มูลค่าสูงสุด 40,000 บาท
- Ertiga – รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน (โปรฯธนาคารเกียรตินาคิน) หรือรับส่วนลดพร้อมอุปกรณ์ตกแต่ง มูลค่าสูงสุด 20,000 บาท
- Carry – ส่วนลดพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม
Tesla (Sharenovation)
ยานยนต์ไฮเทค เซ็กซี่มีความขลัง พลังดีไม่มีตก มรดก Elon Musk
บริษัท Sharenovation เกิดจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบ และใช้งาน Tesla ในชีวิตจริง (และ..มีเงินเหลือ) จึงได้นำ Tesla เข้ามาขายหลังจากที่ทีมช่างมีความชำนาญในการดูแลรถของ Tesla มานาน แต่ด้วยความที่เป็นผู้นำเข้าอิสระ ไม่ใช่ Distributor อย่างเป็นทางการจึงต้องจำหน่ายในลักษณะรถพร้อมชุดแต่ง ซึ่งทางบริษัทเป็นผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของสำนัก RevoZport และ Unplugged Performance
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันคุณสามารถสั่ง Tesla Model S รุ่นซาลูน ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6,590,000 บาทในรุ่น 75D ไปจนถึง 10,890,000 บาทในรุ่น P100D ตัวแรงฆ่าซูเปอร์คาร์ หรือถ้าอยากเล่นรถทรงกระเดียดไปทาง SUV ก็ต้องเป็น Model X ที่มาพร้อมกับประตูคู่หลังแบบปีกนกที่ดูล้ำอนาคตมากเวลาเปิด ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 6,780,000 บาทในรุ่น 75D ไปจนถึง 11,380,000 บาทในรุ่น P100D ราคาทั้งหมดที่บอกไปนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามออพชั่นที่ลูกค้าเลือก ถ้าอยากดูตัวอย่างว่าเป็นอย่างไรบ้างก็สามารถคลิกเข้าไปดูที่เว็บไซต์ คลิกที่นี่
สำหรับสมรรถนะ รุ่นท้อปของค่ายอย่าง Model S P100D ใช้แบตเตอรี่ 100kWh สามารถวิ่งได้ไกล 420-450 กิโลเมตร สร้างอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ภายในเวลาแค่ 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Toyota/Lexus
C-HR – See for yourself ไปขับนะ แล้วจะเข้าใจ ว่า TNGA แซ่บยังไง
พระเอกของงานนี้ในบูธ Toyota ก็หนีไม่พ้นรถใหม่ล่าสุดอย่าง C-HR ครอสโอเวอร์ระดับ B-Segment ที่ได้รับการออกแบบโดยรับแรงบันดาลใจมาจากเหลี่ยมมุมของเพชรที่เจียรไนแล้ว ทำให้ได้รูปทรงมีเสน่ห์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ชูจุดขายโครงสร้างตัวถังใหม่ล่าสุด TNGA ซึ่งพัฒนามาให้มีความแข็งแรงทนต่อแรงกระทำระหว่างการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ และเป็น B-Crossover รุ่นเดียวในตลาดที่ใช้ช่วงล่างหลังแบบอิสระ ลดอาการโคลงเมื่อระนาบถนนซ้าย/ขวาไม่เท่ากัน เวอร์ชั่นไทยยิ่งแซ่บเพราะวิศวกรตระหนักในความตีนผีของชาวสยาม เราจึงได้ช่วงล่างสเป็คที่หนึบและแน่นจนคุณจะไม่เชื่อว่านี่คือ Toyota สเป็คโรงงาน..ไม่ใช่ TRD
ที่พูดไปเนี่ย..เพราะลองมาแล้วครับ แต่จะเป็นอย่างไรนั้น เดี๋ยวพี่ J!MMY เขาจะมี Review ตัวเต็มออกมาให้ดูกัน
C-HR มีขุมพลังสองแบบ ได้แก่เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 140 แรงม้า เกียร์ CVT และรุ่นไฮบริด 1.8 ลิตร พลังขับเคลื่อนรวมมอเตอร์ 122 แรงม้า เกียร์ CVT วางราคาจำหน่ายตั้งแต่ 979,000 บาท ไปจนถึง 1,159,000 บาท โดยถ้าหากคุณอยากได้รถสีแดง สีเขียวมินท์ และสีน้ำเงิน จะต้องเลือกรุ่นไฮบริดเท่านั้นนะครับ
ภายในงาน มีการนำรุ่นตกแต่งพิเศษ (ภาพบน) สีขาว Modellista Elegant Ice Style จอดอยู่บนเวที กับรถสีแดง แต่งแบบ TRD Sportivo จอดอยู่ทางด้านหน้างาน ให้ว่าที่เจ้าของ C-HR เลือกได้ว่าจะแต่งรถตัวเองออกมาแนวไหน
รถใหม่อีกรุ่นสำหรับงานนี้ ก็คือ Alphard ไมเนอร์เชนจ์ มีให้เลือก 2 รุ่นเช่นเดิม คือ 2.5 Hybrid พลังเครื่องยนต์รวมกับมอเตอร์ 197 แรงม้า ราคา 3,939,000 บาท และรุ่น V6 3.5VIP 301 แรงม้าราคา 5,429,000 บาท ส่วน Vellfire ยังไม่เห็นมีมาจอดในงานแต่ถ้าจะซื้อก็มีขาย และมีเพียงรุ่นเดียวคือ 2.5 ลิตรเบนซิน 182 แรงม้า ขายในราคา 3,809,000 บาท
สำหรับรถรุ่นอื่นๆที่นำมาโชว์ ก็ยังมี Yaris ATIV ที่ใส่ชุดแต่งจาก TRD, Hilux Revo Rocco, Corolla Altis และ Camry จำนวนหลายคันให้เลือกดูได้ตามใจชอบ
สำหรับฝั่ง Lexus นั้น ยังไม่มีรถใหม่เปิดตัวเพิ่มจากงานเมื่อปลายปี แต่ก็ยังเอา LC500 สีเหลืองสด มาเรียกความสนใจด้านหน้าบูธ ในขณะที่ LS500h ด้านหลัง ก็ยังคงมีความสดเหลืออยู่ แม้ราคาจะแพงกว่าชาวบ้านชาวช่องในคลาสเดียวกัน แต่อาศัยรูปทรงที่แหลมลิ่มทิ่มจิตอย่างแตกต่างและการเก็บงานรายละเอียดภายในรถที่แยกไม่ออกว่านั่นรถหรือวังสุลต่าน นั่นคือจุดเด่นที่ทำให้คนรวยของแท้จำนวนมากยังยึดติดอยู่กับแบรนด์ Lexus ได้
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
Yaris/Yaris ATIV
- ดาวน์เริ่มต้นเพียง 8,500 บาท หรือผ่อนสบาย 3,500 บาท (คำนวณจากโปรแกรมสบายดี) หรือ *อัตรเบี้ยพิเศษ 0.99 % เมื่อดาวน์ 20% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน
- ได้สิทธิ์ในการซื้อชุดอุปกรณ์ตกแต่ง TRD ราคาพิเศษ 16,000 บาท จากปกติ 25,000 บาท (ไม่รวมค่าแรงติดตั้งและภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) สำหรับลูกค้าที่ซื้อรุ่น ATIV ตั้งแต่ 1 มี.ค – 30 เม.ย. 61
Corolla Altis (เฉพาะรุ่น 1.8 ลิตร)
- อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือนหรือ ประกันภัยชั้น 1 (Exclusive Toyota Care)
Camry
- รุ่น 2.0 และ 2.5 เบนซิน รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 20% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน หรือ ประกันภัยชั้น 1 (Exclusive Toyota Care)
- รุ่นไฮบริด รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 20% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือนหรือ ประกันภัยชั้น 1 (Exclusive Toyota Care) พร้อมรับรองการใช้งานแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
C-HR
- รุ่น 1.8 เบนซิน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 20% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน และขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพจาก 3 ปีเป็น 5 ปี พร้อมทั้งฟรีค่าแรงเช็คระยะจนถึง 100,000 กม.
- รุ่นไฮบริด อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 20% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน และขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพจาก 3 ปีเป็น 5 ปี พร้อมทั้งฟรีค่าแรงเช็คระยะจนถึง 100,000 กม. และ ขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี (ช่วงปีที่ 6 – 10) และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
Hilux Revo
- ฟรีประกันภัยชั้น 1 (Toyota Care) สำหรับทุกรุ่น
- บัตรน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท สำหรับรุ่นสแตนดาร์ด แค็บ (B-cab)
รายละเอียดเพิ่มเติม
รูปภาพและรายละเอียดเพิ่มเติม Alphard/Vellfire ไมเนอร์เชนจ์
เปรียบเทียบอุปกรณ์/สเป็ค/ราคา ของ C-HR ทั้ง 4 รุ่นย่อย
Volvo
อัดเต็มด้วยเซฟตี้ อัดอีกทีด้วยราคา
รถใหม่ที่สุดสำหรับงานนี้ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก (หาจังหวะถ่ายรูปแทบไม่ได้) ก็คือ XC60 SUV ขนาดกลางคู่แข่งกับ BMW X3 และ Mercedes-Benz GLC มีขุมพลังให้เลือก 2 แบบ ในรุ่น D4 จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลบล็อคสหกรณ์ไวกิ้ง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีให้เลือกรุ่นเดียวคือ D4 Momentum ราคา 3,090,000 บาท
กับอีกขุมพลังหนึ่งคือ T8 Twin Engine 2.0 ลิตรเบนซินเทอร์โบ บวกพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำให้มีกำลังขับเคลื่อนรวมถึง 407 แรงม้า มีการตกแต่งให้เลือกสองระดับ กับรุ่น Momentum 3,290,000 บาท และรุ่น R-Design ตัวท้อปจัดเต็ม ชุดแต่งภายนอก และล้ออัลลอยลาย R-Design ราคา 3,590,000 บาท รถ XC60 ในประเทศไทย ผลิตจากมาเลย์และนำเข้ามาประเทศไทย
นอกจากมีความโดดเด่นที่พลังขับเคลื่อนกับราคาแล้ว XC60 ยังมีอุปกรณ์สนับสนุนด้านความปลอดภัยรอบคัน และยังมีโหมดระบบช่วยในการขับขี่กึ่งอัตโนมัติได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชนิดเร่งได้เอง เบรกชะลอความเร็วได้เอง
อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมากแม้จะใกล้เวลาตกรุ่นเต็มแก่ ก็คือ V40 ซึ่งมีรุ่นพิเศษอย่าง Dynamic Edition ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบ 190 แรงม้า อุปกรณ์เซฟตี้ครบ เพิ่มชุดแต่งกระจังหน้า กันชนหน้า ชายล่างกันชนหลัง ท่อไอเสียคู่ ทั้งหมดของ R-Design และใช้ล้อสีเทาดำลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว ทั้งหมดนี้อยู่ในราคาเพียง 1,690,000 บาท เรียกได้ว่าขโมยซีนพวกรถญี่ปุ่น D-Segment กันเลยทีเดียว
โปรโมชั่นงาน Bangkok Motor Show
- ประกันภัยชั้น 1 นาน 5 ปี (ห้าปี พิมพ์ไม่ผิด)
- บริการบำรุงรักษานาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร บริการรับประกันคุณภาพนาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
- บริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมงนาน 5 ปี
รายละเอียดเพิ่มเติม
รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม Volvo V40 Dynamic Edition