“ว้าว นี่ถ้าได้ความสวยจาก blah blah concept สัก 80% ___ (เติมชื่อเอา)หนาวชัวร์”
“หืม ถ้าได้แบบนี้นะ จะขายบ้านพร้อมที่ดินและแม่ยายมาซื้อ”
“ผมไม่เคยมองรถยี่ห้อ ถ้ารุ่นใหม่ออกมาแนวนี้ผมจะซื้อ”
“รถคันนี้เท่าไร หา 17 ล้าน!!”

นี่คือปฏิกิริยาของคนรักรถเมื่อมองเห็นรถต้นแบบสุดสวยล้ำอนาคตมาจอดรออยู่ตรงหน้า ใคร ๆ ก็ต้องซี๊ดซ๊าดและกรีดร้อง
จนถึงขั้นแดดิ้นลงกับพื้นว่า “หนูอยากได้ ๆ “ (บางท่านอาจจะสาวแตกไปเลยก็มี) ถ้าคุณตั้งสติไม่ได้ คุณก็อยากจะละเมอ
แตะรถแห่งความงามเพื่อให้เป็นบุญเซลล์นิ้วมือแน่นอน (แต่นิสัยมือบอนของคนไทยหลายคน คงไม่ใช่แค่ “แตะ” แน่นอน
จนทำให้คนญี่ปุ่นและฝรั่งพากันหวงรถต้นแบบเวอร์มากเหลือเกิน)

มาถึงบรรทัดเราก็อยากจะตอกย้ำความเป็นมนุษย์ที่มีกิเลสตัณหา(และราคะ หรือจะมีอะไรก็แล้วแต่บุคคล)ว่า ใคร ๆ ก็
ชอบของสวย ๆ งาม ๆ กันทั้งนั้น แม้กระทั่งการเลือกแฟน พวกคุณผู้ชายก็คงไม่กล้าปฏิเสธใช่ไหมว่าอยากได้แฟนสวย
น่ารักกันทั้งนั้น (จริงไหม?) แต่ช้าแต่ แม้ผู้หญิงบนโลกใบนี้จะเยอะมากชนิด ก.ไก่ หมดโลก แต่คนสวยน่ารักก็มีสัดส่วนไม่
เยอะมากขนาดนั้นหรอกหนา ดังนั้น คุณผู้ชายทั้งหลายก็ไม่สามารถหมายปองคนสวยน่ารักครบทุกคน ลองคิดดูสิว่าคน
สวย ๆ ก็ต้องเลือกผู้ชายคุณสมบัติที่คู่ควรกันทั้งนั้น

เมื่อถึงเวลาเปิดตัวรถรุ่นผลิตจริงโผล่มาตรงหน้า กลับกลายเป็นฝันร้ายของคนหลาย ๆ คน

“อิ๊ ไม่เห็นจะสวยเลย
“ต้นแบบอย่างเร้า คันจริงอย่างลุง”
“มาแบบนี้นี่ก็เสร็จคู่แข่งแน่”

เฮ้อ แน่นอนว่ารถต้นแบบทุกคันก็ไม่สามารถสนอง need ของคนเล่นรถได้ดั่งใจครบทุกคันหรอก โถ โลกใบนี้ช่างโหดร้าย
ยิ่งนักที่รถ Concept Car ส่วนใหญ่ต่างก็ทำร้ายคนรักรถด้วยรถ Production Car ที่มีดีไซน์…(เติมเอาเอง) แทบจะไม่ใกล้
จากรถแนวคิดกันเลยจนสร้างความเหนื่อยหน่ายแห่งคนรักรถอย่างมากว่า กะอีแค่ทำรถคันจริงให้สวยเหมือนรถต้นแบบ
มันหมดปัญญากันแล้วหรือไง ฮึ? กลัวขายดีหรือไง?

ใจเย็น ๆ ก่อนพรรคพวก มาถึงบรรทัดนี้เราก็อยากจะส่ง “เย็น เย็น” น้ำจับเลี้ยงเชื่อมบรรเทาอาการเบาหวานให้จิตเย็น ๆ
เสียก่อน เพราะรถต้นแบบที่ผู้ผลิตชอบอวดโฉมกันมาเนี่ย ส่วนใหญ่มันมีจุดประสงค์สำคัญหลายประการมาก ไม่ใช่ว่าทำ
รถต้นแบบสวยล้ำแล้วจะต้องผลิตออกมาได้ตามนั้น (ถามจริงเถอะ ถ้าผลิตมาหน้าตาแหวกโลกขนาดนั้น ใครจะกล้าขับ
จริงไหม?)

เราอยากจะบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่ (จะว่าไปก็รวมคนทั้งโลกด้วย) มักจะเข้าใจผิดถึงเจตนารมณ์ของผู้ผลิตที่จะสื่อสาร
ผ่านรถต้นแบบผิดเพี้ยนไปหมดถึงขั้นมีคนคิดว่านี่แหล่ะคือรถคันขายจริง แล้วฉันก็อยากจะวางเงินดาวน์เอามาก ๆ แล้ว

เราเคยจำได้ว่าในงาน Bangkok International Motorshow 2006 มีบางค่ายนำรถต้นแบบสุดสปอร์ตมาอวดโฉม รถ
คันนี้เป็นรถสีขาว แล้วก็มีผู้ชมเข้ามาถามเจ้าหน้าที่ดูแลรถต้นแบบคันนี้ว่าราคาเท่าไร? เจ้าหน้าที่แกก็ตอบไปว่าประมาณ
17 ล้าน จนมีการลือไปว่ารถ(คิดว่าจะขายจริง)คันนี้ขายราคา 17 ล้าน บอกตรง ๆ เราฟังแล้วแอบเพลียเบา ๆ แต่เมื่อมอง
อย่างเป็นกลาง เราต้องมองในมุมมองของคนที่ไม่เล่นรถเลยซึ่งเราก็พอเข้าใจว่า เขาอาจจะไม่สามารถแยกแยะว่ามันไม่ทำ
ขายจริงหรอก และก็บอกตรง ๆ ว่ามันก็ต้องโทษบริษัทรถนั้นด้วยไม่สามารถสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจชัดเจนอย่างถ่องแท้จริง

มันก็น่าจะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที แล้วผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยก็แทบจะเขียนจุดประสงค์การ
อวดโฉมรถต้นแบบได้ไม่ชัดเจนเอาเสียเลย มันก็กลับกลายเป็นว่ารถต้นแบบสุดล้ำที่อวดโฉมในไทยกลายเป็นปาหี่ไปวัน ๆ
เสียอย่างนั้น

วันนี้ HOMY DEMIO ก็พยายามรวบรวมลมปราณทั้ง 5 จุดเพื่อมาเขียนบทสรุปการดู Concept Car อย่างไรไม่ให้ “เงิบ”
เมื่อรถ Production Car เปิดตัวจริง!! เราได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่ากะอีแค่ดูรถต้นแบบต้องผ่านกระบวนการคิดผ่านซีรีบลัมกัน
ขนาดนี้เชียวรึ? แต่บางทีเราก็รู้สึกว่า รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม รู้ไว้เสียหน่อยเราก็จะเข้าใจรถต้นแบบที่ผู้ผลิตเขาจะสื่อสาร
ถึงพวกเรา ๆ ท่าน ๆ กันครับ ดีไหม?

จากประสบการณ์การคลุกคลี, เขียนข่าวและวิเคราะห์ข่าววงการรถยนต์ทั่วโลกก็พบว่า ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่จาก
ต่างประเทศ (บริษัทแม่) มักจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถต้นแบบทุกวิถีทางทั้งผ่านคำพูดหรือคำเขียน และวิธีที่จะทำความเข้าใจ
รถต้นแบบได้ดีที่สุดก็คือการเข้าไปอ่านข้อมูลทั้งหมดจากบริษัทรถยนต์ อาทิ Press Release, การให้สัมภาษณ์โดย
ผู้ออกแบบรถต้นแบบ ให้ถี่ถ้วน เพื่อป้องกันกันการเงิบและคาดหวังจนเกินกว่าเหตุ

มิเช่นนั้น เหล่าบรรดาดาราชั้นนำ 3 อย่างคุณยุ้ย จีรนันท์ มโนแจ่ม, คุณไดอาน่า จงจินตนาการและคุณใหม่ สุคนธวา เกิด
นิมิต จะตามมาหลอกหลอนคุณในไม่ช้า

เรามาดูรถต้นแบบกันแต่ละประเภทจากการสังเกตของผู้เขียนเป็นหลักกันดีกว่าครับ

1.รถต้นแบบที่แสดงวิสัยทัศน์ระยะยาว (Long-Term Vision Concept)

รถต้นแบบประเภทนี้มีรูปลักษณ์และรายละเอียดบางอย่างยากต่อการคาดเดามาก และมีปัญหาให้สร้างความเข้าใจผิดกัน
เยอะมาก ถึงแม้รูปลักษณ์รถต้นแบบหลายคันแทบไม่แตกต่างจากรถที่ขายทุกวันนี้ แต่เมื่อเพ่งรายละเอียดและสัดส่วน
ต่าง ๆ ให้ดี ๆ ก็พบว่ามันอะไรบางอย่างที่เหมาะสมต่อการเป็นรถยุคหน้ามากกว่ารถที่เตรียมผลิตในเร็ว ๆ นี้ จนบางคนคิด
ว่ามันน่าจะผลิตเป็นรถคันจริงในเวลา 1-2 ปี

คำว่าระยะยาวที่ในที่นี้หรือที่ผู้ผลิตรถยนต์ให้คำนิยามจะต้องใช้เวลานานกว่า 4 ปีขึ้น ถ้าระยะสั้นก็ใช้เวลา 1-2 ปี ระยะ
กลางจะอยู่ในระยะเวลา 2-4 ปี ดังนั้นรถต้นแบบประเภท Long-Term Vision ก็จะบอกทิศทางของรถยนต์ในยุค 4-5 ปี
ข้างหน้าขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นแนวการออกแบบ, แนวคิดการพัฒนา, การสำรวจวิจัยหรือเทคโนโลยีบางอย่าง และในระหว่าง
นั้นมันก็มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดหลาย ๆ อย่างเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการลูกค้ามากที่สุด

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ Opel Insignia Concept ที่เคยอวดโฉมมาแล้วในงาน Frankfurt Motorshow 2003
ถ้าดูเฉพาะรถต้นแบบล้วน ๆ ก็คิดว่า Opel คงแค่เอามาโชว์เล่น ๆ เพราะ Opel เพิ่งเปิดตัว Vectra C เจเนเรชั่นที่ 3 ในปี
2002 ไปแล้ว และคงไม่คาดคิดกันว่า Opel จะต่อยอด Insignia Concept ให้กลายเป็นรถซีดาน D-Segment ที่มาแทน
Vectra

แต่อันที่จริงแล้ว Opel เองสร้าง Insignia Concept เพื่อศึกษารถลักษณะ Grand Tourer ที่ใหญ่กว่า Vectra หรือง่าย
ๆ คือคิดอยากจะทำแทน Opel omega นั่นเอง ตัวรถจะเป็นรถแนวขับเคลื่อนล้อหลัง มีลักษณะที่แปลก ๆ จากรถ Opel
ทุกคัน ดูแล้วมันจะมาแบบไหนเนี่ย?

Trick : Martin Smith ผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์ฝ่ายออกแบบ ได้เผยว่าต้นแบบคันนี้คือการพยายามถ่ายทอด New
Design Language ถ่ายทอดลงรถขนาดใหญ่เป็นครั้งแรก ถือเป็นรถเพื่อการศึกษาเพื่อค้นหาไอเดียสำหรับอนาคต

ในปี 2005 ทาง Opel ก็ปฏิเสธอย่างจริงจังว่า Opel Insignia Concept ไม่สามารถผลิตขึ้นมาเป็นคันจริงได้เพราะตัวรถ
หนักเกินไป อีกทั้งมันยัง Opel Insignia Concept มันเป็นแค่ Pure Concept จนกระทั่งปี 2007 ก็ออกรถต้นแบบ Opel
GTC Concept ที่พร้อมกลายร่างเป็น Opel Insignia คันจริง

จากปี 2003 จนถึงปี 2008 ก็สอนให้เรารู้ว่ารถต้นแบบที่บ่งบอกวิสัยทัศน์ในอนาคตมันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันหรือทำขึ้นมาเล่น
ๆ เท่านั้น

กรณีศึกษา : และแล้วเราก็มีเรื่องเล่าที่น่าสนุกมาให้ติดตามกันจนต้องเก็บไว้เป็นบทเรียน เรามาดูกรณีของ Nissan Ellure
Concept รถต้นแบบแห่งความฝันค้างประจำปี 2012 จากรถต้นแบบทรงหรูสปอร์ตล้ำ ที่หลายคนเข้าใจผิดว่ามันคือรถ
ต้นแบบของ Nissan Sylphy ที่มีดีไซน์หรูแลดูสูงวัยสำหรับหลาย ๆ คนไปแล้ว

วันนี้ เรามาเฉลยความจริงและแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Nissan Ellure Concept ให้ชัดเจนหมดไส้หมดพุงกันไปข้าง
หนึ่งว่าทำไม Sylphy ถึงไม่ได้รับความงามจาก Ellure Concept อะไรเลย

เรื่องของเรื่องคือพวกเราได้ติดตามความเคลื่อนไหวรถยนต์ Nissan C-Segment Sedan รุ่นใหม่รหัสพัฒนา L12F ในช่วง
ปี 2009-2010 อย่างหนักหน่วงมาก เพราะหลายคนเชื่อว่า Nissan C-Segment ถือเป็นจุดอ่อนที่สุดในตอนนั้น ในช่วง
นั้นก็มีแหล่งข่าวที่ไม่สามารถออกนามได้บอกความเคลื่อนไหวตั้งแต่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาตอนต้นสารพัด ก็เรียกว่าฟัง
จากลมปากล้วน ๆ เท่านั้น

จนกระทั่ง Nissan ก็ส่งรถต้นแบบ Ellure Concept ในเดือนพฤศจิกายน 2010 ที่งาน LA Autoshow 2010 จนทำให้
หลายคนร้อง Wow กันยกใหญ่ เพราะทุกคนก็คาดหวังกันว่านี่แหล่ะมันน่าจะเป็น Nissan L12F อย่างแน่นอน รวมถึง
ข่าวลือก็พยายามจะเชื่อมโยงว่าคันจริงของ Nissan L12F จะคล้ายกับรถต้นแบบ

วันที่ 23 เมษายน 2012 ก็เป็นวันที่บอร์ด Headlightmag.com แทบแตก เมื่อ Nissan เปิดเผยโฉม L12F ภายใต้ชื่อ
Sylphy ในประเทศจีน (ตลาดอเมริกาเหนือและตะวันออกกลางใช้ชื่อ Sentra) แทบทุกคนพากัน Shock กับรถคันนี้มาก
ๆ ถึงมากที่สุด

ไม่ใช่เพราะตัวรถมันสวยสุดยอดจนยี่ห้ออื่นตายไปเลยหรอกครับ แต่หลายคนส่วนใหญ่ต่างพากันผิดหวังอย่างมากว่า
ทำไม Nissan Sylphy มันถึงแตกต่างจากรถต้นแบบ Nissan Ellure Concept ราวฟ้ากับเหวยิ่งนัก เหมือนกับฝันค้าง
กลางอากาศกันเลยทีเดียว ถึงขนาดต่อว่ากันค่อนข้างหนักหน่วงกันเลยทีเดียว

ความจริงแล้วรถต้นแบบ Nissan หลายรุ่นมักมีความใกล้เคียงกับรถคันขายจริงอยู่ไม่น้อย แต่ทำไมสำหรับ Nissan
Ellure Concept มันไม่มีความใกล้เคียงกับ Sylphy อะไรเลย แล้ว Nissan ชอบหลอกให้ความหวังพวกเราจริงหรอ?

ถามจริง ๆ เลยว่าไม่มีใครเอะใจสักนิดเลยหรือว่า ทำไมดีไซน์ของรถต้นแบบ Ellure Concept กับ Sylphy มันไม่มีอะไรเหมือนกันเลย?

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเรา เราก็ลองค้นเอกสาร Press Release ย้อนหลังและสังเกตการให้
สัมภาษณ์ของผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทแม่ “โดยตรง” นั่นก็ทำให้พวกเรารู้ความจริงกันว่า

Nissan ปฏิเสธมาตั้งแต่ต้น (ในวันที่เผยภาพ Ellure Concept วันแรกบนอินเตอร์เน็ต) ว่า รถต้นแบบคันนี้ไม่ได้เป็น
ต้นแบบของรถที่จะผลิตในเร็ว ๆ นี้เลย หรือพูดให้ฝันสลายเลยว่า Nissan Ellure Concept ไม่ได้เป็นต้นแบบของ Sylphy
หรือแม้กระทั่ง Teana โฉมปัจจุบันเลยแม้แต่น้อย เพล้ง!

แล้ว Nissan จะทำมาเพื่อ? ก็เพื่อเป็นรถต้นแบบ Long-Term Vision Concept ตามหัวข้อนี้น่ะสิ มันเป็นรถต้นแบบที่
แสดงวิสัยทัศน์ระยะยาวของรถซีดานที่มีความยอดเยี่ยมเพื่อฟื้นฟูตลาดรถซีดานให้น่าดึงดูดใจก่อนที่ลูกค้าจะหันไปซื้อรถ
เซกเมนต์อื่นซึ่งพวกเขาก็ทดลองกันว่าจะทำรถซีดานยังไงให้มีทั้งความสวยปราดเปรียว, มีห้องโดยสารที่กว้างขวางและยัง
กลุ่มผู้หญิงอายุ 30-40 ปีได้ยังไง

ถ้าหากขยันหาบทความเก่าจากต่างประเทศและการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารใหญ่ ทุกคนก็ให้สัมภาษณ์ว่า Nissan
Ellure Concept มันเป็นแค่รถต้นแบบโชว์เท่านั้น ไม่ได้ให้ความคาดหวังว่าจะนำแนวการออกแบบมาแปลงร่างเป็นรถรุ่น
ใหม่ที่จะออกมาภายใน 1-2 ปีนี้เลย

ก็ถือเป็นความผิดพลาดที่เก็บไว้เป็นบทเรียนและป้องกันมิให้เหตุการณ์เข้าใจผิดเกิดขึ้นอีก

2.รถต้นแบบที่เอาไว้โชว์อย่างเดียว ไม่มีจุดประสงค์แน่ชัด

เราอยากจะเรียกรถต้นแบบประเภทนี้ว่า ใครใคร่อยากโชว์ ก็โชว์ไป เพราะรถต้นแบบประเภทนี้ บางครั้งก็ทำขึ้นมาเล่น ๆ
เพื่ออวดฝีมือหรือฝึกหัดงานฝีมืออะไรบางอย่างเพื่อสร้างให้ผู้คนสนใจทำข่าวหรือเยี่ยมชมบูธ บางครั้งก็เป็นรถต้นแบบที่ถูก
คัดเลือกจากโรงเรียนสอนการออกแบบที่ทางบริษัทรถเข้าไปดีลกันก็มี และหลาย ๆ ครั้งก็อยากจะทำขึ้นมาอวด
แสนยานุภาพทั้งทางด้านความคิดและเทคโนโลยีว่า ข้าก็ทำได้นะ ฮ่า ๆ (แต่ขอโทษนะที่ข้าไม่ทำขาย มีอะไรมะ?)

รถประเภทนี้ส่วนใหญ่มักมีรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดผิดมนุษย์มนาไปไกลมาก จนแทบอยากจะบอกว่า “พร้อมบินได้
หรือยัง” ก็มี

ผู้ผลิตรถยนต์มักให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถต้นแบบประเภทนี้ไปในทางเชิงวิทยาศาสตร์หรือในด้านคุณค่าทางอารมณ์หรือ
ประวัติศาสตร์มากกว่าที่จะเป็นรถพร้อมผลิตขายจริงในระยะเวลา 5-10 ปีข้างหน้า และไม่ให้ความหวังใด ๆ กับผู้ชมว่ารถ
คันนี้จะผลิตจริงในอนาคตเลยแม้แต่น้อย

ก็เรียกว่าดูเล่น ๆ หรือเป็นรถเพื่ออัพเดททางความรู้ก็คงไม่ผิดอะไรนัก

3.รถต้นแบบโปรโตไทป์หรือกึ่งโปรโตไทป์พร้อมผลิตจริงภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

รถต้นแบบพวกนี้จะออกแนวรถต้นแบบเพื่อการวางแผนการตลาดและประชาสัมพันธ์เสียมากกว่า โดยมุ่งหวังให้ลูกค้าเริ่ม
คุ้นเคยกับรถต้นแบบก่อนที่จะเจอรถคันจริงภายในไม่เกิน 1-2 ปี

ถ้าย้อนยุคไปไกลแค่ยุค 90s ก็เรายังรู้สึกว่ารถต้นแบบประเภท Preview ก่อนการจำหน่ายจริงก็เริ่มมาแรงเอามาก ๆ แล้ว
เหมือนกัน เพียงแต่บริษัทรถในสมัยนั้นเขาคิดมากกันไปหน่อย เพราะพวกเขาเล่นนำรถคันจริงที่ดีไซน์เสร็จแล้วมาดัดแปลง
ชิ้นส่วนตัวถังบางชิ้นให้เพี้ยนกว่ารถคันจริงระดับหนึ่ง คงเพราะจะกลัวคู่แข่งมาลอกเลียนแบบกระมังหรือไม่ก็กลัวไม่เซอร์
ไพร์ซ

เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป วิธีการสร้างรถต้นแบบประเภทนี้ก็เปลี่ยนไปตามพฤติกรรมลูกค้า เมื่อผู้ผลิตทุกค่ายในยุคนี้เริ่ม
นำเอารถคันจริงที่จะพร้อมขายมาประโคมและเปลี่ยนแปลงหน้าตาให้ดูล้ำขึ้นพอประมาณ แต่จะไม่เปลี่ยนชิ้นส่วนตัวถัง
อะไรเลย มุขนี้กลายเป็นมุขหากินของผู้ผลิตรายเล็กจนถึงใหญ่ทุกค่าย เพราะมันไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวังเลยเมื่อถึงเวลา
เปิดตัวรถคันจริง แถมยังได้รับคำชมอีกด้วยว่า บริษัทนี้สิกล้าหาญ รถคันจริงเหมือนรถต้นแบบเลย แต่หารู้ไม่ว่า พวกคุณ
ติดกับดักการตลาดกันเสียแล้ว

แต่ก็มีบางค่ายยังทำรถต้นแบบกึ่งโปรโตไทป์เพื่อสื่อสารกับลูกค้าว่าพวกเขาจะมีรถรุ่นใหม่ในไม่ช้านี้ รถต้นแบบแนวนี้จะ
ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะกิจถึงขั้นต้องหล่อร่างรถต้นแบบให้มีความอ้างอิงสัดส่วนจากรถคันจริง โดยยังคงรายละเอียดดีไซน์
และด้านท้ายเอาไว้

กรณีศึกษา : ในปีนี้มีค่ายรถหนึ่งที่โดนลูกค้าตำหนิมากที่สุด นั่นคือค่าย Subaru ที่โดนถึงสองเด้งกับกรณีการสร้างความ
เข้าใจผิดในการสื่อสารรถต้นแบบ ทั้ง Subaru WRX Concept และ Subaru Legacy Concept ที่ทำให้ลูกค้าคาดหวัง
ในการรอรถคันจริงมาก เพราะ Subaru กล้านำชื่อ WRX และ Legacy มาสวมไว้ในรถต้นแบบเป็นหลักประกันว่ารถต้นแบบพวกนี้
คือทิศทางการออกแบบของรถรุ่นเจเนเรชั่นใหม่นั่นเอง

แต่เมื่อเปิดตัวรถคันจริงของ Subaru WRX และ Subaru Legacy โฉมใหม่ปุ๊ปก็ทำให้ลูกค้าที่รอคอยหลายคนผิดหวัง
ไม่ใช่เพราะมันไม่สวย แต่สิ่งที่ทำให้ Subaru ตกม้าตายคือ รายละเอียดที่สำคัญมาก ๆ อย่างไฟหน้าและไฟท้ายกลับมี
ดีไซน์ที่ไม่เหมือนกันเลย แค่มองให้คล้ายกันก็ยังมองด้วยความลำบาก เพราะอย่าลืมว่าการออกแบบไฟหน้าและไฟท้าย
มันมีความสำคัญต่อบุคลิกภาพของรถโดยรวมอย่างมาก

แล้วยิ่ง Subaru WRX ก็ยิ่งแล้วใหญ่เพราะสัดส่วนตัวถังของรถคันจริงกับรถต้นแบบมันแตกต่างมากจนเกินกว่าที่จะใช้ชื่อ
WRX Concept ได้ และยิ่งผนวกกับข่าวก่อนหน้านั้นที่ Subaru คิดจะแยกชื่อ WRX ออกมาจากตระกูล Impreza ก็ทำ
ให้หลายคนเกิดความคาดหวังไว้มากพอสมควร

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ Subaru ก็ควรจะเปลี่ยนชื่อรถต้นแบบเป็นชื่ออื่น แล้วประชาสัมพันธ์ไปว่านี่คือรถต้นแบบที่ระบุถึง
ทิศทางการออกแบบในอนาคตก็ว่ากันไป น่าจะเป็นการสร้างพื้นที่สื่อได้น่าประทับใจมากกว่านี้

สรุปวิธีการชมรถต้นแบบไม่ให้ “เงิบ” สั้น ๆ คือ

1.พยายามหาข้อมูลรถต้นแบบจากบริษัทแม่ที่อยู่ในต่างประเทศโดยตรง ทั้งจาก Press Release, คำสัมภาษณ์ผู้บริหาร
จากบริษัทแม่ วิธีการสังเกตว่ารถต้นแบบคันไหนมันจะมีอิทธิพลต่อรถรุ่นใหม่ในอนาคตง่าย ๆ เลยคือ ผู้ผลิตจะโปรยคำว่า
นี่คือรถต้นแบบสำหรับ Next Generation หรือรถต้นแบบคันนี้จะมีความเป็นไปได้ที่จะผลิตในอนาคต

วลีไม้ตายที่บริษัทรถชอบใช้เมื่อต้องการระบุว่ารถต้นแบบคันนี้จะบ่งบอกทิศทางรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัว พวกเขามักใช้คำว่า
Possible Future of…. หรือ Preview Next Generation… (ตามด้วยกลุ่มเซกเมนต์ของรถที่จะทำตลาด)

แต่ถ้าไม่พูดอะไรเลยก็จงอย่าจินตนาการไปไกลมาก แค่นั้น

2.อย่าเพิ่งคาดหวังว่ารถต้นแบบทุกคันจะต้องผลิตออกมาเหมือนอย่างที่ตาเห็น ถึงจะผลิตจริงมันมีดีไซน์ไม่เหมือนต้นแบบ
100% และอย่ามโนไปเองถ้าไม่มีผู้บริหารจากค่ายรถยืนยัน “อย่างเป็นทางการ” ว่ารถต้นแบบคันนี้จะผลิตออกมาจริง

บทความนี้อ่านเผิน ๆ เหมือนจะไร้สาระ แต่อันที่จริงก็ไม่ไร้สาระเท่าไรหรอก เท่าที่ผมรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลมานี้ก็
เพื่อให้พวกเรารู้ทันโลกยนตรกรรมและรู้ทันนิสัยพ่อค้าวงการรถยนต์ด้วยเช่นกัน

ขอบคุณพระคุณมาก ๆ ที่อ่านถึงบรรทัดนี้ครับผม

—————————————