ถึงแม้ว่ามันเคยมีข่าวมาว่า Ford Motor จะเตรียมเลิกขาย Fusion : D-Segment Sedan ในสหรัฐอเมริกา เพราะจะหันไปทุ่มกำลังกับตลาดรถยนต์อเนกประสงค์แต่ Ford ก็ไม่เคยคิดหยุดแผนการเปิดตัว Minorchange เลย
Ford Fusion Minorchange สำหรับรุ่นปี 2019 จะมีการปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกและเพิ่มเติมเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเพื่อเพิ่มความสดใหม่
ด้านหน้ามีการปรับปรุงลายกระจังหน้าใหม่ที่ดูหรูหราโดยใช้เทคนิคการขึ้นรูปโลหะคล้ายตะแกรง 3 มิติและเปลี่ยนกันชนหน้าที่มีช่องไฟตัดหมอกหน้าดีไซน์ใหม่ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเห็นได้ชัดคือ Ford ลงทุนขึ้นรูปฝากระโปรงท้ายใหม่ ขยายช่องติดตั้งป้ายทะเบียน พร้อมทั้งเปลี่ยนกันชนท้ายใหม่และไฟท้าย LED ใหม่ ที่ถึงจะเป็นความเปลี่ยนแปลงแค่เพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้รถโดยรวมสวยงามสง่าขึ้น
มิติตัวถังภายนอก
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,871 x 1,851 x 1,478 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,849 มิลลิเมตร
- ความกว้างล้อคู่หน้า : 1,592 มิลลิเมตร
- ความกว้างล้อคู่หลัง : 1,584 มิลลิเมตร
Ford Fusion Minorchange จะติดตั้ง Co-Pilot360 แพ๊คเกจระบบช่วยเหลือความปลอดภัยของผู้ขับขี่ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ประกอบไปด้วย
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชันตรวจจับคนเดินทางทางเท้า Automatic emergency braking with pedestrian detection
- ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา Blind Spot Assist
- ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keep Assist
- กล้องด้านหลังรถ
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
Ford Fusion Minorchange เวอร์ชันสหรัฐอเมริกามีทางเลือกให้ลูกค้าได้เลือกมากมาย อาทิ
- เครื่องยนต์เบนซิน Dutatec 4 สูบ 16 วาล์ว 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า (SAE) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 235 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังยังล้อคู่หน้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
- เครื่องยนต์เบนซิน Ecoboost 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร Ti-VCT GTDI ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า (SAE) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 4,320 รอบ/นาที ส่งกำลังยังล้อคู่หน้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมระบบ Auto Start-Stop
- เครื่องยนต์เบนซิน Ecoboost 4 สูบ 16 วาล์ว 2.0 ลิตร Ti-VCT GTDI ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า (SAE) ที่ 5,500 รอบ/นาที เมื่อเติมน้ำมันเกรดพรีเมี่ยม และให้กำลัง 231 แรงม้า (SAE) ที่ 5,500 รอบ/นาที เมื่อเติมน้ำมันเกรดปกติ แรงบิด 372 นิวตันมเมตรที่ 3,000 รอบ/นาที ส่งกำลังยังล้อคู่หน้าหรือ All-Wheel Drive เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
- เครื่องยนต์เบนซิน Ecoboost V6 2.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 325 แรงม้า (SAE) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 515 นิวตันเมตรที่ 3,500 รอบ/นาที ส่งกำลังแบบ All-Wheel Drive เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
- ขุมพลัง Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า (SAE) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 174 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที เมื่อรวมกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังสูงถึง 188 แรงม้า ส่งกำลังยังล้อคู่หน้า จับคู่เกียร์ eCVT
- ขุมพลัง Plug-in Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า (SAE) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 174 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที เมื่อรวมกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้าจะให้กำลังสูงถึง 188 แรงม้า (ให้กำลังสูงสุด 195 แรงม้าเมื่ออยู่ในโหมด Charge-Depletion ) ส่งกำลังยังล้อคู่หน้า จับคู่เกียร์eCVT ติดตั้งแบตเตอรี่ Li-ion ใหม่ขนาด 9 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถวิ่งในโหมด EV ไกลถึง 40.2 กิโลเมตร
นับจากนี้ต้องลุ้นกันว่า Ford Motor จะกลับลำเดินหน้าเปิดตัว Ford Fusion รุ่นเปลี่ยนโฉมหรือจะขาย Fusion รุ่นปัจจุบันเป็นรุ่นสุดท้าย เพราะหากนับจากยอดขายในปัจจุบันก็ถือว่า Ford Fusion เป็น 1 ในรถยนต์รุ่นขายดีที่สุดติดอันดับ Top 10
ที่มา : Carscoops