เมื่อเดือนที่แล้ว Ford ได้เผยโฉม Ford Focus Minorchange ตัวถังแฮทช์แบคและแวกอนจนทำให้หลายคนแอบฮือฮา
อยู่ในใจเล็ก ๆ ว่านี่แค่ขนาดปรับโฉมก็ทำให้ลุคของรถดูแตกต่างกว่าเดิมมาก ก็เป็นธรรมดาโลกที่เมื่อมีความเปลี่ยนแปลง
ครั้งใดก็ย่อมมีเสียงวิจารณ์ในแต่ละครั้ง บ้างก็ว่าสวยน้อยลง บ้างกว่าสวยขึ้น บ้างก็ว่าตรงนั้นนู้นนี้ไม่ลงตัว คงยากที่จะเอา
ให้ถูกใจครบทุกคน
หลายคนก็คงสงสัยว่าก็ในเมื่อ Ford Focus Minorchange รุ่นแฮทช์แบคและแวกอนก็เผยโฉมออกมาแล้ว แล้วทำไมไม่
เผยตัวถังซีดานออกมาเสียล่ะ ก็อย่าลืมว่าภาพ Ford Focus รุ่นปรับโฉมนั้นเป็นภาพเวอร์ชันยุโรปที่ไม่เน้นขายตัวถังซีดาน
เลย ส่วนตลาดตัวถังซีดานที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็หนีไม่พ้นตลาดจีนและอเมริกา จึงไม่แปลกใจเลยว่า Ford Focus
Minorchange ตัวถังซีดานจะต้องเปิดตัวในอเมริกาก่อนใครในโลก
การเปิดตัว Ford Focus Minorchange เวอร์ชันอเมริกันจะมีความพิเศษกว่าการเปิดตัวกว่าครั้งไหน ๆ ก็เพราะ Ford
กล้าเคลมอย่างภาคภูมิใจมากว่า Ford Focus คือตระกูลรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลกประจำปี 2013 ชนิดที่ใครจะมาเถียง
แทนกันไม่ได้ จากข้อมูลของ HIS Automotive พบว่า Ford Focus สามารถครองยอดขายอันดับ 1 ของโลกด้วย
ยอดขายถึง 1,097,618 คันในปี 2013
ตลาดที่สำคัญที่สุดของ Ford Focus ในปัจจุบันคือตลาดเมืองจีนที่มีสัดส่วนการขาย Ford Focus มากถึง 50% เมื่อ
เทียบกับประเทศอื่นในโลก
และเพื่อฉลองชัยที่ Ford Focus ได้ขึ้นเบอร์ 1 ของโลกจึงเปิดตัว Ford Focus Sedan Minorchange อย่างเป็นทางการ
ด้วยรูปโฉมที่ดุดันมากยิ่งขึ้น
Ford Focus Sedan Minorchange จะยกใบหน้ามาจาก Focus Minorchange จากยุโรปแต่เปลี่ยนกระจังหน้าแถบ
โครเมี่ยมและแถบสีเงินบริเวณไฟตัดหมอกหน้าให้กลายเป็นแถบสีดำที่ดูดุดันขึ้นมาก เมื่อจับมันหันก้นไปด้านหลังก็พบว่า
Ford ได้ลงทุนเปลี่ยนโคมไฟท้ายให้มีความสูงของไฟน้อยลง (ลักษณะไปในทิศทางเดียวกับรุ่นแฮทช์แบค) ที่ออกแบบให้
ไฟท้ายดูเรียบร้อยขึ้นพร้อมกับการปั๊มลายฝากระโปรงท้ายที่ไปในทางในเรียบร้อยเหมือนผ้ายับ ๆ พับไว้
นอกเหนือจากมีการปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว Ford ก็ยังกล้าปรับปรุงคุณภาพการขับขี่จากที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไป
อีกด้วยการปรับปรุงวาล์วโช๊คอัพให้มีเสียงรบกวนน้อยลง, ระบบกันสะเทือนที่ปรับปรุงให้แนบแน่นกับพื้นถนนมากกว่านี้,
พวงมาลัยไฟฟ้าก็มีการจูนให้รู้สึกถึงความแม่นยำกับพื้นถนน
Ford Focus Sedan Minorchange จะอวดโฉมในงาน New York Autoshow 2014 ส่วนเมืองไทยคาดว่าจะต้องกัน
สักพักหนึ่ง
ที่มา : Worldcarfans