ในตอนแรกเคยคาดการณ์เอาไว้ว่า Skoda Vision X Concept มันน่าจะเป็นรถยนต์ต้นแบบ B-SUV ฝาแฝด Seat Arona แต่ปรากฏว่าเมื่อยลโฉมคันจริงของรถต้นแบบคันนี้ กลับกลายเป็นว่ามันคือรถยนต์ Crossover ที่ใช้พื้นฐานร่วมกับ Volkswagen T-Roc เสียมากกว่า ดังนั้น แผนการต่อไปที่จะรุกตลาด SUV ขนาดเล็กของ Skoda ถือเป็นสิ่งที่น่าจับตามองอย่างมาก
Skoda Vision X Concept จะมาพร้อมทิศทางการออกแบบที่ดูใกล้เคียงกับ Kodiaq และ Karoq : SUV รุ่นพี่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงก็คือการออกแบบกระจังหน้าที่มีเหลี่ยมมุมมากยิ่งขึ้นที่มาพร้อมกับกันชนหน้าที่ถูกออกแบบให้กระจังหน้าดูเด่นเสมือน 3 มิติ และที่สำคัญยังเพิ่มมิติขอบมุมตัวถังที่ดูเหลี่ยมสันบึกบึนขึ้น โดยไม่ละทิ้งเส้นสายที่มีมิติแบบ Crystalline ตามฉบับ Skoda
ส่วนบั้นท้ายก็แทบจะถอดแบบมาจาก Skoda SUV รุ่นอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับไฟท้าย LED ทรงสามเหลี่ยม พร้อมไฟ DRL
Dimension มิติตัวถังภายนอก
- ยาว x กว้าง x สูง : 4,255 x 1,807 x 1,537 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ : 2,645 มิลลิเมตร
เมื่อเทียบมิติภายนอกกับ Volkswagen T-Roc ก็จัดว่ามีมิติใกล้เคียงกันมากเพราะมันยาว 4,234 มิลลิเมตร กว้าง 1,819 มิลลิเมตร สูง 1,573 มิลลิเมตร 2,590 มิลลิเมตร
ภายในห้องโดยสารดูน่าตื่นตาตื่นใจกว่า Volkswagen T-Roc มาก ที่ถึงแม้ว่า Layout ของมันจะดูธรรมดา ๆ แต่การจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ทำให้ Skoda Vision X Concept ดูน่าสนใจขึ้นมาก แผงแดชบอร์ดถูกออกแบบเป็นแนวกว้างเพื่อความโปร่งตา และเน้นพื้นที่ภายในห้องโดยสาร
แต่ด้วยความที่ Skoda ได้วางตำแหน่ง Vision X Concept ให้เป็น Urban Crossover ที่เน้นความสปอร์ตและรองรับการไลฟ์สไตล์ที่น่าตื่นเต้น พวกเขาจึงคัดเลือกวัสดุผ้า, วัสดุสังเหคราะห์และยาง บุหุ้มภายในห้องโดยสาร
จุดเด่นที่สำคัญตอบรับกับกระแสลูกค้ายุคใหม่ก็คือระบบการเชื่อมต่อบริการดิจิตอลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Smart Parking, HoppyGo, TwoGo และ CareDriver ที่รองรับการบริการ
- บริการค้นหาที่จอดรถทันที
- ให้บริการเป็นรถเช่า เมื่อไม่ได้ใช้งาน
- บริการ Car Sharing
ไฮไลต์สำคัญที่สร้างความแปลกใหม่ให้แก่วงการก็คือ Skoda ได้แนะนำขุมพลัง CNG Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร G-TEC Turbo พละกำลังสูงสุด 130 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ส่งกำลังยังล้อคู่หน้า รองรับก๊าซธรรมชาติที่ติดตั้งถังบรรจุไว้ใต้เบาะหลัง 1 ตำแหน่ง และบริเวณท้ายรถ 1 ตำแหน่ง ที่เคลมว่าปล่อยค่าไอเสีย CO2 น้อยกว่าเครื่องยนต์เบนซินปกติ 18-25% และแน่นอนว่าค่าไอเสีย nitrogen oxide และฝุ่นละอองย่อมน้อยลงกว่าเครื่องยนต์เบนซินอีกด้วย
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ตัวหนึ่งสำหรับเป็นตัวเสริมกำลังให้แก่เครื่องยนต์ อีกตัวหนึ่งจะส่งกำลังยังล้อคู่หลัง ที่อาศัยจากพลังงานแบตเตอรี่ Li-ion 48 โวลต์ ที่กักเก็บพลังงานจากพลังงานจลน์ทุกรูปแบบ มอเตอร์ไฟฟ้าจะมอบแรงบิด 70 นิวตันเมตรในทันที เมื่อยามต้องการเร่งแซง
ขุมพลัง CNG Hybrid สามารถทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 9.3 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Skoda ไม่ได้ระบุว่า Vision X Concept จะขึ้นสายการผลิตได้ในตอนไหน แต่คาดว่าพวกเราน่าจะได้เห็นกันภายในปี 2019 เป็นต้นไป
ที่มา : Skoda