เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2018 Dongfeng Motor ได้ประกาศแผนระยะกลาง ‘Mid-Term Plan’ เพื่อหวังขยายยอดขายประจำปีจาก ปัจจุบันที่มียอดขาย 1 ล้านคันโดยเฉลี่ย ก้าวกระโดดไปถึง 2.6 ล้านคันภายในปี 2022 โดยคาดว่าเมื่อถึงเวลานั้นก็จะมียอดรายได้รวมถึง 300,000 ล้านหยวนหรือ 1,500 ล้านบาท
ในปัจจุบัน Dongfeng Motor ได้ก่อตั้งบริษัทในรูปแบบ Joint Venture 50-50 ร่วมกับ Nissan Motor จนกลายเป็นบริษัทรถยนต์ร่วมทุนที่ยิ่งใหญ่ติด Top 3 ของประเทศจีน
(Venucia e30 : แบรนด์รถยนต์ท้องถิ่นในเครือ Dongfeng Nissan )
แผนธุรกิจระยะกลางมีชื่อเรียกว่า ‘DFL Tripple One Plan’ ที่จะเป็นการต่อยอดความสำเร็จของยอดขายแบรนด์รถยนต์ในเครือรวม 1.52 ล้านคันในปี 2017 อันเป็นผลสำเร็จจากยอดขาย Nissan Sylphy, X-Trail, Qashqai, Teana Venucia T90 และ D60, Infiniti Q50L และ QX50 และรวมไปถึงรถยนต์อเนกประสงค์ Nissan Navara, Dongfeng Duolika และ Captain
‘DFL Tripple One Plan’ จะมีแผนการที่สอดคล้องไปกับยุทธศาสตร์ Nissan M.O.V.E. 2022 ทำให้ Dongfeng สามารถเปิดตัวรถรุ่นใหม่มากกว่า 40 รุ่น เพื่อมุ่งสร้างยอดขาย Venucia และ Infiniti ให้เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 3 เท่า และเพื่อสร้างยอดขายรถกระบะ, รถเพื่อการพาณิชย์และ SUV ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานแชสซีส์ให้เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัว
นอกจากนี้ Dongfeng Motor ตั้งเป้าเป็นกลุ่มบริษัทผู้นำเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ทันสมัยที่สุด อาทิ การติดตั้งระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ProPilot, ระบบช่วยถอยจอดอัจฉริยะ e-Parking และระบบการเชื่อมต่อภายในรถที่มีให้ทุกรุ่นในเครือ Dongfeng
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Dongfeng Motor เตรียมแนะนำรถยนต์ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้ามากกว่า 20 รุ่น (รถยนต์ไฟฟ้า EV และ e-Power) จากรถยนต์แบรนด์ Nissan, Venucia และ Dongfeng ภายในปี 2022 โดยจะทยอยเปิดตัว 6 รุ่นก่อนในช่วงปี 2018-2019
(NEW Nissan Leaf เตรียมทำตลาดจีนในปี 2018)
ในปีนี้ Dongfeng Motor จะแนะนำ NEW Nissan Leaf : รถยนต์ไฟฟ้า EV 100% และรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่เปิดเผยชื่ออีก 2 รุ่น ส่วนในปี 2019 ก็จะเตรียมแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า EV ราคาประหยัด
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและ Hybrid ในตลาดจีนช่วงปี 2017 มีแค่เพียง 777,000 คันหรือมีสัดส่วนยอดขาย 2.7% เมื่อเทียบกับยอดขายรวมทั้งหมดในประเทศจีน แต่ทางกลุ่ม Dongfeng Motor กลับคาดหวังยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า EV และ Hybrid ให้มีสัดส่วนมากถึง 30% ในปี 2022 หรือประมาณ 780,000 คันเมื่อเทียบกับเป้าขาย ณ ปีนั้น สวนทางกับยอดขาย EV และ Hybrid ในปี 2017 ที่ทำได้เพียง 21,000 คันเท่านั้น
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ Dongfeng Nissan ขายรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้น้อยมาก ก็เพราะว่าพวกเขานำเข้าชิ้นส่วนจากต่างประเทศมากถึง 85% ทำให้ราคาจำหน่ายพุ่งสูงเกินหน้าเกินตาคู่แข่งไปมาก ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนงานการผลิตใหม่ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงในอนาคต
ที่มา : Moneycontrol, Nissan