หลายคนส่วนใหญ่ที่สามารถเก็บเงินซื้อรถตามกำลังทรัพย์ มักจะคาดหวังถึง “ออพชั่น” หรือคำพูดสวยหรูที่ชอบใช้กันใน
โบรชัวร์ว่า “อุปกรณ์มาตรฐานติดตั้งประจำรถ” ในรถยนต์รุ่นใหม่ถอดด้ามหรือจำพวก All New เป็นอย่างมาก (ไม่นับ
ประเภท All New เก๊แต่ยังใช้เบ้าหน้าเดิม ตบตาผู้ที่ไม่รู้เรื่องรถเท่าไร บางรายอาการหนักเพราะแทบไม่มีการเปลี่ยนโฉม
กันเลยก็มี แต่ก็ใจกล้าเรียก All New โดยไม่สะทกสะท้าน) นั่นเป็นเพราะว่าการซื้อรถของคนส่วนใหญ่มักต้องมองเห็น
ความคุ้มค่าของเม็ดเงินที่ตนจ่ายมากที่สุด ยิ่งมีออพชั่นมากเท่าไรรถรุ่นนั้นก็ยิ่งมีกระแสหรือมีเสียงเชียร์ให้ซื้อกันถล่มทลาย
พอสมควร(บางคันก็มีแต่เสียงเชียร์ หาได้แปรรูปเป็นยอดขายไม่) แต่หารู้ไม่ว่ามีบางค่ายมัวแต่พัฒนาฟีเจอร์ในรถแต่ไม่
ยอมพัฒนาเรื่องงานวิศวกรรมกันเลย กลายว่าเป็นการอัดออพชั่นหรือสร้างฟีเจอร์ใหม่ให้ wow ก็กลายเป็นการสร้างความ
น่าตื่นตาตื่นใจในตัวรถแทนที่จะเป็นเรื่องของพื้นฐานการขับขี่ที่ดี
และเพื่อยุติวงจรอุบาทว์เหล่านี้จึงมีอัศวินขี่ม้าขาว (คนละแบบกับนารีขี่ม้าขาว) กล้าแฉบริษัทรถที่ตัวเองทำอย่างไม่สนใจ
หน้าอินทร์หน้าพรหมกัน ถึงแม้ว่าเขาเองก็เคยเป็น 1 ในผู้ร่วมวงจรการพัฒนารถยนต์นี้ก็ตาม
Mark Reuss อดีตประธาน GM อเมริกาเหนือซึ่งเขาก็ได้โยกย้ายมาทำงานในตำแหน่งรองประธานฝ่ายวางแผน
ผลิตภัณฑ์ได้สารภาพว่าบริษัทเคยมุ่งเน้นแต่พัฒนาระบบ infotainment มากกว่างานวิศวกรรมซึ่งเขาได้ยอมรับว่าเมื่อ 5
ปีที่แล้ว GM เคยผ่านยุคที่มีแต่คนคิดว่าถ้า GM ติดตั้งฟีเจอร์สุดเจ๋งประเภท telemetic และข้อมูลสำหรับผู้ขับขี่ เมื่อนั้น
GM ก็จะเป็นผู้ชนะในตลาด
ในช่วงนั้น ไม่มีใครไปสนใจว่ารถคันนี้ขับขี่เป็นอย่างไร?, ไม่มีใครสนว่ารถคันนี้จะมีเสียงอะไร?, ไม่มีใครสนใจเลยว่ารถคัน
นี้มีผลการชนเป็นอย่างไร? ทุกคนมุ่งแต่ไปทำระบบ infotainment กันหมด
จนมีบางคนพูดว่าลูกค้าซื้อรถคันนั้นเมื่อได้เห็นหน้าจอสัมผัสขนาดโตและใช้ชีวิตอยู่กับรถ 2 ปี แต่ถ้าหากรถขับไม่ดีหรือรถ
ไม่ดีจนเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ลูกค้าบาดเจ็บ มันก็เป็นความเสี่ยงที่จะเสียความจงรักภักดีของลูกค้าไปได้ง่าย ๆ
สำหรับรถยนต์ GM ที่ได้ส่งออกไปยังตลาดออสเตรเลียก็ประสบปัญหาตัวรถจากนโยบายประหลาด ๆ นี้ด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะรถยนต์ Holden Barina (Chevrolet Sonic)และ Malibu ก็ติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่สามารถเชื่อมต่อ
กับแอพพลิเคชั่นได้เป็นครั้งแรกในคลาส แต่บุคลิกการขับขี่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู
ต้นเหตุของปัญหาสำคัญนี้คือ GM ได้แต่งตั้งผู้บริหารสายงานวางแผนพัฒนาตัวรถแทนที่จะให้วิศวกรระดับสูงมา
รับผิดชอบการพัฒนาตัวรถซึ่งนักวิศวกรระดับสูงเหล่านี้ได้รับการอบรมงานด้านวิศวกรรมมาแล้ว จนน่าจะสร้างสรรค์ตัวรถ
ให้ชนะคู่แข่งขันได้ กลับกันผู้บริหารสายงานวางแผนพัฒนาตัวรถอาจจะเคยเป็นวิศวกรหรือไม่เป็นวิศวกร แต่ก็มีมุมมอง
การทำรถคนละมุมกับนักวิศวกรรม
Mark Reuss กล่าวว่า พวกเขามองเห็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อลูกค้าที่ไม่ได้ใส่ไว้ในรถแล้ว และนั่นก็เป็นความผิดพลาดครั้ง
ยิ่งใหญ่
และผู้ที่จะมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ก็คือ Mary Barra นารีขี่ม้าขาวคนใหม่ที่กลายเป็นผู้บริหาร GM อเมริกาเหนือซึ่งเป็น
เพื่อนสนิทกับ Mark Reuss นั่นเอง
Mark Reuss อธิบายต่อไปว่า Mary Barra ได้รับรู้ปัญหาสินค้าของ GM ในอดีตอย่างลึกซึ้งและเธอจะมาช่วยแก้ปัญหา
เหล่านี้ได้ เธอมีประสบการณ์ในกระบวนการพัฒนารถยนต์อันผิดพลาดครั้งนี้มาแล้วเพราะเธอทราบดีว่าการพัฒนารถที่
ผิดพลาดนั้นเกิดจากการมองมุมด้านการเงินเป็นหลัก
Mark Reuss อยากจะเห็น GM ภายใน 5 ปีข้างหน้าว่าเป็นบริษัทรถยนต์ที่คนรู้จักกันว่ามีความน่าเชื่อถือ, ทนทานและมี
การบริการลูกค้าในตัวแทนจำหน่ายของพวกเขา
คงจะต้องดูภาพของ GM ในอีก 5 ปีข้างหน้านับจากนี้ไปว่าพวกเขาจะสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้หมดจดหรือไม่
ที่มา : caradvice