บทบาทของ MINI รุ่น One ตั้งแต่การกำเนิดใหม่เมื่อปี 2000 คือ MINI ตัวถังแฮทช์แบกที่เน้นการตกแต่งแบบพื้นๆ
พร้อมขุมพลังที่มีกำลังน้อยกว่ารุ่น Cooper และ Cooper S เหมาะสำหรับคนที่มองหาความมินิแบบเรียบง่าย ไม่หวือหวา
แต่หลังจากการเปิดตัว MINI เจเนอเรชั่นที่ 3 (ในยุค BMW ครอบครอง) เมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้ MINI One ต้อง
เติบโตขึ้น ทั้งด้านขนาด และคาแรกเตอร์ของตัวรถ ที่แม้จะคงแนวคิดความเรียบง่าย แต่ก็เป็นความเรียบง่ายอย่างมีชั้นเชิง
ทั้งการตกแต่ง อุปกรณ์มาตรฐาน ไปจนถึงขุมพลังที่ใช้
โดยเฉพาะขุมพลัง คราวนี้ BMW จัดแจงเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ให้เป็นแบบ 3 สูบเรียงทั้งรุ่น One และ One D
ในรุ่น One นั้น จะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ พร้อมเทอร์โบ TwinPower Turbo ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังได้
102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตัน-เมตร ช่วยสร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลา 9.9 วินาที
และมีความประหยัดน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 21.7 กม./ลิตร
ส่วนรุ่น One D นั้น เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบ พร้อมเทอร์โบ TwinPower Turbo ขนาด 1.5 ลิตร มีกำลังสูงสุด
ที่ 95 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร สร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลา 11 วินาที แต่ที่น่าสนใจ
คือสามารถสร้างความประหยัดน้ำมันเฉลี่ยมากถึง 29.4 กม./ลิตร เลยทีเดียว
ทั้ง MINI One และ One D จะพร้อมออกจำหน่ายในยุโรปกันก่อนในปีนี้ ก่อนจะส่งไปทำตลาดในทวีปอื่นๆ รวมถึง
ตลาดประเทศไทยด้วยเช่นกัน