BMW เพิ่งหักปากกาเซียนจนน้ำหมึกดำปนสีเลือดผสมสีน้ำเงินพุ่งใส่หน้าผู้สื่อข่าวที่ชอบเอาแต่นั่งฟันธง, จิกกัดหรือ
วิจารณ์กันว่า BMW i-Series ทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ i3 และ i5 จะไม่ประสบความสำเร็จแน่นอน แต่พอเอาเข้าจริงรถทั้ง 2 รุ่น
กลับได้รับความนิยมพุ่งสูงในช่วงแรกของการเปิดให้จับจองเสียอย่างนั้นจนนักวิจารณ์บางท่านต้องแอบเก็บเศษใบหน้าที่
แตกละเอียดยับแทบไม่ทัน (แบบเงียบ ๆ เพราะฟันธงไว้เยอะ)
ถามว่าทำไมเป็นเช่นนั้นล่ะ? ก็เพราะว่า BMW i3 มีรุ่นขยายระยะทางวิ่งที่ติดตั้งเครื่องยนต์ตัวน้อยสำหรับคอยปั่นไฟฟ้า
เข้าแบตเตอรี่สำหรับลูกค้าที่ยังแคร์กับการวิ่งทางไกลให้สามารถเลือกซื้อหาได้ อีกทั้งรายละเอียดทางเทคนิครอบคันรถให้
ข้าวของที่ดูคุ้มเกินมูลค่าที่ซื้อมาเสียอีกซึ่งก็ดูลงทุนกว่ารถไฟฟ้าจากแบรนด์แมสมากมายยิ่งนัก ส่วน BMW i8 ก็มีขุมพลัง
เป็น Hybrid พื้นฐานที่ยังต้องเสพน้ำมันเป็นหลักอยู่ดี นั่นจึงถือเป็นกลยุทธ์การปรับตัวของ BMW ที่ไม่ได้ยึดติดหรือดัด
จริตมากว่า “รถฉันจะต้องเป็นรถไฟฟ้าเพียว ๆ นะ” ซึ่งมันสวนทางกับพฤติกรรมผู้ใช้ยุคนี้ ขืนไปยึดติดกับความเป็น
รถไฟฟ้ามากเกินไปก็อาจจะแพ้ภัยตัวเองก็ได้ แทนที่จะรุ่งกลับรุ่งริ่งในตอนแรกโดยไม่จำเป็น
ถึงแม้ BMW เพิ่งจะรุ่งจากกระแสตอบรับที่ดีของรุ่น i3 และ i8 แต่ BMW ก็ไม่รีบร้อนที่จะส่งรถตระกูล I รุ่นใหม่ออกมา
ให้ทันกับกระแส เพราะ BMW ยังคาดหวังผลตอบรับของ i3 และ i8 ที่ดีกว่านี้เสียก่อน
Harald Krueger ฝ่ายดูแลการผลิตกล่าวว่า BMW จะยังไม่เปิดตัวรถตระกูล I รุ่นที่ 3 จนกว่าจะแน่ใจว่า BMW มีไอเดีย
ในการดูดลูกค้าให้มาซื้อรถตระกูล I ที่เปิดตัวแล้ว 2 รุ่นให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากการลงทุนสร้างรถตระกูล I คัน
เดียวก็ต้องลงทุนสูงถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์หรือ 2 พันล้านยูโร ถึงแม้ว่ายอดจอง BMW i3 จะทะลุเกิน 11,000 คันหรือ
เกินโควต้ายอดขายประจำปีชั่วนาตาปีจนลูกค้าต้องนั่งรอตากลมนานถึง 6 เดือนกว่าจะได้รับรถไปขับสวย ๆ กัน
ในเบื้องต้น BMW อาจมีแผนเก็บเกี่ยวความนิยมของ i3 ให้มีมากขึ้นไปกว่าเดิม ด้วยการลงทุนผลิต i3 ในประเทศจีนโดย
ไม่เกรงกลัวต่อการก๊อปปี้ (เพราะมีแบรนด์ Zirono ในเครือง Brilliance-BMW ออกมาต้านค่ายรถจีนจอมก๊อปปี้ทั้งหลาย
ก็เรียกว่าออกมาสกัดจุดไม่ให้เลือดลมปราณแตกซ่าน ถ้าไม่ออกมาสกัดเสียก่อนก็อาจทำให้ลมปราณของจอมยุทธ์ BMW
จะแตกซ่านเสียเอง)
แต่การจะไปถ่ายทอดวิทยายุทธในการผลิต i3 ที่จีนถือเป็นเรื่องที่ยากเพราะรถคันนี้มีเทคนิคล้ำหลายอย่างที่ยังต้องพึ่งพา
การผลิตที่มีคุณภาพอยู่ทุกสัดส่วน
ดังนั้น การมาของ BMW i5 ที่ว่ากันว่าจะมาเป็นรถตระกูล I รุ่นที่ 3 ก็คงต้องรอกันต่อไปอีกยาวไกลแน่นอน
ที่มา : Automotive News