BMW 3-Series เปลี่ยนโฉมนำร่องไปก่อนในปี 2012 ส่วน Mercedes-Benz ก็เตรียมจะเผยโฉม C-Class รุ่นที่ 4 ในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้กันแล้ว
เหลือก็เพียง Audi A4 ที่มีแค่การปรับโฉมไปเมื่อปี 2012 และมีกำหนดการเปลี่ยนโฉมเป็นรายสุดท้ายในปีหน้า ดังนั้น มาทีหลัง ก็ต้องเตรียม
ไม้เด็ดมาสู้บรรดาคู่แข่งเอาไว้อย่างแน่นอน
ไม้เด็ดแรก อยู่ที่งานออกแบบของตัวรถ ที่ Audi พยายามจะสลัดความน่าเบื่อหน่ายทิ้งไป เตรียมกลับมาพร้อมกับเส้นสายที่เน้นความแข็งแกร่ง
ลดความเรียบง่ายของเส้นสาย จุดเด่นสำคัญอยู่ที่กระจังหน้าทรงใหม่มาในรูปทรงแบบ 3 มิติมากยิ่งขึ้น ส่วนโคมไฟหน้าจะเป็นการใช้โคมไฟ
แบบ LED ทั้งดวง ด้านมิติของตัวถังจะได้รับการขยายมิติขึ้นเล็กน้อย โดยมีความยาวของตัวรถที่ประมาณ 4.7 ม. และกว้าง 1,826 มม.
ภายในห้องโดยสาร ยังคงนำเอาระบบอินโฟเทนเมนต์ MMI มาช่วยอำนวยความสะดวกเป็นหลัก แต่จะมีการติดตั้งปุ่มควบคุม MMI พร้อม Touchpad
เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และอาจมีการติดตั้งระบบ Head-up Display และกระจกมองหลังแฝงหน้าจอแสดงข้อมูล เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ส่วนขุมพลัง แม้จะเรียกใช้เครื่องยนต์เบนซิน TFSI และดีเซล TDI เช่นเคย แต่ก็จะมีการปรับปรุงสมรรถนะทั้งความแรงและความประหยัดให้มากขึ้น
ทั้งการติดตั้งระบบพักลูกสูบ และปรับให้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 225 แรงม้า แต่ไฮไลท์จะอยู่ที่การพัฒนาขุมพลังไฮบริด
พ่วงเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า และสามารถแล่นด้วยพลังไฟฟ้าได้ไกลถึง 50 กม. เลยทีเดียว
เรียกได้ว่าทิศทางงานวิศวกรรมของ Audi A4 โฉมใหม่ มีความใกล้เคียงกับ C-Class โฉมใหม่อยู่ไม่น้อย ทั้งการเน้นเครื่องยนต์บล็อกเล็กและขุมพลัง
ลูกผสม ทำให้ปี 2014 จะต้องเป็นปีที่รถยนต์พรีเมี่ยมซีดานแข่งขันกันอย่างสนุกสนานมากขึ้นแน่นอน
ที่มา : Worldcarfans