Jia Yueting มหาเศรษฐีผู้ลงทุนสร้าง Faraday Future มีความใฝ่ฝันว่าจะปั้นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าให้ก้าวกระโดดเข้าสู่วงการได้อย่างสง่าผ่าเผยเช่นเดียวกับ Tesla แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในวันนี้กลับไม่เป็นใจเท่าไรนัก เพราะทางบริษัทกำลังเผชิญปัญหาหนักหนาสาหัสชนิดที่เรียกว่า พายุถล่มยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ
มรสุมแรก Faraday Future ต้องการเงินระดมทุนมากถึง 500 ล้านดอลลาร์หรือ 16,300 ล้านบาท เพื่อช่วยสภาพคล่อง นั่นเป็นเพราะว่า ตั๋วสัญญาการใช้เงินแปลงสภาพ (convertible note) มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ หรือ 13,000 ล้านบาท ที่ทางบริษัทได้ทำสัญญาซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย 12% จะกลายสภาพเป็นหนี้ทันทีถ้าหาก Faraday Future ไม่สามารระดมทุนได้ภายในเดือนธันวาคมนี้
นอกจากนี้ Faraday Future ยังค้างชำระ 100 ล้านดอลลาร์ หรือ 3,200 ล้านบาท ทำให้ไม่สามารถหาเงินระดมทุน เนื่องจากทางบริษัทพยายามจ่ายเงินให้แก่นักลงทุนในจีนสม่ำเสมอ
ปัญหาสำคัญที่ทำให้ Faraday Future ขาดกระแสเงินสดอย่างหนักหน่วง นั่นเป็นเพราะว่า Jia ที่เป็นเจ้าของ Faraday Future และยังเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท LeEco ได้นำเงินไปพัฒนาระบบ Steaming VDO แบบเดียวกับ Netflix และยังทุ่มเงินพัฒนาสมาร์ทโฟน, ทีวีและรถยนต์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งถือเป็นการลงทุนขยายผลิตภัณฑ์มากจนเกินไป
ในปีนี้ Jia ได้โฟกัสธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า Faraday Future เพื่อหวังให้บริษัทที่เขาถือทั้งหมดอยู่รอดต่อไปได้ แต่ทางบริษัทก็ประสบความยากลำบาก เพราะหน่วยงานกำกับดูแลในจีนไม่สามารถรับรองการถ่ายถอนเงินไปยังนอกประเทศจีนได้
ถ้าหาก Faraday Future สามารถระดมทุนได้ 500 ล้านดอลลาร์ได้สำเร็จ นั่นหมายความว่าบริษัทจะสามารถแปลงตราสารหนี้ให้กลายเป็นหุ้นได้ทันที
(Stefan Krause : ผู้บริหารฝ่ายการเงินที่เพิ่งลาออกในเดือนตุลาคม 2017)
ในปีนี้ Faraday Future ได้คันหานักลงทุนที่กล้าลงเงินทุนถึง 1.5 – 2 พันล้านดอลลาร์ แต่พอนักลงทุนที่มีความสนใจจะลงทุนต่างพบกับปัญหาค้างค่าชำระซัพพลายเออร์และคู่ค้าสื่อ ก็ทำให้นักลงทุนเหล่านั้นต่างปฏิเสธไป ไม่ว่าจะเป็น Tata Motors หรือแม้แต่ Mahindra & Mahindra ที่ว่ากันว่าจะเป็น ม้ามืด ก็กลับนิ่งเฉยในข้อเสนอไปเสียแล้ว
Stefan Krause อดีต CFO ของ Faraday Future ได้เตรียมยื่นคำขอร้องล้มละลายพิทักษ์ทรัพย์ Chapter 11 ก่อนที่เขาจะลาออกในเดือนตุลาคม 2017 แต่ Jia กลับฆ่าแผนการนี้ทิ้งออกไปพร้อมกับข้อเสนออื่น ๆ ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมธุรกิจลงไป
มรสุมสอง Genesis Reyes อดีตพนักงานรักษาความปลอดภัย Faraday Future ที่ประจำอยู่สำนักงานใหญ่ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาได้ออกมาแฉว่า เธอได้ถูกล่วงละเมิดทางเพศและถูกข่มขู่โดยพนักงานเจ้าหน้าฝ่าย IT โดยบริษัทได้ออกรายงานเป็นลายลักษณ์อักษรและทางวาจา โดยระบุตัวผู้กระทำผิดที่ชื่อว่า Josue Alejandro Sanchez แต่หลังจากนั้นเธอก็ถูกบริษัทไล่ออก อย่างไม่เป็นธรรม
Rayes รายงานว่า เธอถูกล่วงละเมิดทางเพศในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายนปี 2017 Rayes ทำงานในป้อมยามเพียงแค่คนเดียวในสถานที่ปฏิบัติงาน ในระหว่าง 3 เดือนนี้ นาย Sanchez ได้เข้าหาเธอบ่อย ๆ ทุกคืน และพยายามขอข้อมูลส่วนบุคคลของเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลใด ๆ กระนั้น นาย Sanchez ก็พยายามลวนลามด้วยสายตา และมีครั้งหนึ่งนาย Sanchez ได้ตามเธอยังห้องอาบน้ำ และรอเธออยู่หน้าประตู
นาย Sanchez ได้พยายามล้วงข้อมูลส่วนบุคคลของเธอ ทั้งหมด ไม่เว้นข้อมูลการใช้บริการรถสาธารณะเรียกผ่านแอพฯ Lyft รวมกระทั่งตารางเวลาการเข้างาน จนถึงขั้นโทรมาหาเธอบ่อยครั้งจนต้อง Block เบอร์ทิ้งกันเลย
นอกจากนี้ Reyes ยังแฉต่อไปอีกว่า Faraday Future มัวแต่ห่วงการรักษาความลับในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า EV มากกว่าที่จะห่วงความปลอดภัยชีวิตมนุษย์ เธอเล่าว่า กล้องวงจรปิดรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ทำงานของเธอถูกปิด เพราะเป็นสถานที่ที่เดียวกับการทดสอบรถยนต์โปรโตไทป์ Faraday Future FF91 และเธอยังเล่าอีกด้วยว่า มีอยู่วันหนึ่ง พนักงานทดสอบได้สูญเสียการควบคุม จนเป็นเหตุให้รถยนต์พุ่งถอยหลังชนรถคันอื่น และเธอก็ถูกขอร้องไม่ให้บันทึกรายงานอุบัติเหตุนี้
(Richard Kim : ผู้บริหารฝ่ายงานออกแบบผู้ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในการออกแบบ BMW i3 และ i8 )
มรสุมที่สาม Richard Kim : Chief Designer ของบริษัท ผู้สร้างสรรค์ FF91 จนเป็นที่ฮือฮาในวงการรถยนต์ ได้ลาออกจากบริษัทในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2017 สาเหตุสำคัญยังไม่มีการระบุชัด แต่ก็พอเดาได้ว่า Kim อาจจะรู้สึกได้ว่าบริษัทแห่งนี้น่าจะล่มจมในไม่ช้านี้
ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา บริษัท Faraday Future มีผู้บริหารคนสำคัญที่สุดได้ลาออกไปถึง 3 คนในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา Alan Cherry ผู้บริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคล, Tom Wessner ผู้ดูแลส่วน Supply Chain และล่าสุด Richard Kim ผู้รับผิดชอบการออกแบบรถ
ไม่เพียงเท่านี้ ผู้บริหารระดับรองลงมาก็พากันลาออกด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Stefan Krause ผู้บริหารฝ่ายการเงินและ Ulrich Kranz ผู้บริหารฝ่ายเทคโนโลยีก็ลาออกภายในเดือนตุลาคม 2017 เช่นกัน
เมื่อวิเคราะห์จากสถานการณ์รอบด้านแล้ว ดูเหมือนว่า Faraday Future กำลังอยู่ในสภาวะที่พร้อมล่มสลายได้ตลอดเวลา จนกว่าจะแก้ปัญหาได้ถูกทาง เราต้องจับตาดูกันว่าทางบริษัทจะสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้หรือไม่?
ที่มา : Automotive News China, The Verge, Carscoops