วันนี้ เราจะมาอัพเดทวิทยาทานของระบบส่งกำลังของ Toyota ในยุคที่กำลังจะมาถึงกันบ้างดีกว่าซึ่ง Koei Saga
ผู้บริหารด้านงานวิจัยระบบส่งกำลังของ Toyota ก็มาเปิดเผยถึงทิศทางที่พวกเราน่าจะได้เห็นกันไม่ช้า เริ่มจากเครื่องยนต์
เทอร์โบชาร์จที่หลายคนกำลังรอคอย เบื้องต้น Toyota จะดันเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร สำหรับติดตั้งใน Lexus NX
ครอสโอเวอร์คอมแพคท์รุ่นใหม่

แต่โปรดอย่าเข้าใจผิดว่า Toyota จะเดินตามเกมผู้ผลิตรถค่ายฝรั่งที่เริ่มหันมาใช้กลยุทธ์ลดความจุกระบอกสูบพร้อม
ติดตั้งเทอร์โบกัน แต่ Toyota จะกลับทำสวนทางไปเลยคือ รถยนต์ Toyota หลาย ๆ รุ่นจะติดตั้งเครื่องยนต์ที่ขยายความ
จุกระบอกสูบและเน้นหันมาใช้ระบบ Atkinson Cycle ที่จะช่วยเพิ่มพละกำลังโดยไม่สูญเสียคุณสมบัติความประหยัด
น้ำมัน

ถึงแม้เครื่องยนต์ขยายความจุกระบอกสูบสันดาปภายในแบบ Atkinson Cycle จะมีแรงปลายน้อยกว่าเครื่องยนต์สันดาป
แบบ Otto ทั่ว ๆ ไป แต่ก็ได้อัตราเร่งที่ทันใจและประหยัดน้ำมันมากกว่า

อย่างไรก็ตาม Saga ก็ชื่นชมในประสิทธิภาพของเทคโนโลยีเทอร์โบ แต่ไม่เชื่อว่าเทอร์โบจะช่วยทำให้โลกดีขึ้น

alt

ระบบส่งกำลังก็จะเน้นการใช้เกียร์ CVT กับรถยนต์รุ่นสำคัญอย่าง Toyota Corolla โฉมใหม่และจะมีแผนที่จะนำไปใช้ใน
รถรุ่นอื่น ๆ เพียงแต่จะต้องติดตั้งในรุ่นที่เหมาะสมซึ่ง Saga กล่าวว่าการติดตั้งเกียร์ CVT ใน Corolla ใหม่จะช่วยทำให้
อัตราเร่งออกมายอดเยี่ยมจนลูกค้าหลายคนคิดว่าพวกเขากำลังขับรถเกียร์อัตโนมัติแบบปกติอยู่

แต่ด้วยเหตุผลด้านความเหมาะสมเราจึงไม่ได้เห็น Toyota Camry ติดตั้งเกียร์ CVT แน่นอน เพราะ Toyota มองว่ามัน
ยังมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีและลูกค้าชาวอเมริกันก็ไม่ได้ปรารถนาเกียร์แบบนี้กับรถสไตล์นี้เท่าไรนัก Toyota จึงหันมา
พัฒนาเกียร์อัตโนมัติมาตรฐานเจเนเรชั่นใหม่เพื่อติดตั้งใน Camry โฉมต่อไปรุ่นปี 2017 จะดีกว่า

ระบบ Hybrid รุ่นใหม่อาจจะเปิดตัวแบตเตอรี่เก็บพลัง 2 รุ่นให้เลือกทั้งลิเธี่ยมไอออนและนิกเกิลเมทัลไฮดรายด์ เพราะมัน
มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป แบบลิเธี่ยมฯจะมีขนาดที่เล็กกว่า 30% เมื่อเทียบกับประจุกำลังเดียวกัน แต่แบบนิกเกิลฯ
จะมีอายุการใช้งานและความเสถียรดีกว่า แต่สำหรับ Prius Plug-in Hybrid รุ่นใหม่จะต้องติดตั้งแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมฯ
เท่านั้น

Toyota มีแผนที่จะแนะนำรถ Fuel Cell ภายในปี 2015 และจะพยายามจะทำให้มันมีราคาจำหน่ายเพียง 51,000
ดอลลาร์และจะถูกลงกว่านี้ครึ่งหนึ่งในปี 2020 แต่ในช่วงเริ่มต้นมันจะมีราคาแพงมากตั้งแต่ 50,000 – 100,000 ดอลลาร์
ไปก่อน

แต่ Saga ได้ทำนายไว้แล้วว่ารถ Fuel Cell จะมีราคาใกล้เคียงกับ Plug-in Hybrid ในปี 2020 และจะมีราคาถูกกว่า
รถไฟฟ้าขนานแท้อีกด้วย

รถ Fuel Cell คันจริงจะอวดโฉมในงาน Tokyo Motorshow 2013 แต่พร้อมทำตลาดจริงในปี 2015 ด้วยยอดขายทั่ว
โลกเพียง 5,000 – 10,000 คันต่อปีซึ่งก็ช่วยลดต้นทุนค่าแผง Fuel Cell ได้ 5%

ส่วนรถไฟฟ้านั้นคงไม่ต้องพูดถึงเพราะ Toyota ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย แต่ก็อดชื่นชมแผนธุรกิจของ Tesla ไม่ได้ว่าสาเหตุ
ที่ Tesla เติบโตขึ้นนั้นเป็นเพราะ Tesla วางกลยุทธ์ของตัวเองไว้ถูกทางด้วยการจับกลุ่มผู้ซื้อระดับบนที่ต้องการรถคันที่ 3
หรือคันที่ 4 ของบ้าน