ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 1913 หรือ 100 ปีที่แล้ว Ford ค่ายรถยนต์สัญชาติอเมริกัน ได้ริเริ่มระบบสายการผลิตรถยนต์แบบใหม่
ที่ทำให้สามารถประกอบรถยนต์ 1 คันได้ภายในเวลา 93 นาทีนั้น รถยนต์ Ford ก็ได้กลายเป็นรถยนต์ระดับมวลชนในทันที แต่คงไม่มี
ใครเคยนึกว่าในอีก 100 ปีถัดมา ทวีปเอเชีย จะกลายเป็นภูมิภาคที่มีรถยนต์ Ford ถูกผลิตออกมามากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก
เดือนกันยายนที่ผ่านมา Ford มีสถิติการผลิตรถยนต์ในเอเชียมากกว่าทวีปยุโรปเป็นครั้งแรก ตั้งแต่การก่อตั้งแบรนด์มากว่า 100 ปี
และมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2015 นั้น Ford จะมีกำลังการผลิตรถยนต์ในเอเชียมากกว่าในประเทศสหรัฐอเมริกาบ้านเกิดอีกด้วย
ซึ่งความเปลี่ยนแปลงของทิศทางนี้ เป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจของเอเชียที่มีความมั่งคั่งกว่าเมื่อเทียบกับทวีปอื่นๆ รวมถึงการที่
ประเทศจีนกำลังมีตลาดรถยนต์ที่กำลังเฟื่องฟู หลายครัวเรือนชนชั้นกลางในประเทศจีนกำลังมองหารถยนต์คันแรกของตน เปรียบเสมือน
ช่วงเวลาที่ Ford Model T ออกมาทำตลาดครั้งแรก ในฐานะรถยนต์ราคาถูก(เมื่อเทียบกับรถยนต์ในยุคนั้น)ที่ผู้คนเป็นเจ้าของได้ง่าย
เมื่อ 100 ปีที่แล้ว
Joe Hinrichs ผู้บริหารระดับบนของ Ford ได้กล่าวว่าถึงกรณีนี้ว่า การเติบโตของตลาดจีนในตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และเป็นการ
เติบโตอย่างรุนแรงมาก ตอนนี้หลายครอบครัวชนชั้นกลางของจีนเริ่มมีโอกาสที่จะหาซื้อรถยนต์ให้ครอบครัวของตนใช้กันแล้ว ซึ่ง
เป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกันในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 100 ปีที่แล้ว และมีการเปิดเผยว่าในเดือนกันยายนที่ผ่านมา Ford ในประเทศจีนสามารถ
สร้างเม็ดเงินได้สูงถึง 4.5 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็น 20% ของมูลค่าบริษัท Ford ในตลาดหุ้นเลยทีเดียว
ปัจจุบัน ถือว่า Ford กำลังไปได้สวยในตลาดจีน เพราะมีการขยับขยายโรงงานผลิต เครือข่ายดีลเลอร์ ไปจนถึงรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่เตรียม
ทำตลาดในจีน รวมถึง Ford Escort รถยนต์ซีดานราคาถูกที่จะเปิดตัวในจีนเป็นที่แรก แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญอย่างมาก
ในตลาดนี้ อย่างไรก็ตาม ถือว่า Ford ตามหลังแบรนด์คู่แข่งอื่นๆไม่น้อย เพราะกระโดดเข้าตลาดจีนช้ากว่า General Motors 6 ปี
และช้ากว่า Volkswagen Group นานนับสิบปี จนทำให้ Volkswagen กลายเป็นหัวหอกนำตลาดอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม
ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา Ford สามารถขยับมามีส่วนแบ่งในตลาดได้ 4% และตั้งใจจะเพิ่มเป็น 6% ภายในปี 2015
เดิมที Henry Ford ผู้ก่อตั้งแบรนด์มีวิสัยทัศน์แรงกล้าเกี่ยวกับระบบการประกอบรถยนต์ เพราะเขาเชื่อว่าระบบการประกอบรถยนต์
ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยประหยัดเม็ดเงินได้อย่างมาก และ Ford กำลังจะนำเอาแนวคิดนี้มาใช้กับตลาดจีน อันเป็นดินแดนที่มีค่าแรง
ถูกมากที่สุดอันดับต้นๆของโลก และในภาพรวม Ford ตั้งใจจะสร้างกำไรจากตลาดเอเชียให้ได้มากที่สุดในปีนี้ หลังจากขาดทุนในปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นอกจาก Ford จะเร่งถีบตัวเองในตลาดเอเชียแล้ว ตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาอันเป็นบ้านเกิด Ford ก็ยังพยายาม
เพิ่มความสำเร็จด้วยเช่นกัน ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ของตนอีก 2 แสนคันในปีนี้ ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายเลยเพราะโรงงาน
ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ของ Ford ในสหรัฐอเมริกานั้นมีการทำงาน 3 กะอยู่แล้ว อีกทั้งการที่รถยนต์ Ford อัดเทคโนโลยีล้ำยุคมากมาย
มาไว้ในรถยนต์ของตน ก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งว่าจะสามารถรองรับปัญหาจากการใช้งานของคนทั่วโลกได้หรือไม่
ที่มา : Automotive News