นอกจากทำรถสปอร์ตพลังไฟฟ้าแรงมหาศาลแล้ว ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดอีกรุ่นของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของ Elon Musk ก็คือรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติในชื่อ Tesla Semi

คุณสมบัติหลายอย่างในรถบรรทุกคันนี้ น่าจะถือว่าพลิกโฉมวงการขนส่งเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่ทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.0 วินาที (อย่าลืมว่านี่คือรถบรรทุกนะครับ) แต่ยังช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งต่อปีได้สูงถึง 200,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 6,572,000 บาท) จากการประเมินของทาง Tesla โดยเทียบกับรถบรรทุกที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน

มาเริ่มต้นกับการออกแบบภายนอกของ Tesla Semi กันก่อน มันดูลู่ลมกว่ารถบรรทุกทั่วไป และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ (Cd) เพียง 0.36 ในขณะที่รถบรรทุกทั่วไปจะอยู่ที่ 0.65 – 0.70 นอกจากนั้น ยังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้เลี้ยวโค้งได้มั่นคงกว่าเดิม ส่วนกระจกบานหน้าเป็นแบบ Impact-resistance แต่กระจกด้านข้างกลับเป็นแบบ “อัตโนมือ” ซึ่ง Tesla ระบุว่าเพื่อลดความซับซ้อน

ในห้องโดยสารของ Tesla Semi มีเพียงเบาะคนขับตัวเดียว ติดตั้งอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางของห้องโดยสาร ซึ่ง Tesla ระบุว่าเป็นตำแหน่งที่ให้ทัศนวิสัยที่ดี แผงแดชบอร์ดมีลักษณะเหมือนกับพุ่งไปข้างหน้า ช่วยลดมุมอับ ปิดท้ายด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 2 จอ จาก Tesla Model 3 เอาไว้แสดงสัญญาณภาพจากกล้องรอบคัน และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น ด้านหลังยังมีเบาะพับได้อีก 1 ตำแหน่ง

ในส่วนของขุมพลังนั้น ผู้ผลิตระบุเพียงแค่ว่า Tesla Semi มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ใช้ร่วมกับของ Tesla Model 3 ขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.0 วินาที หากไม่มีน้ำหนักบรรทุก และต่อให้บรรทุกเต็มพิกัดที่น้ำหนักบรรทุกสูงสุดราว 36,000 กิโลกรัม ยังสามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 20 วินาที ซึ่งคู่แข่งส่วนใหญ่จะต้องใช้เวลา 40 วินาที

หากชาร์จไฟเต็ม Tesla Semi สามารถเดินทางเป็นระยะทางสูงสุดราว 800 กิโลเมตร ภายใต้เงื่อนไขบรรทุกเต็มพิกัดและใช้ความเร็วโดยเฉลี่ย 96 กิโลเมตร/ชั่วโมง และหากชาร์จไฟแบบ Quick Charge ผ่านเครือข่ายสถานี Megachargers ที่ Tesla มีแผนที่จะขยายสาขาไปทั่วโลก จะสามารถยืดระยะเดินทางไปได้อีกราว 640 กิโลเมตร เมื่อชาร์จไฟที่สถานีดังกล่าวเป็นเวลา 30 นาที

ระบบเบรกของ Tesla Semi สามารถนำพลังงานจลน์ที่สูญเสียไปกลับมาใช้ได้สูงถึง 98% ส่วนอัตราสิ้นเปลืองนั้น Tesla ระบุว่ารถบรรทุกคันนี้ใช้ไฟต่ำกว่า 2 kWh ต่อระยะทาง 1.6 กิโลเมตร และค่าไฟในสหรัฐฯ อยู่ที่ 0.12 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 3 บาท) ต่อไฟ 1 kWh นอกจากนั้น Tesla Semi ยังไม่มีเครื่องยนต์ หรือเกียร์ แถมไม่ต้องถ่ายของเหลว ทำให้ช่วยลดค่าบำรุงรักษาลงได้อีก

แบตเตอรี่ของ Tesla Semi ออกแบบมาให้รองรับการชาร์จซ้ำ สามารถใช้เป็นระยะทางได้ไม่ต่ำกว่า 1,600,000 กิโลเมตร ส่วนมอเตอร์สามารถใช้งานได้เป็นเวลานานไล่เลี่ยกัน เมื่อคำนวณค่าเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษาแล้ว Tesla ระบุว่ารถบรรทุกคันนี้จะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งต่อปีได้สูงถึง 200,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 6,572,000 บาท) หรืออาจทำได้มากกว่านั้น

ในส่วนของระบบความปลอดภัย Tesla Semi มาพร้อมกับระบบกระจายแรงบิดในแต่ละล้อเพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะลื่นไถล, กล้องรอบคันเพื่อลดมุมอับ, ระบบเบรกอัตโนมัติ, ระบบรักษาตำแหน่งในช่องจราจร ระบบแจ้งเตือนออกนอกช่องจราจร, และระบบบันทึกการขับขี่ นอกจากนั้น ยังมีระบบขับขี่อัตโนมัติ ที่สามารถบังคับรถบรรทุกหลายคัน ให้วิ่งตามรถนำเป็นคาราวานได้เอง

Tesla Semi ยังรองรับระบบ Fleet Management เพื่อช่วยลดต้นทุนไม่ให้บริษัทขนส่ง ต้องไปว่าจ้างบริษัทอื่นมาคุมการบริหารรถบรรทุกอีกที สำหรับกำหนดการผลิตจะมีขึ้นในปี 2019 และพร้อมเปิดรับจองแล้ว โดยผู้สนใจต้องวางเงินจองมูลค่า 5,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 164,200 บาท) ซึ่งตอนนี้ Tesla ระบุว่าได้รับคำสั่งจองจากลูกค้ามาแล้วด้วย

 

ที่มา: tesla, autocar, motortrend