เดือนเมษายนที่งาน โซล มอเตอร์โชว์ เกาหลีใต้ Renault-Samsung เปิดตัวคู่แฝด Megane Sedan ครั้งแรกในโลกนามว่า SM3 โฉมใหม่อันเป็นตระกูลรถคอมแพคท์ที่ในอดีตมักจะนำรถจากค่าย Nissan มาแปะตรา แต่ปัจจุบัน Renault ฝรั่งเศสถือนโยบายใหม่ให้ประเทศเกาหลีใต้เป็นฐานการผลิตและส่งออกรถบางรุ่นแทนยุโรป เริ่มทำไปแล้วกับรุ่น Koleos เอสยูวีคอมแพคท์ที่ใช้พื้นฐานงานวิศวกรรม C-platform แต่เราไม่แน่ใจว่า SM3 จะส่งออกไปยังภูมิภาคไหน ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะส่งออกไปยังตะวันออกกลางก็ได้ครับ

เมื่อแฝดฝั่งเอเชียเปิดตัวไปแล้วไฉนเลยฟากยุโรปแบรนด์ Renault แท้ ๆ จะไม่เปิดตัว วันที่ 31 สิงหาคมได้ฤกษ์เผยโฉม Renault Fluence ชื่อนี้ฟังคุ้น ๆ ไหมครับ อย่าแปลกใจว่ามันจะเป็นชื่อเดียวกับ Fluence Concept รถต้นแบบคูเป้อวดโฉมครั้งแรกในงานปารีส มอเตอร์โชว์ปี 2004 ที่เป็นร่างทรงของ Laguna Coupe นั่นเอง

การใช้ชื่อ Fluence กับรถซีดานเวอร์ชันของ Megane ครั้งนี้เพื่อแยกภาพลักษณ์ของตระกูลออกเป็นเอกเทศ ถูกขับดันด้วยบุคลิคใหม่ที่ปราดเปรียว โฉบเฉี่ยวและน่าพิสมัยมากกว่าที่จะเป็นรถครอบครัวธรรมดา ๆ (ขณะที่ Megane Hatchback รุ่นที่แล้วบุคลิคเปี่ยมไปด้วยพลัง นวตกรรมการออกแบบ)

จะใช้ชื่ออะไรไม่สำคัญเท่ากับตัวรถที่พวกเราคงรู้กันดีกว่ารถคันนี้ใช้โครงสร้างครึ่งคันหน้าของ Megane Hatchback มาดัดแปลงส่วนท้ายแนวซีดานให้ดูลงตัวยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับ Megane Sedan โมเดลที่แล้วที่ยังมีสะดุดที่เสา A ตั้งและสูงเกินไปจนต้องลากเส้นหลังคาสูงโด่งทำให้เสา C ไม่สามารถออกแบบให้เพรียวลมได้เลย

การออกแบบของ Fluence ได้รับอิทธิพลงานดีไซน์ Renault ยุคปัจจุบันที่ไฟหน้าเพรียวยาวจะต้องโอบล้อมมุมตัวรถดูไม่เหมือนกับ Megane แน่นอนพร้อมพลิกแพลงงานออกแบบอีกเล็กน้อยด้วยกระจังหน้าขนาดเล็กพอดักลมได้พร้อมกันชนทรงใหม่ออแบบให้เข้ากับบุคลิคของรถ หากเปรียบเทียบกับ SM3 แล้วจะแตกต่างที่กระจังหน้ามากกว่า

บุคลิคของ Fluence ที่มีมากกว่า Megane Sedan โฉมที่แล้วคือบุคลิคที่มีความสปอร์ตขึ้นเป็นเพราะตัวรถดูปราดเปรียวกว่าเดิมมากอันเกิดการออกแบบเสา A ลาดเอียงขึ้นทำให้ความสูงดูลดลง(ทั้ง ๆ ที่ความสูงตัวรถเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ)  ขยายฐานล้อเพิ่มอีก 62 มม.ทำให้เสา C สามารถสโลปลงมาหาจุดกึ่งกลางแกนล้อคู่หลังได้ลงตัวกว่าเดิมที่ฐานล้อสั้นทำให้เสาต้องทิ้งดิ่งลง

ผลของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ Fluence มีความยาวถึง 4,620 มม.(รุ่นเดิมยาวเพียง 4,498 มม.) กว้าง 1,809 มม.(รุ่นเดิมกว้าง 1,777 มม.) สูง 1,479 มม.(รุ่นเดิม 1,460 มม.) ฐานล้อยาวสะใจ 2,702 มม. ยาวเท่ากับ Megane Wagon และยาวกว่า Honda Civic 2 มม. (รุ่นเดิมยาวเพียง 2,686 มม.) ขนาดโดยรวมใหญ่สามารถเทียบชั้นกับรถ D-Segment ในยุโรปบางรุ่นบางยี่ห้อเสียอีก!!! ยกตัวอย่างง่าย ๆ ขนาดมันก็จะพอ ๆ กับ Suzuki Kizashi ที่จะจำหน่ายเร็ว ๆ นี้ นั่นเป็นเพราะเน้นตลาดยุโรปตะวันออกที่เน้นความใหญ่ของรถและห้องโดยสารเป็นพิเศษ

ภายในห้องโดยสารยุกชุดมาจาก Megane ทั้งยวงแค่เปลี่ยนสีสันการตกแต่งบ้างเล็กน้อย ดูเผิน ๆ คงคิดว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่อันที่จริงมันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจนเราสังเกตยาก ลองสังเกตตามผมนะครับช่องแอร์ตรงกลางเปลี่ยนให้ดูธรรมดาขึ้นเล็กน้อยและไม่มีปุ่มเลื่อนปิดช่องแอร์ และเปลี่ยนมาตรวัดความเร็วเป็นแบบเข็มอนาล๊อคแทนครับ

การจัดวางอุปกรณ์ทั้งหมดออกแบบตามหลักเออโกโนมิคนั่งสบายใช้สะดวก อีกจุดที่ Renault เคลมไว้ว่าคือความกว้างห้องโดยสารจากซ้ายไปขวาสุดใหญ่ที่สุดในรถขนาดเดียวกันคือตอนหน้ากว้างถึง 1,480 มม. ตอนหลังกว้างถึง 1,475 มม.

ห้องสัมภาระใหญ่สุดถึง 530 ลิตรเคลมไว้ว่าใหญ่ที่สุดในคลาสเดียวกันด้วยพื้นห้องที่ต่ำและความยาวห้องสัมภาระถึง 1,020 มม.หากยังไม่พอสามารถพับเบาะหลังอัตราส่วน 60/40 ได้

จุดขายอีกอย่างคือระบบปรับอากาศแบบแยกส่วนผู้โดยสารตอนหน้า ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารหลังด้วยระบบ Soft-Auto-Fast มีโหมดให้เลือกดังนี้ อัตโนมัติ ให้ระบบปรับอากาศทำงานตามหน้าที่ไป Soft ลดเสียงการทำงานของแอร์ Fast กระจายทิศทางลมทั่วห้องโดยสารให้เย็นเร็ว ๆ

ระบบนำทางใช้ของ Carminat TomTom ที่รวมบริการนำทางต่าง ๆ หากสนใจก็สนนราคาต่ำกว่า 500 ยูโรเท่านั้น คุณจะได้หน้าจอ LCD ขนาด 5.8 นิ้ว พร้อมบริการรายงานสดสภาพการจราจรและช่วยเลือกเส้นทางให้คุณสะดวกที่สุด เลือกสถานที่หรือจุดที่คุณสนใจ แนะนำความเร็วที่เหมาะสมขณะเดินทาง สามารถอัพเดทข้อมูลผ่าน SDcard ที่ดาวน์โหลดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ที่บ้านครับ

เครื่องเสียงติดรถรุ่นล่างสุดให้เครื่องเล่น MP3 พร้อม CD กำลังขับ 60 วัตต์พร้อมสายต่อ RCA หากแค่นี้ธรรมดาจงเลือกระบบเสียงคุณภาพแบบ Arkamys® ที่พัฒนามิติเสียงแบบ 3 มิติรอบคันด้วยลำโพง 8 จุดกำลังขับ 140 วัตต์พร้อมวูฟเฟอร์และทวีตเตอร์อย่างละ 4 จุด สามารถเชื่อมต่อกับ Bluetooth เพื่อโทรศัพท์หรือเชื่อมอุปกรณ์บันเทิงต่าง ๆ ได้ หากคุณมี ipod หรือเครื่องเล่น mp3 สามารถเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB ทันที เห็นอย่างนี้แล้วไม่ทอดทิ้งการฟังวิทยุแบบดั้งเดิมแน่นอนจึงเพิ่มเสาอากาศแบบซ่อนในตัวรถอีก 2 จุดเพื่อการรับคลื่นที่คมชัด

 

งานวิศวกรรมยกมาจาก Megane ล้วน ๆ อย่างระบบกันสะเทือนหน้าแมคเฟอสันสตรัท ด้านหลังคานบิดแบบยืดหยุ่นได้  เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังมีให้เลือกดังนี้

เครื่องยนต์เบนซินมีให้เลือกสองรุ่นได้แก่ 1.6 ลิตร 110 แรงม้า จับคู่เกียร์ธรรมดาและอัตโนมัต หรือเครื่อง 2.0 ลิตร 140 แรงม้า จับคู่เกียร์ธรรมดาและเกียร์ CVT

เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตรแต่มีให้เลือกถึง 5 รุ่นย่อย 5 แรงม้าดังนี้ dci 85 แรงม้า ,dci 90 DFP,dci 105 แรงม้า,dci 110 DFP3,dci 110 DFP พร้อมคลัทช์คู่มีให้เลือกภายในสิ้นปี 2010

เมื่อเป็นรถที่ไม่ได้ออกแบบสำหรับยุโรปตะวันตก ใคร ๆ ก็คิดว่า Renault คงไม่เคร่งครัดคุณภาพการพัฒนาแน่ ๆ เพื่อลดต้นทุน แต่คิดผิดแล้วครับพวกเขาใช้มาตรฐานเดียวกับ Megane ทุกอย่างเพื่อรักษาคุณภาพให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั่วโลก จึงต้องนำ Fluence มาทดสอบคุณภาพรอบคันถึง 800 จุดขณะวิ่งทดสอบในประเทศที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของรุ่นนี้ล้วน ๆ  อีกทั้งไม่ต้องกลัวว่าจะมีค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาแพงเพราะอะไหล่หลายชิ้นทนทานใช้ได้นานขึ้นด้วย

กลุ่มประเทศเป้าหมายของ Fluence ปัจจุบันมี 3 ประเทศที่คาดหวังยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด เพราะ Megane Sedan โฉมที่แล้วทำยอดขายสูงที่สุดในตลาดนั้น ๆ ได้แก่

ประเทศตุรกีเปิดตัว Megane Sedan เมื่อปลายปี 2003 ประสบความสำเร็จจนสะสมยอดขายตลอด 6 ปีที่ผ่านมาถึง 140,000 คัน ความนิยมก็จัดอยู่ในระดับต้น ๆ ของตลาด C-segment ด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 20%  ยิ่งความต้องการรถขนาดกลางมีความต้องการสูงถึง 40% ในปี 2008 หากเทียบกับช่วงปี 2005 ยังมีแค่ 36% ในตลาดส่วนนี้รถประเภทซีดานมีสัดส่วนถึง 70% จึงไม่แปลกใจที่จะเลือกประเทศนี้เป็นหัวหอกอันดับ 1 ของ Fluence

ประเทศรัสเซียเพิ่งเริ่มเปิดตัว Megane Sedan ในปี 2004 ได้รับความนิยมรวดเร็วถึง 60,000 คันได้รับความนิยมต่อจาก Logan และ Symbol (Clio Sedan โฉมที่แล้ว) ความน่าสนใจตรงที่ตลาดรถขนาดกลางขยายตัวจาก 19% ภายในปี 2006 เป็น 25% ภายในปี 2008 แน่นอนต้องเป็นซีดานเท่านั้น และน่าจับตาอย่างยิ่งเมื่อแบรนด์ Renault ครึ่งปีแรกขยายส่วนแบ่งได้ 4.7 % สวนทางกับตลาดรถรวมของรัสเซียที่ตกต่ำถึง 48.6% ทำให้ต้องรีบส่งรถรุ่นใหม่ในช่วงกำลังร้อนแรงให้ได้ด้วย Fluence ใหม่

ประเทศโรมาเนีย เจ้าแห่งเมืองผีดิบและต้นกำเนิด Dacia อันเป็นบริษัทลูกของ Renault นั่นเองเริ่มวางจำหน่าย Megane Sedan กันยายน 2003 สร้างสถิติยอดเยี่ยมด้วยความเป็นรถยอดนิยม 1 ใน 4 รุ่นที่คนเลือกหาภายในปี 2007 ด้วยยอดขายสูงถึง 10,000 คันถือเป็นช่วงพีคของรุ่นนี้ แต่หากนับตลอดอายุตลาดจะขายได้แค่ 35,000 คัน แต่ถือว่ายังสูงกว่าบางประเทศในยุโรป ในเมื่อจุดกระแสติดแล้วจึงต้องเตรียมต่อยอดด้วยรุ่นใหม่นั่นเอง

Renault วิเคราะห์มาแล้วว่าฐานการผลิตที่เหมาะสมที่สุดในภูมิภาคนี้จะต้องเป็นประเทศตุรกีเท่านั้นเพราะมีโรงงานขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพการผลิตสูงทั้งคุณภาพที่ได้รับการรองรับจากหน่วยงานต่าง ๆ และถ่ายทอดวิธีการผลิตตามฉบับ Renault Way 100% อีกทั้งตุรกียังทำยอดขายได้มากที่สุด ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมถึงได้เป็นฐานการผลิตสำหรับตลาดยุโรปตะวันออก

ส่วนประเทศในแถบยุโรปตะวันตกจะได้สัมผัส Fluence หรือไม่ คำตอบที่ได้รับคงยากเต็มทีครับเพราะลูกค้าส่วนใหญ่ยังนิยมรถท้ายตัดไม่เสื่อมคลาย และปิดประตูตายสำหรับตลาดสหราชอาณาจักรหรือประเทศอังกฤษ 100% เพราะ Renault จะไม่ส่งทำตลาดในประเทศนี้แน่นอน

ส่วนประเทศที่มีสิทธิ์สัมผัส Fluence ก็เริ่มให้ลูกค้าเป็นเจ้าของตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2009 นี้เป็นต้นไปครับ