จากการซุ่มศึกษาและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามานานกว่า 40 ปี วันนี้ ถือว่าเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์
สำหรับค่าย BMW อีกครั้ง เมื่อมีการเผยโฉมอย่างเป็นทางการของ 2014 BMW i3 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก
ของ BMW ที่ถูกผลิตขายจริง หลังมีการเปิดเผยโครงการนี้มาเป็นเวลานาน จัดการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่
ด้วยการจัดงานพร้อมกันใน 3 หัวเมืองใหญ่ ได้แก่ มหานครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา, กรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ และกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
รูปลักษณ์ภายนอก ถูกวางแนวคิดให้สื่อถึงยานยนต์ปฏิวัติแห่งอนาคต ซึ่งยังคงเส้นสายหลักๆเอาไว้จาก
BMW i3 Concept ไว้เช่นเดิม แต่มีการปรับให้เหมาะสมกับชีวิตจริงมากยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยด้านหน้า
ที่ถึงแม้จะเป็นยานยนต์แห่งอนาคต แต่ก็สื่อความเป็น BMW ชัดเจน ด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ แต่ไร้ช่อง
ทางเดินอากาศ พร้อมไฟหน้า LED ทรงตัว U ส่วนฝากระโปรงหน้าถูกพ่นเป็นสีดำเงาหมดทุกสีตัวถัง
เพื่อสร้างความรู้สึกเสมือนเข็มขัดชิ้นโตที่โอบล้อมด้านหน้าและด้านท้ายของตัวรถ ที่ฝากระโปรงท้ายเป็น
สีดำเงาเช่นกัน ส่วนด้านข้าง BMW ใส่เอกลักษณ์งานออกแบบของซีรีส์ i ด้วยเส้นสายแนวกระจกแบบ
‘Stream Flow’ เปิดกว้างกลางลำตัวรถ ก่อนจะบีบคอดในช่วงท้าย โดยจะพบได้ใน BMW i ทุกรุ่นต่อจากนี้
รูปทรงโดยรวมของตัวรถ BMW ผสานเอาความเป็นรถยนต์คูเป้เข้ากับทรงแฮตช์แบกกึ่ง MPV เพื่อความ
โปร่งสบายในห้องโดยสาร แต่ยังคงให้ความรู้สึกปราดเปรียวและสปอร์ตในสไตล์ BMW บานประตูด้านข้าง
เป็นแบบ Coach Door 4 ประตู โดยประตูบานหน้าเป็นแบบไร้กรอบกระจก ในขณะที่บานประตูหลังใช้
บานขนาดเล็ก และมีลักษณะการเปิดแบบตู้กับข้าว คล้ายคลึงกับใน MINI Clubman เพื่อทำให้การเข้า-ออก
ของผู้โดยสารตอนหลังง่ายขึ้น
ภายในห้องโดยสาร นอกจากจะคงความล้ำยุคเหมือนกับรุ่นต้นแบบแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ BMW คำนึงถึง
ความรักษ์โลกในทุกวัสดุที่นำมาใช้ โดยถูกคัดสรรเป็นพิเศษ เป็นผสมผสานระหว่างหนังวัวธรรมชาติ
ไม้ ขนสัตว์ และวัสดุนำกลับมาใช้ใหม่ต่างๆ เพื่อสร้างขยะย่อยสลายยากให้กับโลกได้น้อยที่สุด แบ่งรุ่น
การตกแต่งออกเป็น 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ Loft, Lodge และ Suite จัดเต็มของเล่นมาให้ตั้งแต่รุ่นล่าง
ทั้งระบบปรับอากาศ ระบบ iDrive พร้อมหน้าจอลอยตัว 6.5 นิ้ว และการเชื่อมต่อ USB/Bluetooth
พร้อมช่องใส่ SIM Card นอกจากนี้ยังมีออพชันเสริมครบทั้งระบบนำทาง GPS, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
ระบบอุ่นเบาะนั่งด้านหน้า และหลังคาแก้วเปิด-ปิดได้
งานวิศวกรรม BMW ทุ่มทุนพัฒนาให้ไม่เสียชื่อ ด้วยการนำเทคโนโลยีโครงสร้างตัวถังแบบ CFRP
ผสมผสานวัสดุระหว่างคาร์บอนไฟเบอร์และพลาสติก จนได้โครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งแต่น้ำหนักเบา
ถือเป็นการนำมาใช้ครั้งแรกในรถยนต์ขนาดเล็ก ขับเคลื่อนตัวรถด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งกลางลำตัวรถ
ขนาด 170 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร เทียบเท่าเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตรทั่วๆไป
เชื่อมต่อกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 1 จังหวะ สร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.2 วินาที
พร้อมล็อกความเร็วสูงสุดไว้ที่ 150 กม./ชม. มีระยะทางวิ่งสูงสุด 160 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม และ
เก็บประจุไฟฟ้าผ่านแบตเตอรี่ Li-ion ติดตั้งในพื้นตัวถังรถ
หากลังเลว่าระยะทางนั้นอาจไม่พอใช้งาน BMW เตรียมเวอร์ชัน REx หรือ Range Extending เอาไว้
ให้ใช้กัน โดยเป็นการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินจากมอเตอร์ไซค์ แบบ 2 สูบ เพื่อช่วยปั่นกระแสไฟฟ้า
เข้าสู่แบตเตอรี่ (ไม่ได้ใช้ในการหมุนล้อโดยตรงแต่อย่างใด) จนสามารถขนาดระยะทางเป็น 300 กม.ได้
2014 BMW i3 คือไม้ตายชิ้นสำคัญของ BMW ที่จะเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมี่ยม และโชว์
ศักยภาพการทำรถยนต์ไฟฟ้าของตน โดยพร้อมทำตลาดในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นกลุ่มแรก
ส่วนประเทศไทยต้องติดตามกันให้ดีว่ารัฐบาลจะมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไรบ้าง
และ BMW Thailand จะพร้อมนำเข้ามาจำหน่ายในช่วงไหนกัน