แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในหลายตลาด ทั้งยังมีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐในหลายประเทศ แต่ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกลับไม่ได้กำไรจากการจำหน่ายรถยนต์ประเภทนี้ ซ้ำยังเข้าเนื้อชนิดวินาศสันตะโรเสียอีก และหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ที่กำลังเลือดกบปากเพราะรถยนต์ไฟฟ้าคือ Fiat ที่ขาดทุนสูงถึง 20,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 660,000 บาท) ต่อ Fiat 500e ทุกคันที่ขายได้

Sergio Marchionne ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Fiat Chrysler Automobiles (FCA) ได้เปิดเผยข้อมูลนี้ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ใช่ว่า FCA จะหันหลังให้กับรถยนต์ไฟฟ้า เพราะบางประเทศในยุโรปได้กำหนดระยะเวลา ยกเลิกการใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในแล้ว FCA จึงสนใจที่จะหาหุ้นส่วนทางธุรกิจรถยนต์มาร่วมกันลงทุน เพื่อลดต้นทุนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า

Marchionne ยังได้ปฏิเสธถึงกระแสข่าวที่เคยแพร่สะพัดก่อนหน้านี้ว่า FCA อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน และ Hyundai ทั้งยังระบุด้วยว่าเขากำลังให้ความสำคัญกับการกำจัดหนี้ให้ได้ภายในปี 2018 มากกว่า

อย่างไรก็ตาม FCA ไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์รายเดียวที่ขาดทุนเพราะรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากยังมี General Motors ที่ขาดทุน 9,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 297,000 บาท) ต่อ Chevrolet Bolt EV ทุกคันที่ขายออกไป สำหรับสาเหตุที่ทำให้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ขาดทุน เห็นจะเป็นเพราะราคาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังสูงอยู่นั่นเอง

GM ได้ประเมินเอาไว้ว่าราคาแบตเตอรี่ lithium-ion ต่อ 1 kWh ในปัจจุบันอยู่ที่ 145 USD (ราว 4,700 บาท) และ บริษัทตั้งเป้าที่จะลดราคาให้เหลือ 100 USD (ราว 3,300 บาท) ส่วน Bloomberg ได้คาดการณ์ว่าราคาแบตเตอรี่จะลดลงเหลือ 109 USD และ 73 USD (ราว 3,500 บาท และ 2,400 บาท) ในปี 2025 และ 2030 ตามลำดับ

หากราคาแบตเตอรี่ต่ำลง ต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจะต่ำลงเช่นกัน ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถตั้งราคาให้สูสีกับรถยนต์ทั่วไปได้ และในที่สุดเราอาจจะได้เห็นวันที่รถยนต์ไฟฟ้า มียอดขายแซงรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน แต่จะเป็นเมื่อไรนั้นเห็นทีต้องติดตามชมกันต่อไป

 

ที่มา: motortrend, bloomberg