BMW เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ ที่ทำรถออกมาให้อารมณ์การขับขี่ที่สนุก พวงมาลัยคม ช่วงล่างเกาะถนน และ ทำรถออกมาในภาพรวมให้มี Handling หรือ การบังคับควบคุมอยู่ในอันดับต้นๆ จนถึงปัจจุบันก็มีแฟนคลับ และ สาวกที่คลั่งไคล้ในแบรนด์นี้มากมายทั่วโลก บางครั้งก็มีคำถามว่า…ทำไมถึงไม่มี Supercar เป็นของตัวเองสักที

บรรดาแฟนๆจำนวนไม่น้อย คงสงสัยว่า ทำไม BMW ไม่ผลิตรถ Supercar ทั้งๆที่ มีทีมงานวิศวกร และ เทคโนโลยีต่างๆ เพียบพร้อม ล่าสุดความชัดเจนในจุดยืนนี้ ได้ถูกเปิดเผยอีกครั้งในการแถลงข่าว ที่งาน Frankfurt Motor Show 2017

Frank Van Meele หัวหน้าแผนก M Division ของ BMW กล่าวว่า “ น่าเสียดายที่คู่แข่งของ Audi R8 และ Mercedes-AMG GT จะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เพราะอย่างที่เห็นในงานนี้ เราพยายามออก M-Series ให้หลากหลายรุ่น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มที่ชื่นชอบรถยนต์แบบ High-Performance Car และ เรากำลังพยายามทำให้รถยนต์เข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด ”

” การสร้าง Supercar สำหรับคนเพียง 200 คน คงไม่ใช่เป้าหมายของเรา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นความฝันของวิศวกรทุกคนที่จะได้สร้างรถ Supercar แต่เราเลือกที่จะซื่อสัตย์ต่อลูกค้าโดยการสร้างรถยนต์เพื่อตอบสนองลูกค้าในกลุ่มใหญ่ แทนการมีรถยนต์รุ่นเรือธง (flagship) เป็นของตัวเอง”

BMW สามารถสร้าง Supercar ได้หรือไม่?

Van Meele ตอบคำถามนี้ว่า “เรามีความรู้ความสามารถ และ เทคโนโลยีในการทำเช่นนั้นได้ เรามีศักยภาพทางวิศวกรรมที่สามารถผลิตได้ ยกตัวอย่างใน M Series ซึ่งเป็นรถยนต์ในกลุ่ม High Performance Car ที่เราพัฒนา และ ทำตลาดมาเป็นเจ้าแรก หลังจากนั้นก็มีรถยนต์อีกหลายๆแบรนด์เลียนแบบเรา อย่างเช่น AMG”

หัวหน้าแผนก M Series ยังยืนยันอีกว่า “สำหรับแบรนด์ BMW เราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรกันอีกต่อไป เนื่องจากเราได้ผ่านการทำตลาดมาอย่างยาวนาน แต่เราก็ไม่ปฏิเสธว่า Supercar อาจจะเป็นฝันที่เป็นจริงของทีมงานวิศวกรบางคน แต่ในความเป็นจริงมันคงไม่เกิดขึ้น เพราะเรามี M Series ที่เป็นสุดยอดของการขับขี่อยู่แล้ว คุณสามารถเลือกได้ตั้งแต่ M2 ไปจนถึง X6 M เราจึงคิดว่าการสร้างรถ Supercar นั้นไม่จำเป็นสำหรับเรา”

ฟังดูแล้วรู้สึกว่า BMW จะมีความภาคภูมิใจใน M Series ของตัวเองเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม โลกยานยนต์ก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในอนาคตหากตลาดรถยนต์ในกลุ่ม Supercar มีขนาดใหญ่ขึ้น และ มีความต้องการจากผู้บริโภคกระเป๋าหนักมากขึ้น ก็ต้องรอดูว่า BMW จะยังคงมีจุดยืนเหมือนเดิมหรือไม่

ที่มา : BMWblog