ในที่สุด Toyota Motor ก็ได้เปิดเผยโฉม All New Toyota Corolla สำหรับทำตลาดในระดับโลกเป็นที่แรกใน
สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2013 เวลาประมาณ 19.30 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น และอีก 1 วันหลังให้หลังจะ
เปิดตัว Corolla โฉมใหม่สำหรับตลาดยุโรปด้วย

ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Toyota Corolla คือการเปลี่ยนงานออกแบบที่พลิกไปสู่ความโฉบเฉี่ยวและเร้าใจกว่า
โฉมปัจจุบันที่ลูกค้าทั่วโลกต่างพากันบอกว่าเป็นรถที่น่าเบื่อมาก แม้ในภาพรวมจะเป็นรถที่ดีและน่าไว้วางใจก็ตามซึ่ง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเบื่อ Toyota Corolla มากยิ่งขึ้นในยุคปัจจุบัน ก็มาจากคู่แข่งในรถระดับ C-Segment
ทั้งหลายต่างพากันพัฒนารถให้มีความน่าสนใจในทุกรายละเอียดมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยก็ดูน่าสนใจกว่า Toyota Corolla
โฉมปัจจุบัน

alt

ภาพที่ทุกคนเห็นคือ Toyota Corolla เจเนเรชั่นที่ 11 สำหรับเวอร์ชันอเมริกันรุ่นย่อย S ที่จะถอดแบบงานดีไซน์มาจากรถ
ต้นแบบ Toyota Corolla Furia Concept เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาซึ่งรูปโฉมก็จะเน้นความดุดันและเอาใจคนรุ่นใหม่เป็น
หลัก บุคลิคในภาพรวมก็แทบจะเรียกว่าทิ้งบุคลิกเก่าของ Corolla เดิมทิ้งเอาไว้ หากมองเผิน ๆ ก็จะดูคล้าย ๆ กับ
Avalon ย่อส่วนไม่เบา

จุดเด่นสำคัญในด้านการออกแบบก็คือ Toyota เลือกที่จะหดระยะโอเวอร์แฮงค์ให้สั้นลง แต่ขณะเดียวกันก็จะขยายความ
ยาวฐานล้อและความยาวตัวถังขึ้นเล็กน้อยเพื่อบ่งบอกถึง Corolla ที่ปราดเปรียวที่สุดเท่าที่เคยมีมา และจัดเต็มด้วยไฟ
หน้า LED, ไฟตัดหมอกหน้าในทุกรุ่น

ภายใหน้องโดยสารก็ยกแผงคอนโซลมาจาก Toyota Auris เจเนเรชั่นล่าสุดแล้วนำมาดัดแปลงรายละเอียดบางอย่าง เช่น
เปลี่ยนช่องแอร์ซ้ายขวาสุดเป็นช่องเรียวยาว, สลับตำแหน่งช่องแอร์กลางกับนาฬิกาดิจิตอล, เสริมวัสดุเมทัลลิค, เปลี่ยนสี
วัสดุหุ้มขอบชุดเครื่องเสียงและพวงมาลัยออกแบบให้มีรอยตะเข็บ

เครื่องยนต์กลไกจะติดตั้งเครื่องยนต์บล๊อกปรับปรุงใหม่ขนาด 1.8 ลิตรติดตั้งระบบ ValveMatic พร้อมทั้งปรับปรุงการ
ทำงานของระบบ VVT-I 132 แรงม้าในรุ่นย่อย L, LE, S ส่วนรุ่นย่อย L ECO จะปรับแรงม้าขึ้นมาเป็น 140 แรงม้า
โดยรวมเครื่องก็จะแรงขึ้นและประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 5%

รุ่น L จะยังคงจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะและเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ นอกนั้นจับคู่เกียร์อัตโนมัติ CVT แบบล๊อกอัตราทด
7 จังหวะ

รายละเอียดเพิ่มเติมจะอัพเทดในบทความนี้อย่างต่อเนื่องครับ

—-

Update เพิ่มเติมเวลา 10.52 น. : หัวใจหลักสำคัญของ Toyota Corolla เจเนเรชั่นล่าสุดจะมีความแข็งแกร่งในด้านการ

ออกแบบมากยิ่งกว่าเคยทั้งภายนอกและภายใน ตัวรถก็จะมีการเติบโตขึ้นแต่ขณะเดียวกันดีไซน์ก็จะดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ด้วย

ดีไซน์ภายนอกจะยึดหลักแนวคิด “Iconic Dynamism” มีสัดส่วนที่ดูล่ำสันเหมือนกับที่เคยปรากฏในรถต้นแบบ
Corolla Furia Concept ด้วยความยาวฐานล้อที่เพิ่มขึ้น 100 มม. (เป็น 2,700 มม. เท่ากับ Nissan Sylphy/Sentra)
พร้อมทั้งออกแบบให้ตัวถังดูชิดมุมล้อมากที่สุด ส่วนด้านหน้าและด้านท้ายก็จะเหลาให้เรียวลงจนทำให้ Corolla เป็นรถซี
ดานที่มีรูปทรงปราดเปรียว ขณะเดียวกันความยาวตัวถังก็จะถูกขยายขึ้นอีก 99 มม. จนทำให้ตัวรถยาว 4,639 มม. (รุ่น S
ยาว 4,650 มม.) กว้าง 1,776 มม. สูง 1,455 มม. และนั่นก็หมายความว่า All New Toyota Corolla เป็นรถ C-
Segment Sedan ที่ใหญ่โตที่สุดในตลาดอเมริกัน!!!! (และแน่นอนว่าหากเปิดตัวเมื่อไรมันก็จะเบียดแชมป์ Nissan
Sylphy ในด้านความยาวตัวถังทันที)

alt

ด้านหน้า All New Toyota Corolla US จะได้รับอิทธิพลจาก Toyota Camry US, Rav4 และ Avalon โฉมใหม่ที่ให้
ความรู้สึกเหนือชั้นด้วยดีไซน์ที่ปั้นขึ้นรูปอย่างตั้งใจ โดดเด่นด้วยไฟหน้าที่กินพื้นที่มุมหน้ารถให้มากกว่าเดิมสะท้อนถึง
ความปราดเปรียวของตัวรถพร้อมไฟหน้า LED ที่ให้อิสระในการออกแบบทรงไฟหน้ามากกว่าเดิม

เอกลักษณ์ใหม่ล่าสุดของ All New Toyota Corolla คือการออกแบบเสา C ด้วยแนวคิด Faster ที่มีเส้นสายรับกันเส้น
ขอบประตูและหลังคาทำให้รู้สึกถึงความเร็ว

ภายในห้องโดยสารจะยึดหลักแนวคิด “Iconic Dynamism” เหมือนกับภายนอกที่มีทั้งสไตล์, ฟังก์ชันการใช้งานเต็ม
พิกัด, ห้องโดยสารที่กว้างขวางพร้อมทั้งให้ความรู้สึกประณีตมากยิ่งกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุ, การใส่ใจใน
รายละเอียด

แผงหน้าปัดจะมาแนวกว้างเพื่อทำให้แลดูมีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางและโปร่งตา เพิ่มความงามทางสายตาด้วยการ
ประดับชิ้นส่วนวัสดุสี Piano Black และชิ้นส่วนบางจุดตกแต่งด้วยสีเมทัลลิคเพื่อเพิ่มความสปอร์ต การใช้โทนสีก็คัดเลือก
โทนสีน้ำเงิน, ดำและอำพันตัดกันเพื่อให้เกิดความรู้สึกพรีเมี่ยม

ความยาวฐานล้อที่เพิ่มขึ้นมา 100 มม.ก็ช่วยทำให้ Corolla โฉมใหม่ มีเนื้อที่ห้องโดยสารกว้างขวางมากกว่าเดิม
โดยเฉพาะเนื้อที่ห้องโดยสารตอนหลังจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเห็นได้ชัด ด้วยการร่นตัวเบาะหลังไปด้านหลังอีก 75 มม. ยัง
ไม่พองานนี้ถึงกับต้องออกแบบเบาะผู้โดยสารตอนหน้าให้บางลงก็จะทำให้มีเนื้อที่วางขาและหัวเข่าเพิ่มขึ้นอีก

Toyota ยกระดับคุณภาพภายในห้องโดยสารในรถระดับคอมแพคท์ไปอีกขั้นด้วยการเพิ่มคุณภาพการดูดซับเสียงรบกวน
และเสียงสิ่งแวดล้อม ด้วยการออกแบบบานกระจกให้สามารถลดเสียงรบกวน, เปลี่ยนพรมชนิดใหม่ที่เก็บซับเสียงได้และ
ลดรอยต่อของชิ้นส่วนต่าง ๆ

เครื่องยนต์กลไกมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ รหัส 2ZR-FE DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Dual-VVT-I ความจุกระบอกสูบ 1,798 ซี
ซี ช่วงชักลูกสูบ 80.5 x 88.3 มม. กำลังอัด 10.0:1 132 แรงม้า (HP) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 128 ปอนด์ฟุต
ที่ 4,400 รอบต่อนาที เครื่องนี้จะติดตั้งสำหรับรุ่นมาตรฐาน L (เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะและเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ), LE
และ S ที่จับคู่เกียร์ CVTi-S ล๊อกอัตราทด 7 จังหวะ รุ่น S จะติดตั้ง Sport Mode ที่จะปรับเปลี่ยนบุคลิคการส่งกำลัง,
พวงมาลัยเพื่อการขับขี่แบบสปอร์ตอย่างแท้จริง

2ZR-FAE DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว Dual-VVT-I พร้อม ValveMatic ความจุกระบอกสูบ 1,798 ซีซี ช่วงชักลูกสูบ 80.5 x
88.3 มม. กำลังอัด 10.6:1 140 แรงม้า (HP) ที่ 6,100 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 126 ปอนด์ฟุตที่ 4,000 รอบต่อนาที
เครื่องนี้จะติดตั้งเฉพาะ LE ECO พร้อมเกียร์ CVTi-S ล๊อกอัตราทด 7 จังหวะ และ Eco Mode เพื่อเพิ่มความประหยัด

การบังคับควบคุมก็ต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้แข่งขันกับคู่แข่งให้ได้ งานนี้ Toyota ได้ปรับปรุงการบังคับควบคุมและ
พวงมาลัย ให้มีความเฉียบคม, คล่องตัวขึ้น สอดรับกับโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาไม่เพิ่มน้ำหนักตัวถังไปมากกว่ารุ่นเดิม
รูปแบบช่วงล่างยังเหมือนเดิม ด้านหน้าแบบแมคเฟอสันสตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม

กำหนดการวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะได้เจอกันในเร็ว ๆ นี้ แต่สำหรับ All New Toyota Corolla Altis จะมา
บ้านเราในปี 2014 แน่นอน