วงการรถยนต์ตอนนี้ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะมีแต่กระแสของรถยนต์ไฟฟ้า Electric Vehicle-EV ทุกค่ายรถยนต์ต่างก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าเป็นของตัวเอง เพื่อให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าที่เริ่มหันมาสนใจรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
BMW ค่ายใบพัดฟ้าขาว ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่มีการผลิต และ จำหน่ายรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบ 100% มาตั้งแต่ปี 2013 โดยเริ่มจาก BMW i3 ซึ่งเป็น Series i รุ่นแรกที่ออกจำหน่าย ต่อมาก็ตามด้วย Sport Car EV ในรุ่น i8 และล่าสุด กำลังจะมีการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าสี่ประตูน้องใหม่จาก Series i ซึ่งจะเป็นรุ่นแทรกกลางระหว่าง i3 และ i8 ในงาน Frankfurt Motor Show 2017 ในสัปดาห์หน้า
Oliver Zipse กรรมการผู้บริหารฝ่ายการผลิตได้กล่าวว่า เรามีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าใหม่ในชื่อ i NEXT ในปี 2021 และเราก็คาดหวังว่าภายในปี 2025 เราจะมียอดขายจากรถยนต์ในกลุ่ม EV และ Plug-in Hybrid เป็น 15-25% ของยอดขายรถทั้งหมดของ BMW ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมีการวางแผนเพื่อเพิ่มการผลิตชิ้นส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยในอนาคตการผลิตของ BMW Group จะสามารถผลิตเครื่องยนต์แบบเผาไหม้ เครื่องยนต์ขับเคลื่อนแบบไฮบริด และแบบไฟฟ้า ได้ในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ในปี 2025 เราจะมีรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าถึง 25 รุ่น โดยที่ 12 รุ่น จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ซึ่งจะสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 700 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง กล่าวเสริมโดย Harald Krueger ผู้บริหารระดับสูงของ BMW
ปัจจุบัน BMW Group มีโรงงานสำหรับผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้าอยู่ 10 แห่ง โดยชิ้นส่วนระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าจะผลิตมาจากโรงงานที่ Dingolfing และ Landshut โดยที่ Dingolfing ทำหน้าที่ในการผลิตรุ่น Plug-in Hybrid ของ BMW 5-Series และ BMW 7-Series รวมถึงจะเป็นโรงงานที่ผลิต BMW i NEXT ในปี 2021 ด้วย
นอกจากนี้ เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าของ BMW จะถูกนำไปใช้กับแบรนด์อื่นในกลุ่มด้วย เช่น MINI, Rolls-Royce และ BMW M โดยมีเงื่อนไขว่า รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในกลุ่ม จะต้องสามารถวิ่งได้ถึง 700 กิโลเมตร ต่อ การชาร์จไฟหนึ่งครั้ง
สำหรับแผนการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ BMW อย่างไม่เป็นทางการ
- MINI 3 door Hatch EV จะเปิดตัวในปี 2018 จำหน่าย 2019 (ผลิตตัวรถจากโรงงาน Oxford)
- BMW i8 Roadster และ BMW X3 EV จะเปิดตัวในปี 2020
- BMW i Next จะเปิดตัวในปี 2021
คาดว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้านี้ การแข่งขันในตลาดของรถยนต์ไฟฟ้า EV จะต้องดุเดือดขึ้น ส่วนใครจะสามารถทำยอดขายได้มากกว่ากัน ปัจจัยสำคัญไม่ได้มีเพียงเทคโนโลยี และ ความสวยงามของรถอย่างเดียว แต่การบริการหลังการขาย การแก้ไขปัญหา และ ค่าซ่อมบำรุงในส่วนต่างๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า การกำจัดแบตเตอรี่ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของผู้บริโภคเช่นกัน
ที่มา : BMWBlog, Business insider