Mercedes-Benz เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับรถยนต์ Luxury Sport Car ของค่าย อย่าง S-Class Coupe’ Facelift (รหัสตัวถัง A217) และ S-Class Cabriolet Facelift (รหัสตัวถัง C217) เพื่อสานต่อนโยบายการทำตลาดเชิงรุก สำหรับรถยนต์ในกลุ่ม Dream Car โดยมีการปรับรูปโฉมภายนอก และ ภายใน ห้องโดยสารให้ดูสง่า หรูหรามากยิ่งขึ้น

ไฮไลต์สำคัญของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้อยู่ที่ การนำเทคโนโลยี OLED (Organic Light-Emitting Diode) มาใช้ในไฟท้ายของ S-Class Coupe Facelift และ S-Class Cabriolet Facelift

โดยเทคโนโลยี OLED ประกอบด้วยสารกึ่งตัวนำไฟฟ้าที่มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ ที่เคลือบลงในแผ่นกระจกใส ทำหน้าที่เปล่งแสงเมื่อได้รับกระแสไฟฟ้า ในไฟท้ายของ Mercedes-Benz S-Class ใหม่ จะประกอบด้วย OLED จำนวน 66 ชิ้น (ข้างละ 33 ชิ้น) เรียงตัวซ้อนกันเป็นแนวยาว มีการทำงานเป็นลำดับ แบบ Sequential ทั้งแบบเลื่อนจากด้านในสู่ด้านนอก และ เลื่อนจากด้านนอกสู่ด้านใน เพื่อย้ำให้ผู้ขับขี่ทราบ เมื่อมีการล็อคหรือปลดล็อครถ

นอกจากนี้ เทคโนโลยีไฟท้ายแบบ OLED ยังสามารถปรับระดับความเข้มของแสงอัตโนมัติ แปรผันตามสภาวะการขับขี่และความสว่างรอบๆ ตัวรถ ทั้งไฟเบรก และ ไฟเลี้ยว นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว ข้อดีของการนำเทคโนโลยีไฟท้ายแบบ OLED มาใช้ คือมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ใช้พลังงานน้อยลง และนำไปสู่การลดก๊าซ CO2 ในระยะยาวได้

ส่วนไฟหน้าที่เป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ เป็นไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ที่ประดับด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ (Swarovski crystals) จำนวน 47 ชิ้น ประกอบด้วยไฟ daytime running lamps ที่ส่องสว่างด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ 17 ชิ้น และ ไฟเลี้ยวที่ตกแต่งด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ 30 ชิ้น มาพร้อมกับระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)

สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการทั้งหมดของ Mercedes-Benz S-Class Coupe’ และ Cabriolet รุ่น Facelift สามารถติดตามได้เร็วๆ นี้

ที่มา : Mercedes-Benz