ตลาดรถยนต์ระดับหรูขนาดใหญ่กำลังปะทุความดุเดือดอีกครั้ง เมื่อวันนี้ค่ายดาวสามแฉก Mercedes-Benz พร้อมเผยโฉม
2014 Mercedes-Benz S-Class ใหม่ อย่างเป็นทางการ เตรียมถล่มตลาดด้วยหลากเทคโนโลยีใหม่ พร้อมความหรูหรา
ที่มากขึ้น โดยงานเปิดตัวจัดขึ้นอย่างแหวกแนว ด้วยการบรรจุ S-Class ใหม่ในเครื่องบิน Airbus A380 ในเมือง Hamburg
ประเทศเยอรมนี
นับได้ว่า Mercedes-Benz S-Class ใหม่ รหัส W222 นี้ เป็นรถยนต์ที่ทีมวิศวกรบรรจงใส่ความสมบูรณ์แบบและที่สุด
ของงานวิศวกรรมเอาไว้ทั้งหมด จนกลายเป็น S-Class ที่หรูหราและล้ำหน้ามากที่สุดที่ Mercedes-Benz เคยผลิตมา
งานออกแบบตัวถังภายนอก เป็นการเพิ่มความสปอร์ตคูเป้ ผสานเข้ากับความหรูหราของซีดานขนาดใหญ่ได้อย่างลงตัว
รูปลักษณ์ด้านหน้ามาพร้อมกับกระจังหน้าทรงสปอร์ตขนาดใหญ่ พร้อมเปลือกกันชนหน้าที่มีเส้นสายโค้งมน ลงตัวมากขึ้น
รวมถึงโคมไฟหน้าที่ถูกออกแบบให้รับกับกระจังหน้าได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ 2014 Mercedes-Benz S-Class ยังเป็น
รถยนต์ที่ใช้หลอดไฟ LED “ทั้งคันรถ” ไม่ว่าจะเป็นระบบไฟหน้า ไฟตัดหมอก ไฟท้าย หรือไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารก็ตาม
ส่วนรูปลักษณ์ด้านข้าง นำเอาเส้นสายความลาดเท โค้งมนจาก CLS-Class มาแต่งเติมอย่างลงตัว โดดเด่นด้วยเส้นไหล่
แบบ Dropping Line อันเป็นเอกลักษณ์งานออกแบบยุคใหม่ของค่ายดาวสามแฉก พร้อมรูปลักษณ์ด้านท้ายที่ลาดเอียง
พร้อมเส้นสายเรียบสะอาด ทั้งหมดนี้ทำให้ S-Class ใหม่ มีรูปลักษณ์คล้ายรถยนต์คลาสสิกล้ำยุค และมีมีผลให้ค่า
สัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำเพียง 0.24 โดยเป็นรองแค่น้องคนเล็ก CLA-Class ที่ทำได้ 0.23 เท่านั้น
มิติตัวถังโดยรวม ถือว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นมากด้วยเช่นกัน เพราะมีความยาวตัวถังที่ 5.11 ม. ความกว้าง 1.899 ม.
และมีความสูง 1.48 ม. ส่วนระยะฐานล้อหน้า-หลังนั้น ในรุ่นปกติจะมีตัวเลขที่ 3,035 มม. ส่วนในรุ่นฐานล้อยาวจะถูก
เพิ่มระยะฐานล้อหน้า-หลังเป็น 3,165 มม.เลยทีเดียว
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ อยู่ที่ห้องโดยสารภายในที่มีการพลิกแนวคิดทางออกแบบ ให้กลายเป็นรถยนต์ลีมูซีนชั้นเยี่ยมที่มี
ความสมบูรณ์แบบมากที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา ด้วยการออกแบบโดยการคำนึงถึงสรีระศาสตร์เป็นหลัก และเลือกใช้เฉพาะวัสดุชั้นเยี่ยม
ประกอบด้วยฝีมือคุณภาพสูง ผสานกับเทคโนโลยีล้ำยุค เพื่อให้ทุกสัมผัสเปี่ยมด้วยสุนทรียภาพ
ครั้งนี้ Mercedes-Benz ตัดสินใจแหวกแนวด้วยการหันมาใช้พวงมาลัย 2 ก้านคล้ายรถโบราณ แต่มีรายละเอียดงานออกแบบ
ที่หรูหราน่าจับต้อง ด้วยการหุ้มพวงมาลัยด้วยหนังแท้ แต่ผสานชิ้นไม้จริง และวัสดุอะลุมิเนียม ทำให้สัมผัสของผู้ขับขี่มี
ความมั่นใจและจับต้องถึงความหรูหราได้มากที่สุด นอกจากนี้คอนโซลหน้ายังติดตั้งหน้าจอสีความละเอียดสูงขนาดมหึมา
12.3 นิ้วถึง 2 หน้าจอด้วยกัน เพื่อแสดงผลมาตรวัดและเป็นหน้าจอของระบบอินโฟเทนเมนต์ COMAND ส่วนระบบเครื่องเสียง
เป็นการจัดเต็มด้วยระบบเครื่องเสียงคุณภาพเยี่ยมเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมลำโพง 10 ชิ้นรอบคัน แต่หากต้องการ
ความสุนทรีย์ของเสียงที่มากขึ้น สามารถสั่งเพิ่มออพชันระบบเครื่องเสียง Burmester Surround Sound หรืออัพเกรดเป็น
ระบบเครื่องเสียงไฮเอนด์ Burmester 3D-Surround Sound ก็สามารถทำได้
นอกจากนี้ 2014 Mercedes-Benz S-Class ยังมาพร้อมกับบรรดาเทคโนโลยีเสริม เพื่อทำให้ S-Class ใหม่ เป็นรถยนต์
ที่เป็นที่สุดของที่สุด เช่นแพคเกจ Air Balance อันเป็นการติดตั้งระบบกรองอากาศและปล่อยประจุลบเพื่อให้อากาศมี
ความบริสุทธิ์และเป็นมิตรกับผิวพรรณมากที่สุด และเป็นครั้งแรกของวงการรถยนต์ที่มีออพชันติดตั้งระบบปล่อยน้ำหอมอ่อนๆ
เพื่อทำให้อากาศภายในห้องโดยสารมีความหอมดุจอยู่ในสปาชั้นหรู หากแพคเกจนี้ยังเพิ่มความสุนทรีย์ได้ไม่พอ Mercedes-Benz
ก็เตรียมแพคเกจ Warmth Comfort ให้เป็นระดับต่อไป ด้วยการติดตั้งระบบอุ่นที่วางแขน พวงมาลัย และเบาะนั่ง จนทำให้
ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายได้อย่างที่สุด
พิเศษสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สามารถเพิ่มออพชันได้เพิ่มเติม ด้วยความสามารถเลือกแบบเบาะนั่งได้ 5 รูปแบบ เช่น Energizing
Seats อันเป็นเบาะนั่งขนาดโตพร้อมระบบนวด 6 โปรแกรม หรือแบบ First Class Rear Seats ที่แยกเบาะนั่งด้านหลัง
เป็น 2 ที่นั่ง พร้อมการขยายคอนโซลกลางต่อเนื่องจากด้านหน้าและโต๊ะส่วนตัวขนาดเล็ก ให้อารมณ์เดียวกับเบาะนั่ง
ของ Maybach อัครยานยนต์จากค่ายดาวสามแฉกที่เพิ่งยุติการจำหน่ายไป โดยในแพคเกจนี้ยังมาพร้อมกับที่วางแก้ว
ปรับอุณหภูมิร้อน-เย็นได้
ด้านงานวิศวกรรมหลักของตัวรถ ยังมาพร้อมกับหลากเทคโนโลยีระดับสุดยอดด้วยเช่นกัน เช่นระบบ Road Surface Scan
ที่ใช้กล้องด้านหน้าจับภาพถนนและคำนวนสภาพ ก่อนส่งให้ระบบช่วงล่าง Magic Body Control จัดการปรับสไตล์ระบบ
ช่วงล่างต่อไป
ส่วนระบบความปลอดภัย Mercedes-Benz ซุ่มพัฒนาหลายเทคโนโลยี อัดแน่นล้นคันรถ ไม่ว่าจะเป็น DISTRONIC PLUS
พร้อมระบบ Steering Assist ครั้งแรกของ Mercedes-Benz ที่สามารถช่วยควบคุมพวงมาลัย และช่วยขับเคลื่อนตัวรถ
พร้อมหยุดรถอัตโนมัติในสภาพจราจรติดขัด
รวมถึงระบบ Brake Assist PLUS พร้อมระบบช่วยสอดส่องการจราจรด้านท้าย ระบบช่วยรักษาเลน Active Lane Keeping Assist
ระบบเลี่ยงไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive Highbeam Assist Plus ระบบช่วยการมองเห็นยามค่ำคืน Night View Assist Plus
และระบบเตือนสติผู้ขับขี่ ATTENTION ASSIST รวมถึงระบบ PRE-SAFE Brake, PRE-SAFE PLUS และ PRE-SAFE Impulse
ขุมพลังและระบบขับเคลื่อน ก็เป็นอีกหนึ่งงานวิศวกรรมที่ Mercedes-Benz ตั้งใจรังสรรค์ด้วยเช่นกัน โดยในระยะแรก
Mercedes-Benz ส่งเครื่องยนต์ทำตลาด 4 บล็อกด้วยกัน ครบครันทั้งเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.7 ลิตร ในรหัส
S500 สร้างแรงม้าได้ 455 ตัว พร้อมแรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร
ในรหัส S350 BlueTEC พร้อมกำลัง 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน-เมตร
และปิดท้ายด้วยเครื่องยนต์เบนซินไฮบริดในรุ่น S400 Hybrid ที่เป็นการผสานเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 3.5 ลิตร
เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าจนสร้างพลังรวมได้ 306 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 370 นิวตัน-เมตร
การออกจำหน่ายจะเริ่มต้นที่ยุโรปกันก่อนช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ก่อนจะตามด้วยตลาดสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 3 และ
ต่อด้วยประเทศอินเดียต้นปีหน้า นอกจากนี้ Mercedes-Benz ยังเตรียมจัดทริปทดลองขับเรียกน้ำย่อยกันก่อนเร็วๆนี้
ดังนั้นติดตามกันให้ดีๆว่า ฟีดแบ็กจากสื่อมวลชนทั่วโลกจะออกมาน่าตื่นตาเท่ากับตัวรถหรือไม่ครับ