ในปัจจุบันการเดินทางด้วยรถยนต์กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดอย่างหนึ่งหากต้องการเดินทางจากจุด A ไป B และในหลายต่อหลายครั้ง ความขาดสติ ขาดทักษะ หรือการตัดสินใจที่ผิดพลาด อาจทำให้ตัวเองหรือคนอื่นต้องเสียเวลา หรือถึงขั้นเสียชีวิตโดยใช่เหตุ..

คุณขับรถออกไปบนท้องถนนด้วยความคิดที่ว่าทุกคนคงขับรถแบบที่เน้นความปลอดภัย คิดว่าทุกคนจะขับรถด้วยวิธีคิดเดียวกับคุณ และคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น คุณจะถึงจุดหมายอย่างราบรื่น?

ลองดูคลิปนี้ก่อนไหมครับ ว่าแค่พื้นฐานเรื่องการแซงบนถนนไป/กลับข้างละ 1 เลน ยังมีคนที่ทำเรื่องที่ยากปานกลาง ให้เป็นเรื่องที่มีโอกาสอันตรายถึงชีวิตได้ขนาดไหน

จะเห็นได้ว่าสามัญสำนึก ใช้ไม่ได้กับคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะพวกที่ยึดถือแนวทางปฏิบัติ กปก. หรือ “กูไปก่อน” มีช่องตรงไหนก็ไป หรือพวกที่เกิดมาพร้อมกับคำสอนจากคนบางกลุ่มว่า “จะขับอย่างไรก็ขับไปเถอะ..เดี๋ยวคันข้างหน้าหรือคันข้างๆมันก็หลบเราเองแหละ” ซึ่งเมื่อคุณได้ยินแล้วก็อาจจะสวดอธิษฐานตั้งภาวนาจิตว่าสักวันนึงเถอะขอให้ไอ้คนที่คิดแบบนี้มันมาป๊ะกันเองบนถนนในขณะที่เรานั่งจิบกาแฟลาเต้เย็นๆมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้น

แต่การด่า การแช่ง ไม่ว่าจะมีออพชั่นแพ็คเกจเผาพริกเผาเกลือหรือไม่ ไม่ได้ช่วยให้ถนนเป็นที่ที่ปลอดภัยขึ้นหรอกครับ

ผมเข้าใจว่าหลายท่านที่อ่านบทความนี้ คงรู้วิธีแซงเวลาขับรถเดินทางกันอยู่แล้ว แต่มีอีกหลายคนที่ยังไม่ทราบ และคุณอาจจะไม่มีเวลามานั่งสอนคนที่รู้จักนักสิบหรือร้อยคนให้ทำตามแบบที่ถูกต้องได้…งั้นก็ให้เป็นหน้าที่ผมในการช่วยพวกคุณก็แล้วกัน เอาบทความนี้ไปให้พวกเขาอ่านนะครับ

แซงให้ปลอดภัย

ในขั้นแรก ควรจำให้ได้ก่อนว่าในโลกนี้ มีที่ หรือสถานการณ์ซึ่งคุณไม่ควรพยายามแซง

อย่าแซงในสถานทีหรือสถานการณ์ดังต่อไปนี้

1 – ไหล่ทางด้านซ้าย (ในกรณีประเทศที่รถเป็นพวงมาลัยขวา)

เพราะนั่นคือจุดที่ใกล้กับขอบทาง เป็นจุดที่อาจไม่ได้ปรับสภาพถนนไว้ดีพอ เป็นหลุมบ่อย มีพื้นยุบตรงท่อระบายน้ำ การเร่งแซงในจุดดังกล่าวถ้าเจอหลุม ก็อาจทำให้รถมีอาการว่อกแว่ก ยิ่งกดแซงมาเร็วๆอาจเสียหลักลงข้างทางได้ นอกจากนี้เวลามีอุบัติเหตุ กระจกแตก หรือมีเศษซากอารยธรรมการชนครั้งก่อนๆ มันก็มักถูกกวาดไปอยู่ตรงไหล่ทางนี่แหละครับ คุณวิ่งทับไปตรงนั้นดีไม่ดียางแตกเพราะเศษไขควงเหล็กอันยาวอย่างที่พี่สาวผมเคยเจอ นอกจากนี้บางครั้งเมื่อคุณพยายามแซงรถบรรทุกใหญ่โดยใช้ไหล่ทาง คุณไม่เห็นหรอกว่ามีรถจอดข้างซ้ายหรือไม่ อาจมีรถเสียอยู่ตรงนั้นและมีคนยืนค้นยางอะไหล่อยู่ท้ายรถ คุณอาจกลายเป็นฆาตกรโดยไม่ได้ตั้งใจ

2 – เมื่อรถที่คุณกำลังจะแซงจู่ๆชะลอลง

คุณไม่มีทางแน่ใจว่าเขาชะลอเพื่อให้คุณแซงหรือแค่เป็นมนุษย์ Ignorant คนนึงที่กำลังจะเลี้ยวไปทางใดทางหนึ่ง บางครั้งเห็นคันหน้าชะลอ นึกว่ายอมให้แซง คันหลังก็กดคันเร่งคิกดาวน์เต็มตัว แล้วจู่ๆรถคันหน้าก็เลี้ยวขวา ฉากออกมาโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ไอ้รถคันที่จะแซงก็ชนเข้ากลางลำ ช่วยสงเคราะห์ทดสอบแอร์แบกข้างกับม่านถุงลมให้ นอกจากนี้เวลาเห็นรถจอดเป็นตับๆ หรือหยุดอย่างไม่ทราบเหตุผล ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจฉีกออกขวาแล้วแซง เพราะรถคันนั้นอาจจะกำลังหยุดเพื่อให้คนข้ามถนน หรือมียานพาหนะคันอื่น ออกจากซอย คุณแซงขวาไป ก็ไปจ๊ะเอ๋กัน อย่างเบาก็เสียหาย อย่างกลางก็เจ็บหนัก อย่างร้ายก็ตาย

3 – เมื่อเจอเนินเขาสูงและคุณกำลังอยู่ในขาขึ้น

ตามถนนต่างจังหวัด คุณจะพบเนินบนทางตรง ตัวเนินลักษณะนี้จะบัง ทำให้คุณมองไม่เห็นรถที่กำลังสวนมา และฝั่งนั้นก็มองไม่เห็นคุณเช่นเดียวกัน ถ้าไม่อยากโดนเอาไปเปรียบกับควาย อย่าเร่งแซงในจุดอับแบบนี้ แถมถนนเนินขาขึ้นนั้นรถคุณจะเร่งได้ช้ากว่าปกติ ใจเย็นๆ รอแค่ไม่กี่สิบวินาที พอถึงเนินขาลง คุณจะเห็นถนนหนทางข้างหน้าแบบปรุโปร่ง แถมยังได้แรงส่งเนินขาลงช่วยทำให้แซงเสร็จได้เร็วขึ้น ฉลาด หรือ โง่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะรอ 10-20 วินาทีตรงนี้ได้มั้ย นั่นล่ะครับ

4 – เมื่ออยู่ในโค้งที่มองไม่เห็นปลายทาง

นอกจากเนินสูงแล้ว ยังมีโค้งตามต่างจังหวัด ซึ่งบางจุดจะถูกต้นไม้หรืออาคารบ้านเรือนบัง ยิ่งถ้าเป็นโค้งซ้ายแล้วคุณคิดจะแซงออกขวา ขอให้หยุดความคิดนั้นเสีย เพราะในมุมอับนั้นคุณไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีรถสวนมา จะหลบอย่างไร? การหักหลบหรือเบรกในขณะเข้าโค้งอยู่นั้นรถจะเสียหลักง่ายกว่าเวลาวิ่งตรงๆมาก และต่อให้ไม่มีรถสวน ตรงปลายโค้ง (ที่คุณมองไม่เห็น) อาจมีรถจอดตกปลาโง่ๆอยู่ ทำให้รถคันหน้าคุณต้องหักหลบออกขวา แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าคุณอยู่ตรงนั้นและกำลังแซงพอดี?

และอย่าคิดว่าถนน 1 เลนไป 1 เลนกลับมันมีที่ให้หลบมากพอ เดี๋ยวคันที่สวนมาเขาก็หลบเอง..อย่าคิดแบบมักง่ายเช่นนี้ เพราะถ้ารถที่สวนมาเป็นรถบัสขนาดใหญ่ หลบยังไงก็ไม่ทัน และไม่มีที่ให้หลบมากพอ ชนเท่านั้นคือคำตอบที่ปลายทาง

5 – เมื่อมีรถฝั่งขวามือกำลังจะออกจากซอย

คุณกำลังจะแซง แล้วมองเห็นถนนฝั่งขวามีรถกำลังจะออกจากซอยแล้วเลี้ยวมาหาคุณ คุณคิดว่าเขาเห็นคุณแล้ว? อันที่จริงอาจจะยัง เพราะธรรมชาติของคนเวลาเลี้ยวซ้ายออกจากซอยจะต้องมองทางขวาว่ามีรถมาหรือไม่ บางคนที่สมาธิไม่กว้างพอ อาจจะมองเช็ครถทางขวาแล้วก็กดคันเร่งออกมา ถ้าเลี้ยวออกมาเป็นวงแคบ ก็ไม่เป็นไร แต่บางคนขับรถยาว 4 เมตร ตีวงกว้างยังกะเรือบรรทุกเครื่องบิน แล้วก็ไม่ได้เช็คทางซ้ายว่ามีรถกำลังแซงมาหรือเปล่า ถ้าโชคดีก็รอด โชคไม่ดีก็กินข้าวโพดตูมตามกันตรงนั้น

โดยสรุปก็คือ “อย่าแซงบนถนนที่คุณมองไม่เห็นจุดที่ต้องการจะไป อย่างแซงบนถนนที่ไม่มีทางให้หลบ และ ถ้ามีสิ่งใดผิดปกติก่อนจะแซง หรือทางดูไม่เคลียร์..ก็อย่างแซง”

ดูทางให้ปลอดภัย และถ้าคุณสำรวจแล้วพบว่าไม่ได้กำลังจะเร่งแซงในจุดที่มีความเสี่ยง 5 ข้อตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น และคุณต้องการจะแซง ก็เริ่มขั้นตอน ดังต่อไปนี้ครับ

ขั้นตอนที่ 1 – ประเมินสถานการณ์ก่อนแซง

1.1 – สำรวจว่าเป็นทางแซงที่ตรง เส้นแบ่งเลนกลางถนนไม่เป็นเส้นทึบ มีทัศนะวิสัยด้านหน้าที่ไกลพอ

1.2 – ลองนึกภาพว่า ถ้าหากกดคันเร่งแซงออกไปแล้วมีความจำเป็นต้องตบกลับเข้าเลนเดิม มีพื้นที่สำหรับกลับเข้าเลนเดิมหรือไม่ เช่นถ้ามองจากรถคันข้างหน้าไปแล้วมีรถพ่วงขับสลับกับมอเตอร์ไซค์ และไม่มีพื้นที่ให้เสียบกลับ คุณอาจจะต้องคิดใหม่

1.3 – รถที่กำลังมาจากฝั่งตรงข้าม เป็นรถขนาดเล็ก หรือใหญ่ พุ่งมาด้วยความเร็วขนาดไหน ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วคุณไม่สามารถตบรถกลับเข้าเลนได้ รถคันที่สวนมาเขาจะมีพื้นที่พอหลบคุณได้หรือไม่ ในกรณีถนนแคบ และรถคันที่สวนมาเป็นรถบรรทุกอ้อยคันใหญ่เต็มถนน เขาไม่มีทางหลบคุณได้อยู่แล้ว

สรุป การสำรวจพื้นที่ก่อนแซงคือ ต้องทำให้แน่ใจว่า ถ้าแซงออกไปแล้ว ต้องมีที่หลบฉุกเฉินได้ ทั้งตัวคุณและรถคันที่สวนมา

ขั้นตอนที่ 2 – เตรียมพร้อมกับการแซง

2.1 – ประเมินพละกำลังของรถตัวเองเทียบกับพื้นที่สำหรับการแซง ถ้าคุณขับ BMW M2 หรือ Audi TT หรือรถพลังสูงทั้งหลาย คงไม่ต้องทำอะไรมาก รถพวกนี้ใช้เวลาแค่ 3-4 วินาทีก็เร่งจาก 80 ไปถึง 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้แล้ว แต่ถ้าคุณขับรถอีโคคาร์ หรือรถกระบะที่บรรทุกหนัก ก็ต้องเลือกให้ถูกว่าจะใช้เกียร์ไหนที่จะแซงได้เร็วที่สุด โดยพิจารณาจากความเร็วที่ใช้อยู่ และความเร็วสูงสุดที่จะใช้แซง

2.2 – ในกรณีของอีโคคาร์ ซึ่งมีข้อเสียเปรียบเรื่องพละกำลัง คุณอาจใช้เกียร์โหมด Sport เพื่อช่วยเด้งรอบเครื่องขึ้นรอไว้ รถบางคันจะใช้วิธีผลักคันเกียร์จาก D ไป S และบางคันจะใช้วิธีกดปุ่มเล็กๆที่หัวเกียร์ ผลที่ได้คือรอบเครื่องจะไต่สูงขึ้น ช่วยลดระยะเวลาที่จะใช้แซงลงได้ แม้จะเสี้ยววินาทีก็สำคัญ เพราะคุณคงไม่อยากไปอยู่บนถนนผิดฟากนานๆหรอก

2.3 – สิ่งที่สำคัญก่อนเริ่มแซงอีกประการหนึ่งก็คือ ให้มองกระจกส่องหลัง ส่องข้าง ส่องทุกบาน ยกเว้นกระจกส่องแต่งหน้า แล้วตรวจสอบดูว่ารถที่อยู่ข้างหลังคุณกำลังเปลี่ยนเลนออกแซงอยู่หรือเปล่า และไม่ใช่แค่มองใกล้ๆ ต้องมองให้ไกล เพราะบางครั้งก็อาจมีรถที่เร่งแซงมาจากแถวหลังสุด และห้อมาเต็มกำลัง

สรุปขั้นตอนเตรียมแซง คือ เลือกเกียร์ให้ถูก (ในเกียร์ธรรมดา) หรือเลือกโหมดเกียร์ให้ถูก (ในเกียร์อัตโนมัติ) ยกเว้นในกรณีที่พื้นที่การแซงเหลือเฟือ ก็ไม่ต้องซีเรียสมาก ก่อนแซงเช็คด้านหลังก่อนเสมอว่าไม่มีใครกำลังพุ่งมา

ขั้นตอนที่ 3 – เร่งแซงและกลับเข้าเลน

3.1 – เข้าเกียร์หรือเตรียมจังหวะพร้อมสำหรับการเร่งแซง

3.2 – เปิดไฟเลี้ยวขวา เพื่อให้สัญญาณ มองกระจกส่องหลังเช็คเป็นครั้งสุดท้ายว่าไม่มีรถกำลังแซงช้อนมาจากข้างหลัง การเช็คกระจกมองหลังครั้งที่ 2 นี้ นอกจากจะทำเพื่อความรอบคอบแล้ว ยังเป็นการปล่อยช่วงเวลาให้รถคันหลังและหน้าได้เห็นไฟเลี้ยวของเราอย่างชัดเจนสัก 2-3 แต๊กก่อน

3.3 – เมื่อเช็คหลังว่าไม่มีรถพุ่งมา และจังหวะข้างหน้าโล่งพอ จึงเปลี่ยนเลนออกแล้วกดคันเร่งแซง ไม่ว่าคุณจะมีพื้นที่เหลือเยอะหรือน้อยขนาดไหน จำไว้ว่า เมื่อแซงออกมาแล้ว “คุณกำลังอยู่ในที่ที่ไม่ควรอยู่” ดังนั้นก็อย่าทำเป็นใจเย็นแซงแบบช้าๆเนิบๆเรื่อยๆโง่ๆ พยายามใช้กำลังเครื่องยนต์ให้เป็นประโยชน์ เร่งรถขึ้นหน้าคันที่ต้องการแซงให้เร็วที่สุด

3.4 – เมื่อคุณอยู่ใน “ที่ที่ไม่ควรอยู่” อย่าใจลอยหรือเพลินไปกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ ตาของคุณตอนนี้ต้องเปรียบเสมือนเซ็นเซอร์ชั้นยอดที่ตรวจจับทางข้างหน้า มองหารถ มอเตอร์ไซค์ เด็ก วัว ควาย และคนที่อาจจะขับรถแบบควายๆ ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างคุณกำลังแซงอยู่ เกิดมารถคันหนึ่งเปลี่ยนเลนออกมาแซงโดยไม่ได้ระวังว่าคุณกำลังพุ่งมา ต้องคิดไว้เสมอว่า มีพื้นที่ให้หลบหรือไม่ ถ้าจู่ๆมีรถเลี้ยวออกจากซอยมากระทันหัน คุณจะหลบไปช่องไหน

ถนนสายนั้นอาจมีการจำกัดความเร็ว แต่ถ้าคุณสมาธิกับสายตาแคบ ไม่สามารถมองทางกับเข็มความเร็วพร้อมกันได้ ให้เลิกสนหน้าปัด แล้วเพ่งสมาธิไปที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า แซงให้จบ ตบเข้าให้ไว แต่ไม่ปาดหน้ากระชั้นชิด ใบสั่งความเร็วเกินกำหนดอาจหลายร้อยบาท แต่ถ้ามีอุบัติเหตุ รถเสียหาย ค่าซ่อมคนและรถ แพงกว่าใบสั่งมาก

3.5 – หากมีรถสวนมาในจังหวะที่คุณแซง ให้เปิดไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อเป็นการบอกรถที่สวนมาว่า “ผมเห็นคุณแล้ว และผมกำลังแซงและพยายามกลับเข้าเลน” ฟังดูไม่สำคัญแต่เป็นมารยาทที่ดีในการปฏิบัติ และพยายามชิดเลนเข้ามาฝั่งซ้ายให้มากพอที่รถฝั่งสวนมาจะมีที่หลบได้พอในกรณีฉุกเฉิน

3.6 – กลับเข้าเลนตัวเองให้ไวโดยไม่ต้องปาดเข้าในระยะกระชั้นชิด วิธีที่จะเข้าเลนได้อย่างปลอดภัยก็คือ คุณต้องมองกระจกส่องข้างฝั่งคนนั่งแล้วมองเห็นรถคันที่คุณแซงครบทั้งคันก่อน บางคนรีบตบเข้ามากเกินไปเพราะตื่นเต้น กลายเป็นปาดหน้า จะพาลให้มีเรื่องเป็นดาราหน้ากล้องติดรถ

จำไว้ว่า ตัวเราเองนั้นอาจใช้เวลาคิดและออกคำสั่งกับรถภายในเสี้ยววินาที แต่สำหรับคนอื่นๆบนท้องถนน พวกเขาต้องการเวลาที่จะสังเกตว่าคุณจะทำอะไร จะพุ่งไปทางไหน ซึ่งบางคนใช้เวลา 1-2 วินาที บางคนก็ช้ากว่านั้น แต่ประเด็นสำคัญคือคนอื่นๆต้องเห็นและมีเวลาพอที่จะบังคับรถเลี่ยงไม่ให้ชนกับคุณ ไฟเลี้ยว และอาการขยับของรถ เป็นตัวบ่งชี้ได้ดี ดังนั้นแม้การเร่งแซงที่ไวจะเป็นเรื่องดี แต่เวลาจะฉีกออก หรือจะตบเข้าเลน ต้องเผื่อคนอื่นให้ตั้งตัวทันด้วย

สรุปขั้นตอนระหว่างแซง -> เปิดไฟเลี้ยว แล้วเช็คกระจกหลังให้ปลอดรถพุ่งมา จากนั้นแซงให้ไว และกลับเข้าเลนโดยไม่ปาดหน้ารถคันที่เราแซงมา ระหว่างแซงต้องคิดเสมอว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ มองหาช่องทางเสียบกลับเลนหรือหลบหลีกให้ดี

เรื่องอื่นๆที่พึงจำ

  • เวลาแซงรถใหญ่ หรือรถตู้ทึบ อย่าขับจี้รถคันหน้าเพราะจะทำให้รถคันข้างหน้าบังทางจนมองเห็นได้น้อยลง การจะแซงรถพวกนี้ให้ปลอดภัย คุณต้องเว้นระยะห่างจากท้ายรถคันหน้ามากขึ้น (บางคนบอกว่าถ้าเว้นระยะมาก ก็เปลืองเวลาตอนแซง..ไม่เถียง แต่การแซงที่ดี เริ่มต้นด้วยการเห็นทางที่จะไปได้อย่างเคลียร์ก่อนเสมอถูกไหมครับ)
  • ถ้าคุณยังขับออกต่างจังหวัดไม่เก่ง เวลาเห็นรถวิ่งสวนมาไกลๆลิบๆ ลองฝึกหัดนับ 1..2..3..4 ในใจว่า เมื่อรถอยู่ในระยะไกลขนาดนั้น กว่าจะพุ่งเข้ามาผ่านตัวเรา ใช้เวลากี่วินาที ถูกล่ะ รถที่สวนมาแต่ละคันวิ่งเร็วไม่เท่ากันเสมอไป เวลาที่นับได้ก็จะไม่เท่ากันเสมอไป แต่การฝึกนับแบบนี้หลายๆครั้งจะช่วยให้คุณมีทักษะในการตัดสินใจแซง/ไม่แซง ได้ดีขึ้น
  • ในขณะขับขี่ปกติบนทางด่วนหรือถนนที่ปลอดภัย มีหลายเลน พยายามฝึกการ “สั่งรถให้เร่งความเร็วตามต้องการ” ลองหารถช้าๆเลนซ้าย วิ่งตามห่างๆ แล้วทดลองแซงรถช้า จากความเร็วต่างๆ เช่น 50, 60 หรือ 80 และกดคันเร่งด้วยความลึกระดับต่างๆเช่น ครึ่งคันเร่ง, คันเร่ง 70% หรือกด 100% เมื่อทำบ่อยๆ คุณจะเรียนรู้วิธีการสั่งรถให้พุ่งไปข้างหน้า/แรงหรือเบาได้ตามต้องการ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการแซงอย่างปลอดภัย และรู้ว่าพื้นที่ในการแซงยาวหรือสั้นขนาดไหน ต้องกดคันเร่งมากเพียงใด
  • ถ้าคุณขับรถเกียร์ธรรมดา ให้ลองแซงแต่ละช่วงความเร็วด้วยเกียร์ต่างๆ เช่นเกียร์ 3 จาก 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือเกียร์ 4 จาก 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อถึงเวลาแซงจริง จะได้ทราบว่าควรใช้เกียร์ไหน นอกจากนี้ถ้าจะให้เจ๋ง ควรจำไว้ด้วยว่าในแต่ละเกียร์มันสามารถลากความเร็วสูงสุดออกมาได้เท่าไหร่ ลอง Google คำว่า Preview อัตราเร่ง [ตามด้วยยี่ห้อและรุ่นของรถ] คุณอาจพบข้อมูลที่ทางเว็บไซต์เราทำไว้ (headlightmag.com) ซึ่งหลายรุ่น เราจะมีการระบุความเร็วและรอบสูงสุดสำหรับแต่ละเกียร์ไว้ให้
  • พยายามเรียนรู้การตอบสนองพวงมาลัยของรถตัวเองว่าหักแรง/มากเท่าไหร่ รถจะเลี้ยวมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากประเทศไทยไม่มีสนามทดสอบยาวๆที่ประชาชนส่วนมากเข้าถึงได้ คุณอาจจะต้องยอมนอนดึกมากๆ ออกวิ่งบนทางด่วน ใช้ความเร็วไม่ต้องเกินกฎหมายกำหนด จะ 90 หรือ 100 ก็ได้ แล้วก็เช็คกระจกมองหลังให้ดี อย่าไปทำให้คนอื่นตกใจ จากนั้น ลองเปลี่ยนเลนแบบช้าๆ เมื่อเสร็จแล้ว ก็ลองเปลี่ยนเลนโดยหักพวงมาลัยเร็วขึ้นทีละนิด จนรับรู้และจดจำได้ว่าในความเร็วระดับนั้น คุณควรหักพวงมาลัยมากแค่ไหน เพื่อหักหลบกรณีฉุกเฉินได้โดยไม่เสียหลักตกข้างทาง อย่ารีบร้อนหักพวงมาลัยเร็วๆแต่แรก ให้มันค่อยเป็นค่อยไป และต้องเช็คกระจกมองหลังก่อนเปลี่ยนเลนเสมอ

หลายอย่างที่ผมได้แนะนำไป อาจฟังดูแปลก หรือขัดต่อความรู้สึกของคนหลายคน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องการแซง vs กฎหมายความเร็ว (คนเคารพกฎหมาย ก็จะบอกว่าผมยุให้คนทำผิดกฎหมาย แต่ถ้าผลของการเคารพกฎหมายคือชีวิต คุณก็ต้องเลือกสิ่งที่ทำให้คุณเสียหายน้อยกว่า) หรือการให้ลองฝึกควบคุมอัตราเร่งและการเปลี่ยนเลนบนถนนหลวง (ซึ่งหลายคนบอกว่าทำไมไม่ไปลองในสนามแข่ง ซึ่งถ้าบ้านคุณอยู่บุรีรัมย์ พัทยา แก่งกระจาน หรือนครชัยศรี ก็คงสามารถลองได้บ่อยๆเท่าที่ต้องการ แต่ผมเชื่อมั่น ว่าการขับรถที่ดี ต้องเกิดจากทักษะที่เพิ่มพูน คุณจะมีโอกาสรอดมากขึ้นถ้าสามารถฝึกตัวเองจนสั่งการรถได้อย่างสมบูรณ์)

การที่ใครจะขับช้าบนท้องถนน เราคงไม่สามารถไปบังคับพวกเขาทุกคนได้ และการทำถนนให้เป็น 4 เลนทั่วทั้งประเทศ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก กว่าจะเสร็จคุณและผมก็อาจตายไปแล้ว ลูกหลานของเราอาจจะตายไปแล้ว ดังนั้น ถ้าคุณคิดจะขับรถทางไกล การแซงเป็นสิ่งที่คุณเลี่ยงได้ยาก ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องฝึกทำให้ร่างกายสามารถจดจำขั้นตอนที่ถูกต้องและปฏิบัติได้อย่างแม่นยำทุกครั้ง

ผมไม่เคยบอกว่าการขับรถนั้นเป็นเรื่องง่าย คุณรับผิดชอบชีวิตคุณเองและทุกคนในรถ รับผิดชอบชีวิตคนอื่นที่สัญจรอยู่ใกล้ๆรถของคุณด้วยเช่นกัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย คุณต้องมีทักษะ รู้จักถนน รู้จักรถ ตัดสินใจรวดเร็วแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยเป็นสำคัญ

พวกเราต้องขับรถโดยล้มเลิกวิธีคิดแบบคนโลกแคบที่ไม่พัฒนาฝีมือตัวเองแล้วยังมาเรียกร้องน้ำใจจากคนอื่นๆ หรือพวกที่ขับรถแบบกลับได้ ไปถึง แต่ทำคนอื่นเดือดร้อนกันตลอดทาง

คุณอยากให้คนอื่นขับรถแบบไหนในสายตาคุณ..คุณเองแหละครับ..ที่ต้องขับแบบนั้นให้ได้ก่อน

 


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม :
www.arrivealive.co.za
www.thecarexpert.co.uk
www.drivingtests.co.nz

 

Pan Paitoonpong
สงวนลิขสิทธิ์ บทความ และภาพถ่ายรูปที่เป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
24 สิงหาคม 2017

Copyright (c) 2017 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole without permission
is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com

24 August 2017