เพิ่งจะมีข่าวความเคลื่อนไหวรายงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานี้เอง แต่ล่าสุด Porsche ค่ายรถยนต์สปอร์ตแห่งเมืองสตุดการ์ด
ก็พร้อมเปิดตัว 2014 Porsche 911 Turbo/Turbo S เมื่อไม่กี่ชม.ที่ผ่านมานี้ ก่อนจะนำไปโชว์โฉมอย่างเป็นทางการ
ในงานแสดงรถยนต์ 2013 Frankfurt Motor Show เดือนกันยายนนี้

alt
alt

และเป็นไปตามข่าวลือที่ผ่านมา ว่าขนาดตัวถังในเวอร์ชันเทอร์โบทั้ง 2 รุ่นจะมีความเปลี่ยนแปลงด้านขนาดตัวถังเล็กน้อย
เพราะมีการเพิ่มความยาวจากรุ่นปกติ 40 มม. เป็น 4.49 ม. เพิ่มความกว้างจากรุ่น Carrera 4 อีก 28 มม. และเพิ่ม
ระยะฐานล้อหน้า-หลังอีก 100 มม. เป็น 2,450 มม. และความกว้างฐานล้อหน้า-หลังก็กว้างมากขึ้นเช่นเดียวกัน

โดยทั้งรุ่น 911 Turbo และ Turbo S มาพร้อมกับการสวมล้ออัลลอยขนาดโต 20 นิ้ว และพิเศษสำหรับรุ่น Turbo S
มีการติดตั้งฝาดุมล้อแบบล็อกมาให้ อีกทั้งยังใช้โคมไฟหน้าและ Daytime Running Light แบบ LED ทั้งโคม พร้อมระบบ
กล้องช่วยปรับลำแสงสูง-ต่ำอัตโนมัติ (เป็นออพชันเสริมในรุ่น Turbo) พร้อมการติดตั้งสปอยเลอร์หลังกางออกอัตโนมัติ
ได้ 3 ระดับ รวมถึงสามารถติดตั้งปีกด้านหลังแบบปรับตั้งได้ 3 ระดับได้อีกด้วย และพิเศษสุดสำหรับ 911 Turbo S ที่มี
ระบบสปอยเลอร์หน้าแบบกางออกอัตโนมัติด้วยเช่นกัน

alt

ส่วนขุมพลัง ก็เป็นไปตามการรายงานก่อนหน้าเช่นกัน เพราะเป็นการใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนอน พร้อมเทอร์โบ ขนาด 3.8 ลิตร
ที่สร้างกำลังได้มากถึง 520 แรงม้าในรุ่น 911 Turbo และ 560 แรงม้าในรุ่น Turbo S ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ
คลัทช์คู่ PDK 7 จังหวะ พร้อมระบบ Auto Start/Stop ที่ช่วยให้เพิ่มความประหยัดน้ำมันมากกว่ารุ่นก่อนถึง 16% จน
มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 10.3 กม./ลิตร

โดยในรุ่น 911 Turbo พร้อมแพคเกจ Sport Chrono จะสามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.2 วินาที
และในรุ่น 911 Turbo S จะสร้างตัวเลขได้เร็วขึ้นเป็น 3.1 วินาที และจะมีความเร็วสูงสุด 318 กม./ชม. ในทั้ง 2 รุ่น

ด้านระบบช่วงล่างและบังคับเลี้ยว 911 Turbo/Turbo S มาพร้อมกับระบบบังคับเลี้ยวแบบ 4 ล้อ ช่วยทำให้การเข้าโค้ง
ทำได้แม่นยำและเร็วมากขึ้น จนสามารถทำรอบเวลาในสนาม Nürburgring ได้ต่ำกว่า 7:30 นาทีเลยทีเดียว (ใกล้เคียงกับ 911 GT3)

alt

การออกจำหน่ายในยุโรปของ 2014 Porsche 911 Turbo/Turbo S จะเริ่มต้นในเดือนกันยายนนี้ พร้อมๆกับการ
โชว์ตัวอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน ส่วนในประเทศไทยคาดว่าจะตามมาภายในปลายปีนี้เป็นอย่างเร็วที่สุดครับ