IIHS หน่วยงานเกี่ยวกับความปลอดภัยบนท้องถนน ได้ทำผลสำรวจเรื่องการคาดเข็มขัดนิรภัยด้านหลัง ซึ่งผลที่ได้ถือว่าไม่น่าแปลกใจเท่าไรนักที่พบว่า ยังมีผู้ตอบแบบสอบถาม ยอมรับว่าไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่โดยสารเบาะหลัง โดยให้เหตุผลว่านั่งข้างหลังปลอดภัยกว่านั่งข้างหน้าอยู่แล้ว, อึดอัด, ไม่ได้ไปไหนไกล หรือใช้รถยนต์สาธารณะเลยลืมคาด
IIHS ได้ทำผลสำรวจเกี่ยวกับประวัติการคาดเข็มขัดนิรภัยย้อนหลัง 6 เดือน โดยเก็บข้อมูลระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2016 และ มีผู้ตอบแบบสอบถามที่อายุเกิน 18 ปี เป็นจำนวน 1,172 คน สำหรับตัวเลขทางสถิติที่น่าสนใจ มีรายละเอียดแบ่งตามหัวข้อดังนี้
สถิติการคาดเข็มขัดนิรภัย
- ร้อยละ 91 คาดเข็มขัดทุกครั้งที่นั่งเบาะหน้า แต่มีร้อยละ 72 เท่านั้น ที่คาดเข็มขัดทุกครั้งที่นั่งเบาะหลัง
- กลุ่มคนอายุระหว่าง 35 – 54 ปี เป็นกลุ่มช่วงอายุคนที่คาดเข็มขัดนิรภัยด้านหลังน้อยที่สุด โดยคิดเป็นร้อยละ 66 ของคนในกลุ่ม ต่างกับกลุ่มคนอายุ 55 ปีขึ้นไป และกลุ่มคนระหว่าง 18 – 34 ปี ที่คิดเป็นร้อยละ 76 และ 73 ของคนในแต่ละกลุ่ม ตามลำดับ
- ร้อยละ 74 ระบุว่าคาดเข็มขัดนิรภัยด้านหลังในรถยนต์ส่วนตัว แต่ตัวเลขนี้กลับลดลงเหลือร้อยละ 57 เมื่อเปลี่ยนเป็นรถยนต์สาธารณะ
- ผู้หญิงมีอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยด้านหลัง มากกว่าผู้ชาย
- คนที่มีระดับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย มีอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยด้านหลังมากกว่า คนที่มีการศึกษาน้อยกว่า
สาเหตุที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยด้านหลัง
- ร้อยละ 40 ระบุว่าเพราะไม่ผิดกฎหมาย
- หนึ่งในสี่ เชื่อว่าเบาะหลังปลอดภัยกว่า
- รองลงมาคือ ไม่ได้ทำจนเป็นนิสัย หรือลืมไปเลยว่าควรใช้
- ร้อยละ 12 ระบุว่าไม่สะดวกสบาย
- ร้อยละ 10 ระบุว่าใช้งานยาก หรือหาเข็มขัดนิรภัยด้านหลังไม่เจอ
ทำอย่างไรให้มีอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยด้านหลังมากขึ้น
- 2 ใน 3 ระบุว่า ให้ผู้ผลิตรถยนต์ติดตั้งสัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ในเบาะทุกตำแหน่ง
- ร้อยละ 60 ระบุว่า ให้มีกฎหมายบังคับ
- มากกว่าร้อยละ 50 ระบุว่า ให้ปรับปรุงเข็มขัดนิรภัยด้านหลังให้มีสัมผัสที่นิ่มขึ้น หรือปรับระดับสูง – ต่ำได้ เนื่องจากบางรายประสบปัญหาเข็มขัดนิรภัยพาดคอ
IIHS ระบุว่า มีผู้โดยสารหลายรายที่คิดว่าการที่ตนไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริงเลย เพราะในกรณีที่เกิดการชนด้านหน้า ร่างของผู้โดยสารที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยด้านหลัง อาจลอยมากระแทกกับคนขับผู้โดยสารด้านหน้าอย่างแรง จนอาจทำให้คนที่โดนกระแทกเสียชีวิตได้ แม้จะคาดเข็มขัดนิรภัยอยู่ก็ตามที
นอกจากนี้ IIHS ยังเปิดเผยสถิติที่เกี่ยวข้องกับการคาดเข็มขัดนิรภัยที่น่าสนใจว่า รถยนต์ที่ติดตั้งเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย มีอัตราผู้เสียชีวิตน้อยกว่าจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ไม่มีระบบดังกล่าว พร้อมกับระบุว่าในปี 2015 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ในประเทศสหรัฐฯ เพราะไม่คาดเข็มขัดนิรภัยถึง 2,800 ราย
อย่างไรก็ตาม IIHS เปิดเผยว่าในปี 2015 มีรถยนต์เพียง 3% ของรถยนต์ทั้งหมดที่ออกจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ ที่มีระบบติดตั้งระบบดังกล่าวสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้เพิ่มขึ้นนักในปัจจุบัน
ดังนั้นการปลูกฝังการคาดเข็มขัดนิรภัยไม่ว่าจะโดยสารในตำแหน่งใดของรถยนต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะให้ทุกคนปลอดภัย
ในประเทศไทยเริ่มบังคับใช้กฎหมายที่ระบุให้ผู้โดยสารทุกตำแหน่งคาดเข็มขัดนิรภัยไปในเดือนเมษายนที่ผ่าน แต่ถ้าใครยังสงสัยอยู่ว่าจำเป็นด้วยหรือ ?? เราขอเชิญชมคลิปวีดีโอจำลองผลลัพธ์ของผู้โดยสารตอนหลัง ขณะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในระหว่างที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยได้ข้างล่างนี้เลย ว่าจะเป็นอย่างไร
ที่มา: IIHS