แนวคิดรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าในล้อของรถยนต์นั้นเห็นกันได้บ่อยในรถยนต์ต้นแบบมานานแล้ว แต่น้อยครั้ง
ที่เราจะเห็นความคืบหน้าของการพยายามพัฒนาให้ใช้ได้ในรถยนต์ที่ขายจริง วันนี้ Ford ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติมะกัน ได้
เริ่มเคลื่อนไหวให้ได้เห็นความเป็นไปได้จริงของแนวคิดนี้แล้ว ด้วยการเปิดตัวรถโปรโตไทป์ Ford Fiesta eWheelDrive
ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ระบบวิศวกรรมของตัวรถล้วนๆ
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูไม่แตกต่างจาก Ford Fiesta รุ่นปรับโฉมที่ขายทั่วโลก แต่ภายใต้ตัวถังนั้นคือความแตกต่าง
โดยสิ้นเชิง เพราะนอกจากจะเป็นการเปลี่ยนมาใช้ขุมพลังไฟฟ้าแทนเครื่องยนต์สันดาปทั่วไปที่จำหน่ายอยู่ในขณะนี้ รถยนต์
คันนี้ยังเปลี่ยนจากระบบขับเคลื่อนล้อหน้า มาเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยการติดตั้งชุดขุมพลังไฟฟ้าภายในวงล้อคู่หลัง
ซึ่งควบรวมทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบเบรก และระบบหล่อเย็นด้วยน้ำอยู่ในชุดเดียวกัน ซึ่งตัวมอเตอร์ทั้ง 2 ชุดสามารถสร้าง
กำลังได้รวมสูงสุด 110 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดได้สูงถึง 700 นิวตัน-เมตรเลยทีเดียว
และผลจากการติดตั้งชุดขับเคลื่อนในดุมล้อ สามารถทำให้ออกแบบแพคเกจตัวรถได้กะทัดรัดมากขึ้น เพราะไม่ต้องเสียพื้น
ที่ให้กับชุดขุมพลังในด้านหน้าของตัวรถอีกต่อไป จน Ford กล่าวว่า ระบบ eWheelDrive สามารถพัฒนารถยนต์ 4 ที่นั่ง
ที่มีขนาดตัวรถเล็กเท่ากับรถยนต์ 2 ที่นั่งในปัจจุบันได้
โดยระบบขับเคลื่อน eWheelDrive นี้ เป็นผลของการร่วมพัฒนาของศูนย์วิจัย Ford ในยุโรป และ Schaeffler กลุ่มบริษัท
ผู้มีความชำนาญด้านลูกปืนล้อในวงการรถยนต์ เครื่องบิน และอุตสาหกรรมหนักอันดับต้นๆในยุโรป เพื่อช่วยรังสรรค์เทคโนโลยี
ขุมพลังไฟฟ้าในดุมล้อรถยนต์ขนาดเล็กได้สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดมิติของการพัฒนารถยนต์สำหรับยุคหน้าอย่างแท้จริง
ที่จะมีความกะทัดรัด ความปลอดภัย และปราศจากการปล่อยมลพิษ มากไปกว่านั้น ด้วยระบบ eWheelDrive นี้ ยังสามารถ
ทำให้รถยนต์บังคับเลี้ยวได้ทั้ง 4 ล้อ เพื่อความคล่องตัวมากยิ่งขึ้นสำหรับการขับขี่ในเมืองอีกด้วย