ปัจจุบัน Toyota เดินหน้าพัฒนาระบบ Hybrid ซึ่งเป็นการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ติดตั้งอยู่ในรถหลายต่อหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Corolla, Camry, C-HR, Vellfire, Voxy, Noah ฯลฯ และ รุ่นหลักสำคัญอย่าง Prius เมื่อมีคำถามว่า แล้วมีแผนจะพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเป็น Diesel Hybrid หรือไม่ ก็มีคำตอบจากผู้บริหารของ Toyota ออกมาดังนี้

Shizuo Abe ผู้ดำรงตำแหน่งของ Executive General Manager ของ Toyota เปิดเผยว่า ทั้งเครื่องยนต์ดีเซล และ ระบบ Hybrid ต่างก็ยังคงมีต้นทุนที่สูงทั้งคู่ ดังนั้นเมื่อนำสองสิ่งนี้มารวมกัน ย่อมทำให้ต้นทุนสูงมากกว่าปกติแน่นอน ยิ่งทำให้การตั้งราคาขายที่เหมาะสม เพื่อแข่งขันในตลาดเป็นไปได้ยาก

Abe จึงระบุว่าขอเวลาหาหนทางในการควบคุมต้นทุน จนลงมาอยู่ในระดับที่ผู้บริโภครับได้เสียก่อน ถึงจะได้เห็นเทคโนโลยีดังกล่าวในตลาด สำหรับ Toyota

Toyota ยังคงเดินหน้าพัฒนาระบบ Hybrid และ Plug-in Hybrid อย่างต่อเนื่อง โดย Abe มองว่ารถยนต์ตระกูล Hybrid นี้ เป็นรถยนต์พลังงานทางเลือกที่ตอบโจทย์ลูกค้าในอนาคตมากที่สุด เนื่องจากสามารถชาร์จไฟที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ เมื่อไฟฟ้าในระบบหมด ก็ยังใช้เครื่องยนต์ในการสร้างพลังงานไฟฟ้าได้ ต่างจากรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ต้องใช้เวลาในการชาร์จ ต่อให้มีสถานี Quick Charge ที่ช่วยลดเวลาชาร์จไฟ แต่ต้องแลกด้วยต้นทุนสูงในการก่อสร้าง

Abe ยังกล่าวด้วยว่า ก่อนที่รถยนต์ไฟฟ้าจะแพร่หลาย ต้องมีการเตรียมสาธารณูปโภคให้พร้อมเสียก่อน Toyota จึงจะส่งรถยนต์ไฟฟ้า EV ลงสู่ตลาดในอนาคต

นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะขยายจำนวนรุ่นรถยนต์ Hybrid จากที่มีอยู่ 15% ใน line-up รถยนต์ทั้งหมด กลายเป็นมีขุมพลัง Hybrid ให้เลือกกันทุกรุ่น

โดยขุมพลัง Hybrid ล่าสุดของ Toyota ปรากฎอยู่ใน All NEW Camry Generation ที่ 8 มีชื่อเรียกว่า Dynamic Force Hybrid THS II (Toyota Hybrid System II)

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร 2,487 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 87.5 x 103.4 มิลลิเมตร ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตร ที่ 3,600 – 5,200 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 202 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังสูงสุดรวม 211 แรงม้า (PS) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion มีการย้ายตำแหน่งจากท้ายรถ มาไว้ที่ใต้เบาะนั่งด้านหลังแทน เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ และ ทำให้จุดศูนย์ถ่วง บาลานซ์ตัวรถดีขึ้น

สำหรับรุ่น Plug-in Hybrid ก็จะปรากฎอยู่ใน Toyota Prius Prime

รหัส 2ZR-FXE DOHC 4 สูบแถวเรียง Atkinson cycle 16 วาล์ว VVT-i ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Ni-MH รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT

แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ขนาด 8.8 kWh ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า ทำให้ Prime รุ่นนี้สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนเป็นระยะทางไกลสูงสุดเป็นระยะทาง 35 กิโลเมตรซึ่งมากกว่ารุ่นเดิมถึง 2 เท่าเช่นกัน สำหรับความเร็วสูงสุดในการวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน EV Mode อยู่ที่ 134 กิโลเมตร/ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Solar Roof สามารถเปลี่ยนแสงแดดให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้ามาเก็บไว้ในแบตเตอรี่ นำมาจ่ายไฟให้กับระบบไฟต่างๆภายในรถยนต์, กระจกไฟฟ้า และ ระบบปรับอากาศ

 

ที่มา: thedetroitbureau