ประเทศไทย เป็นประเทศที่ 3 ของโลก ที่มีสนามทดสอบของ Honda ต่อจากประเทศญี่ปุ่น และ สหรัฐอเมริกา สนามทดสอบแห่งใหม่นี้ ใช้สำหรับการทดสอบรถยนต์ และ รถจักรยานยนต์ โดยจะมีการทดสอบในหลายรูปแบบ เช่น การควบคุมรถ การทรงตัว และสมรรถนะโดยรวม ได้รับการออกแบบมาสำหรับภูมิภาคเอเชีย และ โอเชียเนียโดยเฉพาะ เพื่อนำผลทดสอบไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะจำหน่ายในภูมิภาคนี้ ด้วยเงินลงทุน 1,700 ล้านบาท
สนามทดสอบ Honda R&D Asia Pacific จ. ปราจีนบุรี ประเทศไทย
- เงินลงทุน : 1,700 ล้านบาท
- ที่ตั้ง : สวนนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี
- พื้นที่ : ที่ดินทั้งหมด 500 ไร่ (ประมาณ 800,000 ตารางเมตร)
- ความยาวรวมของสนามทดสอบ : 8 กิโลเมตร
- พิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้าง : 9 พฤศจิกายน 2558
- พิธีเปิดสนามทดสอบ : 20 กรกฎาคม 2560
สนามทดสอบ Honda R&D Asia Pacific ปราจีนบุรี แห่งนี้ ประกอบด้วยสนามทดสอบที่จำลองสภาพถนน และ ลักษณะภูมิประเทศในรูปแบบต่างๆ 8 สนาม ซึ่งแบ่งเป็นสนามทดสอบรูปแบบต่างๆ ดังนี้
1. สนามทดสอบรูปวงรี (Oval Course)
สนามทดสอบรูปวงรีความยาว 2.18 กิโลเมตร ใช้ทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ในขณะขับด้วยความเร็วสูง รวมถึงการทดสอบอื่นๆ เช่น ระดับเสียงของลมที่เข้ามาในห้องผู้โดยสาร และ การควบคุมพวงมาลัย
2. สนามทดสอบทางโค้ง (Winding Course)
สนามทดสอบทางโค้งความยาว 1.38 กิโลเมตร ใช้ทดสอบสมรรถนะโดยทั่วไป รวมถึง การทดสอบประสิทธิภาพของระบบเบรก และการควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง สนามทดสอบทางโค้งนี้มีการจำลองถนนที่มีการขึ้น-ลง รวมมีทางโค้งทั้งหมด 17 โค้ง ที่มีรัศมีตั้งแต่ 15 เมตร ถึง 100 เมตร
3. สนามทดสอบไดนามิกส์ (Vehicle Dynamics Area)
สนามทดสอบที่เชื่อมต่อกับสนามทดสอบรูปวงรี ใช้ทดสอบการควบคุมการทรงตัวของรถ ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง และทดสอบประสิทธิภาพของการเบรก ขณะเข้าทางโค้งแบบหักศอก
4. สนามทดสอบที่มีน้ำท่วมขัง (Wet Course)
สนามทดสอบที่จำลองสภาพถนนที่เปียกและลื่น ใช้ทดสอบผลกระทบของน้ำท่วมขังที่มีต่อสมรรถนะของรถยนต์ แบ่งเป็นถนน 3 ประเภท ได้แก่
- Pool Road สามารถปรับระดับความลึกของน้ำได้ตั้งแต่ 0 – 1,000 มิลลิเมตร เพื่อจำลองสถานการณ์น้ำท่วม โดยเป็นการทดสอบการกันน้ำและผลกระทบต่อห้องเครื่องยนต์
- Splash Road
- Wet Brake Road
5. สนามทดสอบสภาพพื้นผิวถนนในรูปแบบต่างๆ (Ride Road Course)
สนามทดสอบนี้จำลองสภาพพื้นผิวถนนของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ใช้ทดสอบสมรรถนะทั่วไปบนพื้นผิวถนนที่แตกต่างกัน โดยมีถนนลักษณะต่างๆ ถึง 8 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่
- ถนนคอนกรีต (Concrete Highway) เพื่อทดสอบระดับเสียงที่เข้ามาในตัวรถขณะรถวิ่ง
- ถนนยางมะตอย (Noise Road) เพื่อทดสอบระดับเสียงความถี่สูงที่เข้ามาในตัวรถขณะรถวิ่งบนพื้นผิวชำรุด
- ถนนลาดเอียง (Camber Road) เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถเมื่อวิ่งบนทางตรงที่ลาดเอียง
- ถนนหินกรวด (Cobblestone Road) เพื่อทดสอบระดับเสียงที่เข้ามาในตัวรถขณะรถวิ่งบนพื้นผิวที่ขรุขระ
- ถนนที่มีสิ่งกีดขวาง (Table Top Road) เพื่อทดสอบความรู้สึกขณะขับขี่บนพื้นผิวที่มีสิ่งกีดขวาง
- ถนนที่มีพื้นผิวต่างระดับ (Harshness Road) เพื่อทดสอบความรู้สึกขณะขับขี่บนถนนที่มีสภาพที่ไม่คาดคิด
- ถนนชนบทที่มีรูปแบบซับซ้อน (Suburban Complex Road) เพื่อทดสอบการทรงตัวของระบบช่วงล่าง และระดับการสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารขณะรถวิ่งบนถนนชนบทที่มีรูปแบบซับซ้อน
- ถนนทางเรียบในชนบท (Suburban Flat Road) เพื่อทดสอบการทรงตัวของระบบช่วงล่าง และระดับการสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารขณะรถวิ่งบนถนนทางเรียบในชนบท
6. สนามทดสอบที่มีพื้นผิวพิเศษ (Special Surface Courses)
สนามทดสอบนี้ได้รับการออกแบบและสร้างด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ เพื่อจำลองพื้นผิวถนนที่ขรุขระ ใช้ทดสอบความทนทานของช่วงล่างรถยนต์ โดยมีพื้นผิวถนนลักษณะต่างๆ ถึง 8 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่
- Salt Water Road
- Chipping Road
- Concrete Rough Road ถนนคอนกรีตที่มีพื้นผิวขรุขระ
- Dip
- Speed Breaker ถนนที่จำลองลูกระนาด
- Wavy Road
- Curb Bump Road
- Bump Road
7. สนามทดสอบทางลาดชัน (Slope Course)
สนามทดสอบทางลาดชัน ที่พื้นผิวถนนเอียง 23 องศา ใช้ทดสอบความแข็งแกร่งของเครื่องยนต์ และประสิทธิภาพของระบบเบรก
8. สนามทดสอบทางตรง (Straight Course)
สนามทดสอบทางตรงความยาว 1.2 กิโลเมตร ใช้ทดสอบอัตราการประหยัดน้ำมัน และ อัตราการเร่งความเร็วหลังจากออกตัว
โดยวัตถุประสงค์ของสนามทดสอบปราจีนบุรีแห่งนี้ จะมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ฮอนด้า เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในอนาคต