Hyundai-Kia เพิ่งจะเริ่มแก้เกมส์ตลาดรถยนต์สีเขียวได้สำเร็จหลังจากปล่อยให้ Toyota ทำตลาดขุมพลัง Hybrid ล่วงหน้าไป 20 ปี กลยุทธ์ที่น่าสนใจสำหรับ Hyundai-Kia ในการรุกตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกก็คือการแยกทำตลาดตัวถังต่างประเภทกัน Kia จะลุยตลาด SUV Hybrid ในชื่อ Kia Niro ส่วน Hyundai จัดหนักด้วย Ioniq ที่มาพร้อมขุมพลัง 3 ทางเลือก ได้แก่ Hybrid, Plug-in Hybrid และ EV

แต่ผลลัพธ์สุดท้ายกลายเป็นว่า Kia กลับประสบความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์เหนือกว่า Hyundai อย่างคาดไม่ถึง

เว็บไซต์ Wards Auto รายงานว่ายอดขาย Kia Niro : SUV Hybrid ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกันกับ Kia KX-3 ประจำเดือนกุมภาพันธ์ – มิถุนายน 2017 ในสหรัฐอเมริกาสูงถึง 12,676 คัน ในขณะที่ Hyundai Ioniq กลับมียอดขายแค่เพียง 4,881 คันในช่วงระยะเวลาเดียวกัน (หมายเหตุ : เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่มีการส่งมอบ Kia Niro และ Hyundai Ioniq เป็นครั้งแรก)

เท่ากับว่า Kia Niro มียอดขายเหนือกว่า Hyundai Ioniq มากถึง 3 เท่าตัวเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน Kia Niro ก็ยังมียอดขายเหนือกว่า Kia Optima Hybrid อีกด้วยซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดเพราะขนาดรถยนต์ Toyota Hybrid ในสหรัฐอเมริกามียอดขายที่ลดลงในภาพรวม แต่ Toyota RAV4 Hybrid และ Toyota Highlander Hybrid กลับมียอดขายช่วงครึ่งปีแรก 2017 เพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึง คือมีอัตราการเติบโตมากถึง 7.7% และ 201.3% ตามลำดับ

ส่วนรถยนต์นั่ง Toyota Hybrid ได้แก่ Avalon, Camry, Prius และ Prius C กลับมีอัตราส่วนยอดขายครึ่งปีแรก 2017 ลดลงถึง สองหลักเปอร์เซ็นต์

ความสำเร็จเล็ก ๆ ของ Kia Niro ในวันนี้เกิดจากการตัดสินใจเริ่มพัฒนารถยนต์ Dedicated Hybrid ที่ถูกทางเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
Steve Kosowski ผู้จัดการหน่วยวางแผนกลยุทธ์ระยะยาว Kia Motors อเมริกาเปิดเผยว่า Kia ไม่ต้องการสร้างรถยนต์พลังงานทางเลือกที่มีรูปลักษณ์เหมือน ๆ กับ Toyota Prius, Honda Insight, Hyundai Ioniq, Nissan Leaf และ Chevrolet Volt คือเป็นแค่รถยนต์นั่งที่มีบั้นท้ายลาดเอียงซึ่งผู้บริโภคไม่ได้ชื่นชอบกับดีไซน์ในลักษณะนี้เลย Kia จึงมองว่าควรจะสร้างรถยนต์พลังงานทางเลือกที่ผู้คนชื่นชอบและโดดเด่นในตลาดทั้งหมดจะดีกว่า

Kosowski ยังเผยอีกว่าเมื่อต้นปี 2012 ในที่ประชุมกับผู้บริหารใหญ่ที่เกาหลีใต้ก็มีการวิเคราะห์กันว่า รถยนต์ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงในรถยนต์นั่งมีอยู่เต็มตลาดไปหมด แต่สำหรับรถยนต์ประหยัดพลังงานประสิทธิภาพกับรถยนต์อเนกประสงค์ยังไม่ค่อยมีคนทำ ด้วยเหตุนี้ Kia จึงมองว่านี่คือโอกาสอันงามที่จะเจาะตลาดเข้าไป

Kia ตั้งเป้ายอดขาย Niro ในสหรัฐอเมริกาสูงถึง 3,000 คันต่อเดือนหรือมียอดขายประจำปีมากถึง 36,000 คัน ถือเป็นเป้าหมายที่สูงมากเมื่อเทียบกับ Toyota RAV4 Hybrid ที่ทำยอดขายในสหรัฐอเมริกาแค่เพียง 9,000 คันในปี 2016

แต่ Kia ก็มั่นใจว่า Niro จะมียอดขายประจำปี 2017 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ถ้าโรงงานเกาหลีใต้มีกำลังการผลิตมากกว่าที่เป็นอยู่

เมื่อมองย้อนกลับไปยังตลาดเกาหลีใต้ก็พบว่ายอดขาย Kia Niro ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2017 มียอดขายมากถึง 6,378 คันส่วนยอดขาย Hyundai Ioniq ในช่วงระยะเวลาเดียวกันกลับมียอดขาย 3,241 คัน

Kosowski ยังพูดติดตลกด้วยว่า น่าแปลกใจเหลือเกินที่ผู้ผลิตรถยนต์ non-premium ส่วนใหญ่กลับไม่มีทางเลือกขุมพลัง Hybrid ในรถยนต์เอสยูวีที่ตนเองมี ขณะที่แบรนด์รถยนต์พรีเมี่ยมกลับมีทางเลือกขุมพลัง Hybrid ในเอสยูวีหลายรุ่น

รถยนต์เอสยูวียังมีพื้นที่ในการทำตลาดขุมพลัง Hybrid, Plug-in Hybrid และ EV ได้อีกมากเนื่องจากมันมีเนื้อที่ให้ติดตั้งแบตเตอรี่ได้, น้ำหนักตัวรถจะเบาลงและผู้ผลิตยังสามารถเพิ่มราคาขายเพื่อครอบคลุมกับต้นทุนการผลิตได้

ที่มา : Wards Auto