โดยปกติแล้ว ถ้ามีรถยนต์รุ่นแห่งความหวังรุ่นใดเกิดอาการขายไม่ออกแล้วล่ะก็ ผู้บริหารทั้งหลายก็คงเต้นผ่าง ๆ เพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่น่าแปลกที่ Alfa Romeo ก็กำลังเผชิญปัญหา Alfa Romeo Giulia ขายไม่ดีเอาเสียเลย แต่ผู้บริหารกลับไม่รู้สึกว่านี่คือปัญหา!!
Reid Bigland ผู้บริหาร Alfa Romeo ระดับโลกกล่าวว่า ถึงแม้ยอดขาย Alfa Romeo Giulia จะไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควรเพราะมันมียอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกาเพียงแค่ 2,482 คันในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคมปี 2017 ขณะที่ Mercedes-Benz C-Class มียอดขาย 35,436 คัน, BMW 3-Series 22,548 คันและ Audi A4 15,379 คัน แต่พวกเขาไม่ได้มองว่ามันมีความผิดปกติอะไรนัก เพราะ Alfa Romeo เพิ่งส่งรถรุ่นใหม่หลังจากที่ห่างหายไปนานหลายปี จนเรียกว่าแทบจะเป็นหน้าใหม่สมรภูมิรถระดับนี้กันเลย
ยอดขายอาจจะหวังได้ยาก แต่เมื่อสำรวจสถิติต่าง ๆ กลับพบว่ามีความน่าสนใจเกิดขึ้น เมื่อ ผลการค้นหาทางออนไลน์, อัตราการเช่าซื้อและราคาคงเหลือ (ที่เป็นส่วนหนึ่งของราคาขายต่อ) แตกต่างจากคู่แข่ง
ลูกค้า Alfa Romeo Giulia ที่ซื้อด้วยระบบสินเชื่อมีอัตราส่วนเพียงแค่ 42% (หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่าลูกค้าซื้อด้วยเงินสดเป็นจำนวนมาก เป็นการบ่งบอกว่าลูกค้า Alfa Romeo น่าจะเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง) สวนทางกับค่าเฉลี่ยนดัชนีในอุตสาหกรรมที่พบว่าลูกค้าที่ซื้อรถยนต์หรูระดับนี้มักเป็นลูกค้าในระบบสินเชื่อมากถึง 69%
จากฐานข้อมูลของ ALG สำรวจพบว่า Alfa Romeo Giulia จะมีมูลค่าตัวรถคงเหลือสูงกว่า BMW 3-Series และ Mercedes-Benz C-Class ภายใน 3 ปี
Alfa Romeo Giulia อาจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อมียอดขายในเดือนพฤษภาคม 2017 แซงหน้า Jaguar XE ไปแล้วในสหรัฐอเมริกา
โดยสรุปว่าการกลับมาของ Alfa Romeo ในตลาดอเมริกาเหนือถือเป็นปรากฏการณ์ผลตอบรับของลูกค้าที่ยังคงมีความสนใจในแบรนด์นี้กันอยู่
ปัจจัยที่จะช่วยขยายยอดขาย Alfa Romeo ก็คือการขยายจำนวนดีลเลอร์ 184 รายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาซึ่งในดีลเลอร์จำนวน 57 รายก็ขาย Alfa Romeo และ Maserati ควบคู่กันไปด้วย โดยพวกเขาหวังว่าจะมีจำนวนดีลเลอร์มากถึง 215 รายภายในสิ้นปีนี้
ที่มา : Motor1