Toyota Aqua หรือ Toyota Prius C ที่เคยออกจำหน่ายบ้านเราเป็นช่วงเวลาสั้นๆด้วยการมาเป็นฐานะรถนำเข้า CBU เคาะราคา 1,390,000 บาท ณ ตอนนี้ได้ผ่านการ Minorchange อีกหนึ่งครั้งสำหรับตลาดญี่ปุ่น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงมีเพียงภายนอก และ ภายในเล็กน้อย สำหรับรุ่นย่อยทั้ง 4 รุ่น รวมไปถึงรุ่นย่อย Crossover ด้วย
ขุมพลังของ Toyota Aqua ยังคงเป็นขุมพลัง Hybrid เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร รหัส 1NZ-FXE ให้กำลังสูงสุด 74 แรงม้า (PS) ที่ 4,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 11.3 กก-ม. (111 นิวตันเมตร) ที่ 3,600 – 4,400 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 61 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 17.2 กก-ม. (169 นิวตันเมตร)
ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ส่งกำลังลงล้อคู่หน้า อัตราบริโภคเชื้อเพลิงในรุ่น L อยู่ที่ 38.0 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนรุ่นอื่นๆ ทำตัวเลขได้ 34.4 กิโลเมตร/ลิตร
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า Toyota Aqua มาพร้อมกับไฟหน้า-ไฟท้าย และกันชนหน้า-หลังแบบใหม่ ภายในเพิ่มหน้าจอแสดงผล MID แบบ TFT มาให้ในทุกรุ่นย่อย ทั้งยังมีการตกแต่งวัสดุภายใน รวมไปถึงเพิ่ม option ภายในหุ้มหนังสีครีมให้เลือกอีกด้วย ส่วนอุปกรณ์ปลีกย่อยในแต่ละรุ่น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
รุ่น L
ภายนอก
– กระจังหน้าสีวัสดุ
– ไฟหน้า Projector แบบ Halogen
– ล้อขนาด 15 นิ้วพร้อมฝาตบเต็มวง
– มีเฉดสีตัวถังให้เลือก 3 สี ประกอบไปด้วย สีขาว Super White II, สีเงิน Silver Metallic และสีดำ Black Mica
ภายใน
– พวงมาลัยยูรีเทนปรับระดับสูง-ต่ำได้
– เบาะผ้า
– พนักพิงศีรษะเบาะหน้าเป็นชิ้นเดียวกับตัวเบาะ
– กระจกหน้าต่างแบบมือหมุน
– กุญแจรีโมท
อุปกรณ์ความปลอดภัย
– ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
รุ่น S (อุปกรณ์ที่เพิ่มจากรุ่น L)
ภายนอก
– กระจังหน้าสีดำเงา
– มีเฉดสีตัวถังให้เลือก 13 สี ประกอบไปด้วย สีขาว Super White II, สีขาว Lime White Pearl Crystal Shine, สีเงิน Silver Metallic, สีเทาดำ Grey Metallic, สีดำ Black Mica, สีน้ำเงิน Blackish Swallowtail Glass Flake, สีแดง Super Red V, สีส้ม Orange Pearl Crystal Shine, สีเหลือง Yellow, สีเขียว Fresh Green Mica Metallic, สีฟ้า Clear Emerald Pearl Crystal Shine, สีน้ำเงิน Blue Metallic และสีม่วง Jewelry Purple Mica Metallic
ภายใน
– พวงมาลัยยูรีเทนปรับระดับสูง-ต่ำ และเข้า-ออกได้ พร้อมปุ่มควบคุมตกแต่งสีเงิน Silver
– เบาะผ้าแบบ Two-tone
– กระจกหน้าต่างไฟฟ้า
– กรอบแอร์สีดำเงา ตัดสีน้ำเงิน
– ฐานสวิตช์กระจกไฟฟ้าตกแต่งสีเงิน
– ตะขอแขวนของหลังเบาะคนขับ และด้านหลังของเบาะหลัง
รุ่น G (อุปกรณ์ที่เพิ่มจากรุ่น S)
ภายนอก
– มีเฉดสีตัวถังให้เลือก 13 สี เช่นเดียวกับรุ่น S พร้อมสี Two-tone ตัดสีตัวถังบริเวณขอบบน-ล่าง ของกระจังหน้า และกระจกมองข้าง 4 เฉดสี ประกอบไปด้วย สีแดง Super Red V + สีเทา Steel Blonde Metallic, สีน้ำเงิน Blackish Swallowtail Glass Flake + สีเทา Steel Blonde Metallic, สีขาว Lime White Pearl Crystal Shine + สีทองแดง Copper Metallic และสีขาว Lime White Pearl Crystal Shine + สีเหลือง Air Yellow
ภายใน
– พวงมาลัยหุ้มหนัง เดินด้ายคู่สีเงิน
– เบาะหนังสีดำ เดินด้ายคู่สีเงิน หรือเบาะกำมะหยี่เดินด้ายคู่
– ที่วางแขนฝั่งคนขับ
– ที่วางแก้วด้านหน้าขอบสีเงิน, มือเปิดประตูด้านในโครเมี่ยม และฐานเกียร์พร้อมฐานสวิตช์กระจกไฟฟ้าสีดำเงา
– Cruise Control
– Smart Entry พร้อมปุ่ม Push Start
อุปกรณ์ความปลอดภัย
– Toyota Safety Safe Sense C ประกอบไปด้วย ระบบเบรกอัตโนมัติ ที่ทำงานในช่วงความเร็ว 10 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง, ระบบแจ้งเตือนออกนอกช่องจราจรพร้อมช่วยปรับแต่งพวงมาลัย ทำงานในช่วงความเร็ว 50 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป, ระบบลดระดับไฟสูงอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
รุ่น Crossover (อุปกรณ์ที่เพิ่มจากรุ่น G)
ภายนอก
– กระจังหน้า, กันชนหน้า – หลัง
– แผ่นกันกระแทกใต้กันชนหน้า – หลัง,
– บังโคลน, โป่งซุ้มล้อ และราวหลังคา
– ล้อขนาด 16 นิ้ว
– มีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 13 สี เช่นเดียวกับรุ่น S และ รุ่น G
พร้อมสีพิเศษเฉพาะรุ่นสีเบจ Beige รวมเป็น 14 สี
ภายใน
– เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ผสมผ้าเดินด้ายคู่สีเทา
– ตัด Cruise Control ออก
– ตัด Smart Entry พร้อมปุ่ม Push Start ออกและเปลี่ยนเป็นกุญแจรีโมท
Toyota Aqua/ Prius C Minorchange พร้อมออกจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นเดือนหน้า โดยแต่ละรุ่นมีรายละเอียดราคา ดังนี้
– รุ่น L ราคา 1,785,240 เยน (ราว 535,000 บาท)
– รุ่น S ราคา 1,886,760 เยน (ราว 566,000 บาท)
– รุ่น G ราคา 2,062,800 เยน (ราว 618,000 บาท)
– รุ่น Crossover ราคา 2,062,800 เยน (ราว 618,000 บาท)
สำหรับ Toyota Prius C ที่เคยออกจำหน่ายในบ้านเรา ตั้งราคาขายไว้ที่ 1,390,000 บาท