จากบทความทดลองขับ Honda Civic Type R และ ภาคผนวกของ Civic Ino-mama ท้ายบทความ หลายคนที่อ่านบทความดังกล่าวแล้ว คงจะจำ Honda Civic คันที่ทำเป็นสีดำด้านกันได้ ที่ Honda กำลังพัฒนากันอยู่ โดย Civic คันสีดำด้านนี้ ยังคงใช้ พื้นตัวถัง (Platform) เดียวกันกับ Civic , CR-V รุ่นล่าสุด รวมทั้ง Accord รุ่นต่อไปที่มีกำหนดเปิดตัวในอเมริกาเหนือ ช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2017 นี้
วันนี้ Honda เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมออกมาว่า Civic Ino-mama คันดังกล่าวนำเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ และ เกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 8 จังหวะ จาก Acura CDX ซึ่งเป็น Crossover สำหรับประเทศจีนมาใช้แทนเกียร์อัตโนมัติ CVT ของเดิมเพื่อการทดสอบ
เกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 8 จังหวะลูกนี้ มาพร้อมกับ Torque Converter และคลัชต์แบบเปียก ทั้งยังมีขนาดเทียบเท่ากับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะทั่วไป ช่วยให้การถ่ายถอดกำลังดีขึ้นจากรุ่นเดิม 15% พร้อมกับประหยัดเชื้อเพลิงขึ้น 8%
นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงความแข็งแรงของ Dynamic Study ด้วยการเพิ่มความแข็งแรงพื้นรถยนต์อีก 57% และ ทนแรงบิดได้อีก 25% ช่วงล่างหน้า – หลังยังได้รับการปรับปรุงใหม่ พร้อมกับปรับจูนพวงมาลัยไฟฟ้า และ เบรกให้ตอบสนองดีขึ้นด้วย สำหรับตัวถังภายนอกยังได้รับการปรับปรุงตามหลักอากาศพลศาสตร์ให้ดีขึ้นอีก 14%
เนื่องจาก Civic Generation ที่ 10 นี้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่ามี Platform พื้นฐาน เดียวกับ CR-V Generation 5 รุ่นล่าสุด รวมทั้ง Accord Generation 10 ที่กำลังจะเปิดตัวในปลายปี 2017 นี้ ดังนั้นอาจจะมาปรากฎตัวได้ในรถหลายต่อหลายรุ่น
เนื่องจากอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาอยู่ เพราะฉะนั้น Accord Gen10 ที่กำลังจะเปิดตัว จะยังเป็นเครื่องยนต์ 1.5 Turbo จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT อยู่ และ เครื่องยนต์ 2.0 Turbo จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะลูกใหม่แทน ส่วน CR-V ก็พึ่งเปิดตัวไปด้วยเครื่องยนต์ 1.5 Turbo + CVT (ในตลาดอื่นๆ)
ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าเกียร์ Dual Clutch 8 จังหวะ และ พื้นฐานช่วงล่างใหม่นี้ อาจจะมาปรากฎตัวอยู่ใน Civic Minorchange ซึ่งมีทั้ง Civic Sedan / Civic Hatchback / Civic SI / Civic Type R ในอนาคตนี้ ต้องรอติดตามกันว่า Honda รุ่นแรกที่ออกขายจริงที่พัฒนาภายใต้แนวคิด Ino-mama (Drive as intended) นี้ จะเป็นรุ่นอะไรกันแน่
ที่มา : Honda , paultan
ภาคผนวก
Honda Civic “Ino-Mama” (“Drive As Intended”)
นอกจาก Civic Type R แล้ว ในงาน Honda Global Journalist Meeting 2017 ครั้งนี้ เราก็ได้พบกับ Honda Civic Sedan 4 ประตู คันหนึ่ง Wrap รอบคันด้วยสีดำด้าน มาจอดอยู่เคียงข้าง “พี่ขาว ราวตากผ้า Type R” อยู่เงียบๆ อย่างเจี๋ยมเจี้ยม…
ทาง Honda R&D แจ้งกับพวกเราว่า ถึงแม้รถคันนี้ ดูเปลือกนอกแล้ว มันก็คือ Civic ธรรมดา เหมือนที่เห็นกันจนชินตาบนท้องถนนเมืองไทยแล้วนั่นแหละ แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น…
นั่นเพราะว่า หลายสิ่งหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในรถคันนี้ ถูกปรับเซ็ตมาให้สื่อมวลชนทั่วโลกได้ทดลองขับ และรับฟัง เสียงสะท้อนว่า คนภายนอกจะรู้สึกนึกคิดอย่างไร กับการที่นับจากนี้ Honda จะเซ็ตรถยนต์เหล่านี้ผลิตออกขายจริง
แนวทางการเซ็ตช่วงล่าง และ Vehicle Dynamic แบบนี้ ยังไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ ในเบื้องต้น Honda เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “Ino-mama” ….อย่าเพิ่งฉงนสงสัย มันไม่ใช่ “มารดาแห่ง ยาลดกรดอีโน” นะ ใครแปลอย่างนั้น เดี๋ยวตีตายเลย! เพราะแท้จริงแล้ว มันแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า “Drive As Intended” หรือ แปลเป็นไทย อีกทอดหนึ่งได้ว่า “ขับง่าย ตามใจสั่ง”
Civic คันสีดำด้านนี้ ยังคงใช้ พื้นตัวถัง (Platform) เดียวกันกับ Civic , CR-V รุ่นล่าสุด รวมทั้ง Accord รุ่นต่อไปที่มีกำหนดเปิดตัวในอเมริกาเหนือ ช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2017 นี้ อย่างไรก็ตาม Honda ไม่ได้บอกกับเราในตอนแรกว่า มันต่างกันอย่างไร จนกระทั่งพอลองขับแล้ว ถึงได้รู้แหละว่า…มันต่างกันที่ตรงไหน!
ถ้าเช่นนั้น…คำถามก็คือ บุคลิกการขับขี่ ของ Civic “Ino-mama”
ต่างจาก Civic รุ่นปกติในบ้านเราอย่างไร?
การทดลองขับในรอบของผมนั้น เรายังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับวิศวกร Chassis Dynamic เลย เหมือนกับเดินเข้าห้องสอบโดยไม่ได้เปิดอ่านหนังสือเรียนมาก่อนนั่นละ ขึ้นไปขับทั้งที่ยังไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของเจ้า Civic คันนี้มาก่อน
ทันทีที่ออกรถ ขับเข้าไปในสนาม สัมผัสได้ว่า เครื่องยนต์ ยังคงตอบสนองเหมือนรุ่น 1.5 Turbo แต่มีหลายสิ่งที่ต่างออกไป
น้ำหนักพวงมาลัย แตกต่างเล็กน้อย แอบหนืดขึ้นกว่า Civic รุ่นปกติ แค่นิดเดียว คาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากยางติดรถที่ใช้ รวมทั้งพื้นผิวถนนในสนามทดสอบ ซึ่งจะมีค่าแรงเสียดทานสูงกว่าถนนทั่วๆไปอยู่แล้ว ถึงจะรู้สึกดีมาก แต่แอบกังขานิดๆ
ทว่า พอถึงทางโค้งเท่านั้นแหละ หากขับอยู่ที่เกียร์ D คุณอาจไม่รู้สึกรู้สาอะไรมากนัก แค่ว่าเกียร์ก็ยังทำงานไปตามปกติของมัน คือแทบไม่รู้สึกว่าเกียร์ถูกเปลี่ยนลดลงมา แต่พอเปลี่ยนเป็นเกียร์ S เท่านั้นแหละ เฮ้ย นี่มันไม่ใช่เกียร์ CVT ที่เราคุ้นเคยนี่หว่า! นอกจากจะมีอาการหน่วงๆรถให้อย่างชัดเจนมากแล้ว ยังมีอาการกระตุกแบบ “เซ็ตมาอย่างจงใจให้กระตุกนิดๆกำลังงาม เพื่อเรียกความสนุกในการขับขี่” !
อาการกระตุกนิดๆของเกียร์นั้น เกิดขึ้นชัดเจนกว่า จังหวะเปลี่ยนลดตำแหน่ง ในเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv ของ Mazda นิดนึง แต่ในภาพรวมแล้ว มันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผมใช้ได้เลย
ไม่เพียงเท่านั้น ช่วงล่างที่ถูกปรับเซ็ตมา ก็หนึบขึ้นกว่า Civic เวอร์ชันขายจริงชัดเจน ขับสบายก็ได้ จะบู๊ขึ้นมาอีกหน่อย ก็ดีเยี่ยม แต่ยังคงความนุ่มไว้นิดหน่อย ติดปลายนวม ภาพรวมแล้ว ช่วงล่างของ Civic Ino-Mama คันสีดำด้านนี้ ถูกปรับเซ็ตความนุ่มและหนึบให้อยู่ตรงกลางระหว่าง Civic รุ่นปกติ กับ Civic Type-R จนลงตัวพอดี ทำให้ตัวรถออกมา มีบุคลิกที่ดีกว่า Mazda 3 ใหม่ นิดๆด้วยซ้ำ
พอขับกลับมาที่เต๊นท์สนาม อันเป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดการทดลองขับในสถานีนี้ ผมได้พูดคุยสอบถามกับวิศวกร จนได้คำตอบว่า Civic Ino-mama คันนี้ ใช้โครงสร้างตัวถังเปลือกนอก พื้นตัวถัง (Platform) เหมือนกันกับ Civic ใหม่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Turbo พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า Dual Pinion EPS ก็เหมือนกัน แต่ ระบบส่งกำลัง เปลี่ยนจากเกียร์อัตโนมัติ CVT ไปใช้ เกียร์อัตโนมัติ คลัชต์คู่ DCT (Dual Clutch)!! แถมช่วงล่าง กับจุดยึดระบบกันสะเทือน รวมทั้งจุดยึดโครงสร้างตัวถังในหลายๆจุด ก็ยังถูกปรับเซ็ตใหม่อีกด้วย!
พอรู้ว่า เป็นเกียร์ Dual Clutch ผมก็ได้แต่ฝากทีมวิศวกรชาวญี่ปุ่นไปแล้วว่า ลูกค้าชาวไทยเรา มีประสบการณ์ไม่ดีจาก เกียร์ DCT ของทั้ง Ford และ MG ดังนั้น อยากให้เน้นการพัฒนาด้านความทนทาน ทั้งในสภาพอุณหภูมิสูงๆ และการใช้งานในย่านความเร็วสูง เกียร์จะต้องทนต่อสภาพดังกล่าวได้ดี อยากให้ปรับเซ็ตการตอบสนองต่างๆให้ได้ใกล้เคียงกับ เกียร์ DSG 6 จังหวะ ของ กลุ่ม Volkswagen / Audi แต่อย่าเน้นการลดต้นทุนมากจนเกินไป เพราะนั่นอาจจะนำพาปัญหาตามมาให้กับทั้งผู้ใช้รถ และ Honda เอง ทางวิศวกรญี่ปุ่นก็รับฟัง และคงจะนำไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาลำดับต่อไป…หวังไว้เช่นนั้น
********** สรุป (เบื้องต้น) **********
Honda แบบบ้านๆ ที่ขับสนุกกว่า Mazda ได้เกิดขึ้นแล้ว! (ซะที!)
ทันทีที่ลงจากรถ ผมรู้สึกประหลาดใจกับ Civic Ino-mama ในระดับใกล้เคียงกับความรู้สึกครั้งแรกที่ได้ลองขับ Mazda 6 Skyactiv ที่สนามแก่งกระจานในเมืองไทย เมื่อหลายปีก่อน
ประหลาดใจที่ได้ประสบพบเจอกับตัวเองว่า ในที่สุด Honda ก็เซ็ตรถบ้านๆ ให้มีช่วงล่างที่ดี และขับสนุก ทัดเทียมกับคู่แข่งที่ฉกาจฉกรรจ์ในด้าน Vehicle Dynamic อย่าง Mazda กันเสียที!
ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายๆในเบื้องต้นก็คือ Ino-mama Technology นี้ มันก็น่าจะเป็น “Skyactiv” ในแบบของ Honda นั่นเอง!! แม้ว่าคนของ Honda จะบอกว่า “เราไม่เหมือนกับคู่แข่ง และเราเชื่อว่า เราทำได้ดีกว่าคู่แข่ง” ก็ตาม
ใช่ครับ ณ วันนี้ Civic คันสีดำด้านนี้ ให้การขับขี่ (ในเบื้องต้น) ที่เหนือล้ำนำหน้า Mazda 3 Axela รุ่นปัจจุบันไปนิดหน่อยแล้ว แต่ขณะเดียวกัน Mazda เอง เขาก็ซุ่มทำกลุ่มเทคโนโลยี “Skyactiv 2” ออกมา และมีกำหนดเตรียมเผยโฉมสู่สาธารณชนทั่วโลกในช่วงตั้งแต่ ปลายปี 2017 นี้ เป็นต้นไป แต่กว่าจะมาถึงเมืองไทย อาจต้องรอจนถึงปี 2018 – 2019
ไม่เพียงเท่านั้น Toyota ในฐานะยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่น ก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มทะยอยพัฒนารถยนต์บนพื้นตัวถังใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture Platform) โดยคาดว่า คนไทยน่าจะเริ่มได้สัมผัสกันเป็นครั้งแรก ใน C-HR ที่จะเผยโฉมในบ้านเรา ปลายปี 2017 ก่อนจะเริ่มทำตลาดจริง ต้นปี 2018
ช่างเป็นการแข่งขันที่น่าดูน่าติดตามชมยิ่งนัก เป็นการแข่งขันที่ทำให้รถญี่ปุ่น กลับมามีความน่าสนใจกันอีกครั้งเสียที หลังจากที่ห่างหายไปซุ่มเงียบพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้กันมาพักใหญ่ และเชื่อแน่ว่า เมื่อ Honda ใช้ Civic สีดำด้านคันนี้ เป็นตัวสื่อสารไปยังคู่แข่งทุกค่ายว่า ตนก็พร้อมจะขอทำศึกด้าน Vehicle Dynamic Wars นี้ด้วยแล้ว ยิ่งน่าสนุกสุดขีดขั้นขึ้นไปอีก!!
ผมเฝ้ารอนะ รอวันนั้น วันที่ Honda จะพร้อมสำหรับการแนะนำเทคโนโลยี “Ino-mama” นี้ ในชื่อนี้ “เรียกง่ายกว่านี้ ไม่จักจี้หูกว่านี้ ไม่ญี่ปุ่นจ๋ากว่านี้ และ เท่กว่านี้” ในรถยนต์รุ่นใหม่ รุ่นใด สักรุ่นหนึ่ง ช่วงปี 2019
เวลาแค่ 2-3 ปีหนะ…มันไม่นานเกินรอนักหรอกครับ!
—————————///—————————