งาน Detroit Autoshow ปีนี้ก็ถือเป็นปีที่ค่ายรถหลายค่ายเริ่มจะจัดเต็มกันมากขึ้น เพราะตอนนี้ค่ายรถส่วนใหญ่เริ่มมี
สภาพคล่องทางการเงินมากขึ้นรวมทั้งมีความมั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมากกว่าอดีต (แม้ว่าตอนนี้จะไม่เรียกว่า
ดีก็ตาม) บางค่ายพอหวนกลับมาจัดงานนี้อีกครั้งก็ถือโอกาสจัดเต็มกับบูธตัวเองเสียหน่อย ยกตัวอย่างบูธ Nissan ที่จะ
ออกมาแนวล้ำสมัยและยังปล่อยกลิ่นให้ผู้เข้าร่วมชมเคลิบเคลิ้มได้, บูธ Toyota ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีการออกแบบที่ดู
เร้าอารมณ์เพื่อต้อนรับรถต้นแบบรุ่นใหม่ เป็นต้น

detroit2013

ในงานมีการจัดแสดงรถยนต์รุ่นใหม่และรถต้นแบบมากถึง 59 คันซึ่งมีไฮไลต์สำคัญคือรถต้นแบบโปรโตไทป์ที่สามารถ
ทำนายอนาคตของรถตลาดที่จะเปิดตัวในไม่ช้านี้ได้ โดยส่วนตัวไฮไลต์สำคัญของเราจะเน้นไปที่บูธ Toyota เพราะเขาได้
อวดโฉมรถต้นแบบว่าที่ Corolla ตัวต่อไปให้ได้ชมกันแล้วซึ่งถือเป็นรถคันเดียวในงานที่มีความเกี่ยวข้องกับตลาดเมืองไทย
มากที่สุด

Acura

acura1 acura2 acura3

Acura MDX Prototype ดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับ RDX ไม่น้อยเลยโดยยึดหลักแนวคิดการออกแบบ Aero Sculpture ที่มี
แนวทางไปสู่บุคลิคอันชาญฉลาด, กะทัดรัดและดูพรีเมี่ยม มาพร้อมเอกลักษณ์ใหม่ด้วยไฟหน้าที่เรียกกันว่า Jewel Eye
เปล่งประกายอัญมณีศรีสยามกันเลยทีเดียว

ไฮไลต์เด่นคงหนีไม่พ้น Acura NSX Conceptที่คาดว่าหากเปิดตลาดนอกอเมริกาเหนือก็คงจะใช้ชื่อ Honda NSX ที่
คุ้นเคยกันดีก็ถือเป็นการสิ้นสุดการคอยกันเสียที รถต้นแบบคันนี้ถือเป็นรถที่ใกล้เคียงกับคันจริงมากที่สุดซึ่งพวกเรา
สามารถสัมผัสสุดยอดรถสปอร์ตคันนี้ได้

acura4 acura5 acura6

การออกแบบตัวถังภายนอกก็เติมแต่งรายละเอียดความล้ำที่สามารถสัมผัสได้ และที่น่าสนใจคือการออกแบบภายในห้อง
โดยสารให้มีความรู้สึกถึงพลังงานที่ถ่ายทอดพลังงานจากมนุษย์สู่เครื่องจักร ฟังดูแล้วลึกล้ำจนเราคาดไม่ถึงเลย

สำหรับงานวิศวกรรมของตัวรถรุ่นขายจริง คาดว่า Acura จะนำเอาระบบขับเคลื่อน SH-AWD มาใช้กับ NSX ใหม่ เพื่อ
ให้การควบคุมเฉียบคมรับกับสมรรถนะตัวรถที่สูง เพราะตัวเครื่องยนต์เองจะเป็นการใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ
3.5 ลิตร ผนวกเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ลูกบนเพลาล้อหลัง ทำให้มีกำลังรวมสูงถึง 400 แรงม้า และจะสร้างอัตราเร่ง
0-100 กม./ชม.ด้วยเวลาต่ำกว่า 5 วินาที เลยทีเดียว

BMW

bmw1

ในที่สุด BMW ก็ได้ปล่อย Concept 4-Series Coupe กันเสียทีหลังจากที่ทุกคนยังข้องใจว่าตกลง 3-Series Coupe จะ
ยังอยู่ไหม? คำตอบที่ได้รับคือ “ยังอยู่” แต่มาในชื่อเสียงเรียงนามใหม่เป็นเลขคู่เสียด้วย เพราะ BMW ตั้งใจแยกอนุกรมรุ่น
รถแนวสปอร์ต/เปิดประทุนอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างที่เห็นชัดคือ 6-Series ที่ถือว่าเป็นรถที่อยู่ในพื้นฐานงานวิศวกรรม
ร่วมกับ 5-Series เป็นอย่างมาก

ดังนั้น โครงสร้างตัวถังหลัก ๆ ของ Concept 4-Series Coupe จึงสามารถใช้ร่วมกับ 3-Series ได้ ส่วนหน้าตาของรถคัน
นี้ก็จะดูแตกต่างจาก 3-Series เล็กน้อย อีกทั้งก็ยังมีเส้นสายที่ดูลึกมากกว่าด้วยซึ่งดูเผิน ๆ มันก็ดูมีหน้าตาที่คล้าย
3-Series GT ไม่น้อยทีเดียว ส่วนดีไซน์ครึ่งคันหลังก็ได้รับอิทธิพลจาก 6-Series Coupe เป็นอย่างมาก

bmw2
bmw3

เครื่องยนต์กลไกยังไม่เปิดเผยอะไรมากนัก แต่เมื่อเราพิจารณาแพ็คเกจรถโดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นตระกูล
4-Series ได้อย่างสวยงามซึ่งเราก็แอบสงสัยเล่น ๆ ว่ารถคันนี้จะทำตลาดได้ดีในกลุ่มชนชาวจีนหรือญี่ปุ่นที่ยึดถือเลข 4
เป็นสรณะหรือไม่?

bmw4

ในงานนี้ก็จะมีการอวดโฉมของ Z4 Facelift โดยจุดหลักของการปรับโฉมครั้งนี้ อยู่ที่การพยายามขยายตลาดให้ทุกคน
เอื้อมถึงรถยนต์โรดสเตอร์รุ่นนี้ได้ง่ายขึ้น ด้วยการเปิดตัวรุ่นล่างสุด รุ่นใหม่ ในรหัส Z4 sDrive18i ซึ่งจะใช้เครื่องยนต์ใหม่
แบบเบนซิน 4 สูบเรียง TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตรพร้อมกำลัง 154 แรงม้า และแรงบิด 240 นิวตัน-เมตร โดย
สามารถเชื่อมต่อกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะได้ ซึ่งจะมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน
เวลาเพียง 7.9 วินาที (ด้วยเกียร์ธรรมดา) และ 8.1 วินาที (ด้วยเกียร์อัตโนมัติ) พร้อมอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 14.7
กม./ลิตร

bmw5

แต่สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา จะไม่ได้รับรุ่น sDrive18i ไปจำหน่าย เพราะยังคงยืนยันใช้รุ่น sDrive28i พร้อมเครื่องยนต์
เบนซิน 4 สูบ TwinPower Turbo 2.0 ลิตร 240 แรงม้า และ sDrive35i ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร
300 แรงม้า และรุ่น sDrive35is 335 แรงม้า ไปจำหน่ายเช่นเคย เพราะจะถูกใจกับรสนิยมชาวมะกันมากกว่า

ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรับโฉมเล็กน้อยนั้น มีเพียงการเปลี่ยนโคมไฟหน้า ที่ยังคงใช้ดีไซน์โคมแบบเดิม แต่เปลี่ยน
รายละเอียดไฟ LED ภายในโคมใหม่ เข้าธีมการออกแบบของ BMW ยุคใหม่ได้ดีขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนงานออกแบบกาบ
ครีบระบายความร้อนบริเวณเหนือซุ้มล้อหน้าใหม่ พร้อมเปลี่ยนลายล้ออัลลอยทั้งแบบ 17 และ 18 นิ้วใหม่ด้วยเช่นกัน

Cadillac

cadillac1 cadillac2

Cadillac สร้างความฮือฮาให้แก่ตลาดด้วยการแนะนำตัว ELR รถสปอร์ตคูเป้ทรงเสน่ห์ที่มีเครื่องเคราเดียวกับ Chevrolet
Volt เมื่อได้ยินแบบนี้ก็กลายเป็นรถพรีเมี่ยมที่มีจุดเด่นมากพอดู ดีไซน์โดยรวมได้รับอิทธิพลจากรถต้นแบบ Converj
Concept ที่เคยอวดโฉมในปี 2009 มีสัดส่วนตัวรถที่ดูเร้าใจมากกว่า Cadillac ในอดีต ภายในห้องโดยสารเมื่อเราเห็น
จากภาพก็อึ้งไปเล็กน้อยเพราะมันดูเทียบชั้นกับคู่แข่ง Big Name จากทั่วสารทิศได้เลย แถมยังไม่ดูอเมริกันจ๋าเหมือนใน
อดีตเสียด้วย

cadillac3

Cadillac ELR ถูกสร้างขึ้นบนแพลทฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้าตามสมัยนิยมพร้อมทั้งยกขุมพลังจาก Chevrolet Volt มา
ทั้งหมดมีพละกำลัง 207 แรงม้า พร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักเบาลงเล็กน้อย

Chevrolet

chevy1

ปีนี้บูธเด่นที่สุดในงานคงหนีไม่พ้น รถสำหรับชาว Gangster อย่าง All New Chevrolet Corvette Stingray C7 ถือเป็น
Corvette ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในด้านงานดีไซน์ 2014 Corvette Stingray มาพร้อมกับการปรับปรุงฝากระโปรงหน้า
ให้ยาวขึ้น ดุกร้าวขึ้น พร้อมช่องดักอากาศเพื่อระบายความร้อนเครื่องยนต์ โดยมีการนำเอาวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการผลิต
โคมไฟหน้ามีการนำเอาไฟ LED มาพร้อมกับไฟใหญ่แบบ HID Xenon นอกจากนี้บริเวณซุ้มล้อหน้ายังมีการใส่ช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ หลังคา
แบบถอดเก็บได้ด้านท้ายมาพร้อมการเติบโตด้านงานดีไซน์อย่างเต็มที่ ด้วยการเพิ่มเหลี่ยมสันให้ดูโฉบเฉี่ยว แต่ยังคง
เอกลักษณ์ในแบบ Corvette เอาไว้ โดยมาพร้อมกับสปอยเลอร์หลังในตัว ท่อไอเสียแบบ 4 ท่อ และไฟท้ายที่เป็นการ
ผสมผสานระหว่าง Camero รุ่นปัจจุบันและ Corvette รุ่นเดิม

chevy2

ภายในห้องโดยสาร ยังได้รับการปรับปรุงงานดีไซน์เช่นกัน ด้วยการหยิบเอาวัสดุคุณภาพสูงมาใช้ในทุกรายละเอียด ให้สม
กับการเป็นห้องโดยสารของรถยนต์สปอร์ตระดับสูงจาก Chevrolet เห็นได้ชัดจากการนำเอาวัสดุหนังอย่างดีมาหุ้มเบาะ
และนำคาร์บอน ไฟเบอร์ รวมถึงอะลูมิเนียมมาตกแต่งในบริเวณต่างๆ พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์แบบหน้าจอสัมผัสขนาด
8 นิ้ว นอกจากนี้ผู้ซื้อยังสามารถปรับแต่งวัสดุโครงสร้างเบาะให้เป็นแม็กนีเซียม เพื่อการซัพพอร์ตร่างกายระหว่างการขับ
ด้วยความเร็วสูงที่ดียิ่งขึ้น

ด้านงานวิศวกรรมของตัวรถ คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ 2014 Corvette มีความแตกต่างจากรุ่นเดิม ด้วยการใช้เฟรมแชสซีส์
วัสดุอะลูมิเนียมแบบใหม่ กระจายน้ำหนักหน้า-หลังแบบ 50/50 ช่วยทำให้รถยนต์ทรงตัวได้แม่นยำมากขึ้น ส่วนแผงใต้ท้อง
รถประตูคู่หน้า และซุ้มล้อหลัง มีการนำเอาวัสดุ ‘carbon-nano’ เทคโนโลยีใหม่มาใช้

chevy3

ส่วนในรุ่นแพคเกจตกแต่งพิเศษ Z51 จะมีการติดตั้งระบบ Limited-Slip Differential แบบไฟฟ้ามาใช้ และปรับแต่ง
ระบบหล่อเย็นเฟืองท้ายและระบบส่งกำลังใหม่ พร้อมทั้งมีการติดตั้งชุดบอดี้คิท ที่จะทำให้ตัวรถลู่ลมมากขึ้น ทรงตัวได้
ดียิ่งขึ้นในย่านความเร็วสูง

chevy4

ขุมพลังก็ได้รับการเปลี่ยนเช่นกัน ด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 ความจุ 6.2 ลิตร LT1 ขึ้นมาใหม่ มีการนำเอา
เทคโนโลยีหัวฉีดเชื้อเพลิงตรงและระบบแปรผันวาล์วต่อเนื่องมาใช้ โดยมีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 11.5:1 ส่งผลให้สร้าง
กำลังได้ 450 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 608 นิวตัน-เมตร และด้วยการทุ่มเทการพัฒนาจนทำให้ 2014 Corvette
Stingray มีน้ำหนักที่เบาขึ้น อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จึงทำได้ในเวลาที่ต่ำกว่า 4 วินาทีเลยทีเดียว

2014 Corvette Stingray จะออกจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เรียกได้ว่าเป็นการประกาศการกลับมาของตำนาน
รถยนต์สปอร์ตจากฟากอเมริกาที่ทำได้น่าสนใจมากทีเดียว

Ford

ford1

บูธในปีนี้จะดูแปลกและแตกต่างจากค่ายอื่นมากที่สุดเพราะ Ford ได้แนะนำรถต้นแบบ Atlas Concept (ชื่อแอบคล้าย
รถบรรทุกเล็กจา Nissan ) ว่าที่ F-150 ตัวต่อไป งานดีไซน์โดยรวมยังคงความเป็นอเมริกัน 100% (เพราะรถรุ่นนี้ต้องขาย
ในอเมริกาที่เดียว) ดังนั้นงานออกแบบของรถต้นแบบคันนี้จึงไม่ปรากฏในรถกระบะ Ford ในระดับโลกแน่นอน

Ford Atlas Concept จะเป็นรถต้นแบบที่สะท้อนถึงรถกระบะที่มีขีดความสามารถในการบรรทุกสูงแต่ยังชาญฉลาดและ
ประหยัดเป็นยอดได้อีกด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือการแนะนำขุมพลัง Ecoboost เจเนเรชั่นใหม่ที่ติดตั้งเทคโนโลยี Auto Start-
Stop ในตัวซึ่งประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ที่มีซีซีมากกว่าถึง 20% และลดค่าไอเสีย CO2 ราว 15%

ford2

พร้อมกันนี้ Ford ก็ได้ภูมิใจนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยทำให้ประหยัดน้ำมันที่อัดแน่นราวกับรถเก๋ง
รุ่นไฮเทคเลยทีเดียวได้แก่ ระบบ Active Grille Shutters กระจังหน้าสามารถเปิด-ปิดอัตโนมัติซึ่งจะเปิดกระจังเฉพาะ
เวลาจำเป็นเท่านั้นซึ่งเป็นระบบเดียวที่อยู่ใน Ford Focus ใหม่, ระบบ Active Wheel Shutters ล้ออัลลอยที่สามารถ
เปิดปิดช่องลอดลมได้, แอร์แดมหน้าสามารถกระดกขึ้นได้เพื่อปรับทิศทางลมให้เหมาะสมกับการขับขี่ เป็นต้น

Honda

honda1

ปีนี้ยังไม่มีรถใหม่มาอวดโฉมแต่ Honda ก็แสดงอิทธิฤทธิ์ที่จะครองความเป็นผู้นำรถยนต์นั่งขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกา
ด้วยการเปิดเผยโฉม Honda Urban SUV Concept ซึ่งจะเป็น B-SUV คันใหม่ล่าสุด และที่สำคัญถือเป็นการปลุกตลาด
B-SUV ครั้งที่ 2 ในชีวิตของ Honda หลังจากที่ประสบความล้มเหลวกับ HR-V รุ่นแรกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว

honda2

คุณสมบัติหลักของ Honda Urban SUV Concept นอกจากจะเป็นรถที่มีความสวยงามโฉบเฉี่ยวแล้วแต่ยังเป็นรถที่
ประหยัดเป็นยอดและยังมีการขับขี่ที่สนุกสนานอีกด้วยภายใต้ขนาดตัวถังที่ยาว 4,300 มม. (จนเราแอบสงสัยว่าตำแหน่ง
การตลาดในระดับโลกนี้น่าจะก้ำกึ่งกับ Nissan Juke และ Qashqai หรือในระดับเดียวกับ Mitsubishi ASX นั่นเอง)

อย่างไรก็ตาม Honda Urban SUV Concept ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ Global Small Platform ร่วมกับ Honda
Jazz และ City พร้อมชูจุดขายถังน้ำมันอยู่กึ่งกลางตัวถังจนทำให้จัดการพับเบาะได้อิสระเหมือนกับ Honda Jazz
(Honda เรียก Magic Seat)

honda3

กำหนดการของการเปิดตัว Honda Urban SUV Concept เวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริงจะมีขึ้นในช่วงปลายปี 2013 ที่
ประเทศญี่ปุ่น และจะทำตลาดในอเมริกาเหนือในปี 2014 โดย Honda คาดหวังว่ารถคันนี้จะเป็น 1 ใน 3 ตระกูลรถเล็กที่
สามารถทำยอดขายมากถึง 1.6 ล้านคันภายในปี 2016

ส่วนบ้านเราก็ต้องลุ้นกันเพราะมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จำหน่ายในไทย

Hyundai

hyundai1

Hyundai HCD-14 Genesis Concept ถูกออกแบบด้วยแนวคิดใหม่ล่าสุด fluidic-precision อันเป็นเอกลักษณ์ใหม่ที่
จะได้พบเห็นในรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคตซึ่งมีความเฉียบคมและแข็งแรงในรายละเอียด (ไม่ชดช้อยเหมือนแนวคิด Fluid
Sculpture) เริ่มจากกระจังหน้าทรงใหม่พร้อมบานเกล็ดแบบใหม่, เส้นสายตัวรถดูเรียบง่ายไม่มีเส้นสันบ่าฉวัดเฉวียน เป็น
ต้น

จุดเด่นที่น่าสนใจคือ Hyundai ได้ฉีกภาพลักษณ์ให้ว่าที่ Genesis ตัวต่อไปกลายมาเป็นรถแนวซีดานคูเป้แทนที่จะมาเป็น
ซีดานหรูธรรมดา ๆ (คงเพราะว่าตลาดนี้น่าสนใจและสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ได้ดีกว่า) มีจุดเด่นการออกแบบตรงบาน
ประตูท้ายที่ดูลาดยาวเป็นพิเศษและแนวขอบเสา C ก็จะเอนลาดยาวต่อเนื่องจรดฝากระโปรงท้าย

hyundai2

ภายในห้องโดยสารก็จะถูกออกแบบในแบบอสมมาตร เน้นออกแบบรายละเอียดเอาใจผู้ขับขี่เป็นหลักโดยยึดหลักรูปแบบ
ของฟอร์มแผงคอนโซลหน้าในแบบลูกคลื่นซ้อนสองชั้น

รถต้นแบบคันนี้ก็ติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีการติดตามกริยาของผู้ขับขี่เพื่อสามารถสั่งงานการใช้อุปกรณ์
ภายในรถยนต์ได้โดยไม่ต้องไปสัมผัสกับปุ่มอะไรเลย ที่สามารถจดจำท่าทางด้วยเซนเซอร์ 3 มิติและสายตาของผู้ขับขี่ได้

hyundai3

ไฮไลต์สุดท้าย Hyundai ติดตั้งขุมพลัง Tau V8 5.0 ลิตร ฉีดเชื้อเพลิงตรงพร้อมวาล์วแปรผัน D-CVVT ให้ประสิทธิภาพที่
ยอดเยี่ยม, ประหยัดและมลพิษต่ำ

All New Hyundai Genesis คาดว่าจะเปิดตัวในระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือนนี้

Infiniti

infiniti1 infiniti2

Infiniti ขอจัดการรีแบรนด์ดิ้งชื่อรุ่นใหม่ด้วยการใช้รหัส Q นำหน้าแล้วตามด้วยรหัสตัวเลขที่บ่งบอกถึงลำดับหรือเซกเมนต์
นั้น ๆ โดยเปิดตัวรุ่นแรกคือ Q50 ซึ่งก็คือ G-Series Sedan ดั้งเดิมนั่นเอง ดีไซน์โดยรวมได้รับอิทธิพลจาก Etheria
Concept ค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะด้านหน้าที่มีใบหน้าดุดัน, มีเส้นตัวถังที่เฉียบคม รับกับเส้นตัวถังที่อยู่ด้านท้าย, กรอบ
กระจกประตูหลักจะมีเว้า ๆ แหว่ง ๆ ที่ดูเป็นเอกลักษณ์ใหม่

infiniti3

มิติตัวถังก็ใหญ่ขึ้นทุกมิติ มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานแค่ 0.26 ดีไซน์ภายในห้องโดยสารแลดูคล้ายของเดิมมากแต่ก็
ปรับปรุงให้มีความประณีตมากขึ้น ล้ำสมัยด้วยการติดตั้งหน้าจอสัมผัสกลางที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ภายในรถได้ ส่วน
เครื่องยนต์กลไกนั้นก็ยกมาจากของเดิมคือเครื่อง VQ37VHR 3.7 ลิตรปรับปรุงให้แรงขึ้นเป็น 328 แรงม้า ส่วนรุ่น Hybrid
ก็จะยกขุมพลังจาก M35h Sedan

Jeep

jeep1

Jeep เปิดตัว Grand Cherokee รุ่นปรับปรุงใหม่ที่มีดีไซน์สุ่มเสี่ยงต่อการวิจารณ์เป็นอย่างมากเพราะมันถูกออกแบบให้ดู
ล้ำสมัยขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะดวงไฟหน้าที่มีลูกเล่นตามยุคสมัยและยังมีทรงโคมไฟที่ไม่ได้ดูแข็งทื่อเหมือนสมัยก่อน
แต่ยังดีที่ Jeep ยังคงรักษาเอกลักษณ์กระจังหน้าแนวตั้ง 7 ช่องเอาไว้ (ก็แน่ล่ะว่า Chrysler ได้จดสิทธิบัตรกระจังหน้า
แบบนี้ไปแล้ว)

jeep2 jeep3

ภายในห้องโดยสารก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก ราวกับว่ายกทีมออกแบบ Fiat มาช่วยขัดเกลาให้ดูน่าใช้มากขึ้น
โดยเฉพาะแผงแดชบอร์ดกลางที่ถูกรื้อและออกแบบใหม่หมด รวมไปถึงออกแบบชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารบางชิ้นให้ดูดี
ขึ้นและกรุวัสดุที่ดูมีราคาค่างวดมากขึ้น

ไฮไลต์สำคัญคือการแนะนำรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล EcoDiesel V6 3.0 ลิตร 240 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะคาดว่า
รุ่นนี้จะขายดีในหมู่ผู้ใช้เอสยูวีเพราะน่าจะประหยัดน้ำมันกกว่าเครื่องเบนซิน ส่วนเครื่องเบนซินบล๊อก V6 3.6 ลิตรและ V8
5.7 ลิตรก็จะได้เกียร์อัตโนมัติลูกใหม่ 8 จังหวะ นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชันสุดแรง SRT ติดตั้งเครื่องยนต์ Hemi V8 6.4 ลิตร
ให้เลือกอีกด้วย

Kia

kia1

Kia Cadenza/K7 โฉมปัจจุบันเปิดตัวในปี 2009 ซึ่งปีนั้นถือเป็นยุคที่ Kia กำลังเปลี่ยนถ่ายงานออกแบบยุคเก่าไปสู่ยุค
ใหม่พอดี ในห้วงเวลานั้น Kia ก็ต้อง ๆ ค่อยเปลี่ยนถ่ายงานออกแบบทีละน้อยไปก่อน จนกระทั่งปี 2010 เป็นต้นไป Kia ก็
เริ่มก้าวเข้าไปสู่งานออกแบบแนวคิดใหม่ทั้งหมด ดังที่เราเห็นได้จาก Kia Optima ใหม่ ดังนั้นรถยนต์รุ่นปัจจุบันที่เปิดตัว
ก่อนปี 2010 ก็คงต้องได้รับการปรับปรุงหน้าตาในแบบ Kia ยุคใหม่ที่แท้จริง

ล่าสุด Kia ได้เปิดเผยโฉม Cadenza/K7 Minorchange ที่ปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่ในแบบ Kia ยุคใหม่ (แต่ดีไซน์
โครงสร้างตัวถังยังอยู่ในยุค Kia ระหว่างปี 2008-2009) ดีไซน์ด้านหน้าดูคล้ายกับ Kia Quaris/K9 เป็นอย่างมาก รวม
ไปถึงลายล้ออัลลอยก็แทบจะเคาะพิมพ์เดียวกันเลย ส่วนบั้นท้ายก็ได้เปลี่ยนรายละเอียดไฟท้ายใหม่

kia2

เครื่องยนต์กลไกก็ยังคงไม่ปรับเปลี่ยนอะไรมากนัก เริ่มจากเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร 290 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 338 นิวตัน
เมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.2 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 230
กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Lexus

lexus1

ในที่สุดเราก็ได้เห็น Lexus IS โฉมใหม่เสียทีซึ่งมันมีรูปลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากรถต้นแบบ Lexus LF-CC
ด้านหน้าสร้างความโดดเด่นมาก ด้วยกระจังหน้า Spindle Grille ที่มีผสานความโฉบเฉี่ยวและความโค้งมน มีมิติ อีกทั้ง
รายละเอียดโคมไฟหน้ายังมาในรูปแบบใหม่ ด้วยการออกแบบเล่นกับสายตา จนดูเหมือนไฟ LED Daytime Running
Light เป็นส่วนหนึ่งของโคมไฟหน้าแต่ในความเป็นจริง กลับแยกส่วนกันชัดเจน

ด้านข้างของตัวถัง มาพร้อมกับเส้นไหล่รถที่ชัดเจนขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน พร้อมสเกิร์ตด้านข้างตวัดขึ้น เข้าหาโคมไฟท้าย
และพิเศษเฉพาะในรุ่น F Sport จะมีกระจังหน้าที่ได้รับการออกแบบพิเศษ

lexus2

ส่วนภายในห้องโดยสาร เป็นการผสานกลิ่นอายรุ่นพี่ของค่ายทั้งสิ้น ทั้งจาก LS, GS รวมไปถึง LF-A ส่งผลให้ห้องโดยสาร
มีคุณภาพงานออกแบบและการใช้วัสดุที่ดียิ่งขึ้น เช่นรายละเอียดการนำเอานาฬิกาอนาล็อกมาใช้ การนำเอาสวิตช์ระบบ
สัมผัสมาใช้ควบคุมระบบปรับอากาศ และคอนโซลหน้า-กลาง ถูกตกแต่งด้วยวัสดุเมทัลลิกให้ความรู้สึกสปอร์ต หรูหรา
และทันสมัยในคราวเดียวกัน

Lexus กล่าวว่า IS รุ่นใหม่ มีระยะฐานล้อหน้า-หลังที่ยาวขึ้น ส่งผลให้มีเนื้อที่วางขาและพื้นที่ผู้โดยสารตอนหลังที่กว้างขึ้น
โดยจะเป็นรถยนต์พรีเมี่ยมคอมแพคท์ที่มีพื้นที่หัวเข่าที่ดีที่สุด

lexus3
นอกจากนี้ การตกแต่งภายในของเวอร์ชัน F Sport ยังเป็นการตกแต่งแบบพิเศษเช่นเดียวกับภายนอก เช่น การเปลี่ยน

แป้นเบรก-คันเร่งให้เป็นวัสดุอะลูมิเนียม การพยายามตกแต่งภายในให้มีรูปแบบ 3 มิติ และการหุ้มหนังฉลุบนพวงมาลัย
และหัวเกียร์พร้อมกับโทนสีภายในใหม่ คือสีแดง Rioja Red

lexus4
lexus5

แต่ด้านงานวิศวกรรมเครื่องยนต์ กลับสร้างความประหลาดใจไม่น้อย เพราะไร้เงาเครื่องยนต์พร้อมเทอร์โบเหมือนที่มี
กระแสข่าวหลุดออกมาก่อนหน้านี้ และยังคงเลือกใช้วิธีปรับจูนขุมพลังเดิมๆของตน ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 2.5
ลิตรที่จะถูกปรับให้มีกำลังอย่างน้อย 200 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.5 ลิตร ที่จะมีกำลังประมาณ 300 แรงม้า

สิ่งที่เพิ่มใหม่เข้ามา คือการเปิดตัวขุมพลังไฮบริดเป็นครั้งแรกของ Lexus IS ด้วยรหัส IS 300h โดยจะเป็นการหยิบ
เอาเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร เชื่อมต่อเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า จนสร้างพลังได้ 240 แรงม้า ซึ่งผู้เขียนไม่แน่ใจว่า
เป็นการนำเอาขุมพลังของ Toyota Camry Hybrid มาปรับจูนใหม่เพื่อเพิ่มกำลังหรือไม่

Lincoln

lincoln1

ในงาน Detroit Autoshow 2013 ค่าย Lincoln แบรนด์รถหรูในเครือ Ford Motor ก็ได้แนะนำรถต้นแบบครอสโอเวอร์
คันใหม่ในชื่อ Lincoln MKC Concept ซึ่งทางค่ายบอกว่าถือเป็นครอสโอเวอร์ที่มีขนาดเล็กสุดในค่าย และคาดว่าเราจะ
ได้เห็นรถคันนี้วิ่งแล่นในตลาดอเมริกาเหนือภายในไม่เกิน 1 ปีนี้

Lincoln เปิดเผยว่าการส่ง MKC Concept ถือเป็นรถรุ่นใหม่ล่าสุด 1 ใน 4 รุ่นที่พัฒนาตามกลยุทธ์หลักของ Lincoln ที่
มุ่งเน้นไปยังเซกเมนต์ที่เติบโตรวดเร็วแทนที่จะพัฒนารถเพื่อมาแข่งขันในสมรภูมิเลือดเหมือนแต่ก่อน และน่าจะทำให้
แบรนด์ Lincoln สามารถสร้างส่วนแบ่งการตลาดอย่างรวดเร็ว

Lincoln ได้สำรวจว่าตลาดรถยนต์อเนกประสงค์หรูขนาดเล็กในสหรัฐอเมริกามีการเติบโตมากถึง 60% ในปี 2012 และ
เติบโตขึ้นมากถึง 200% เมื่อเทียบกับ 4 ปีที่แล้ว ดังนั้น MKC Concept ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดี

lincoln2

ดีไซน์ภายนอกของ Lincoln MKC Concept จะเน้นความสวยงามและดูมีรากเหง้าความเป็น Lincoln เป็นหลัก ดีไซน์มี
ความปราดเปรียว มีเส้นสันบ่าที่คมชัดที่ออกแบบให้สามารถดูได้สองมุมมอง เมื่อมองด้านข้างตัวรถก็จะมีความสะอาดตา
เรียบง่าย แต่ถ้ามองมุมเฉียงก็จะเห็นเส้นสันนูนรถแบบ 3 มิติ

บั้นท้ายแปลกตาด้วยฝากระโปรงท้ายที่มีขนาดและเนื้อที่กว้างมาก จนทำให้ต้องออกแบบไฟท้ายอยู่ในบานประตูท้าย
ทั้งหมด นอกจากจะทำให้ตัวรถดูมีระดับแต่ยังช่วยเพิ่มความอเนกประสงค์ได้อีกด้วย

lincoln3

ภายในห้องโดยสารก็ชูจุดเด่นด้วยวัสดุหลากหลายชนิดบุในหลาย ๆ จุดและยังคัดเลือกสีสรรที่ดูแล้วสบายตามีความ
อบอุ่นและดูหรูหราในแบบ Lincoln ยุคใหม่

นอกจากนี้ Lincoln ยังเคลมอีกว่า Lincoln MKC Concept ถือเป็นรถที่มีความสมดุลทุกจุด ได้แก่ มีบุคลิคที่อบอุ่น,
สะดวกสบาย, อุปกรณ์มาตรฐานครบครัน และมีคุณภาพการขับขี่,การบังคับ, ระบบเบรคในระดับสุดยอด

คาดว่าอเมริกันชนน่าจะได้เป็นเจ้าของ Lincoln MKC Concept ในเวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริงเร็ว ๆ นี้

Maserati

maserati1

หลังจากเห็นภาพแอบถ่าย ภาพรถโปรโตไทป์ รวมไปจนถึงภาพจดสิทธิบัตรกันบ่อยครั้ง วันนี้ Maserati ค่ายรถยนต์
สปอร์ตจากอิตาลี พร้อมแล้วที่จะเปิดตัว 2014 Quattroporte โฉมที่ 6 ของสปอร์ตซาลูนประจำค่าย หลังจากขายรุ่นที่ 5
มานานถึง 8 ปีเต็ม โดยจะพร้อมเผยโฉมสู่สายตาสาธารณชนในงาน 2013 Detroit Motor Show เดือนมกราคมปีหน้า
ในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นที่แรก

ด้านรูปลักษณ์ภายนอก ถือว่าเป็นการพัฒนาจากรุ่นปัจจุบันอย่างลงตัว โดยผสมผสานกลิ่นอายของ Quattroporte รุ่น
แรกในยุค60s มากขึ้น โดยรุ่นโฉมใหม่จะมีความยาวมากกว่ารุ่นปัจจุบัน ที่ 5200 มม. เพื่อขยายพื้นที่วางขาสำหรับ
ผู้โดยสารตอนหลังแต่มีน้ำหนักตัวรถเบาลง 50 กก. จนมาอยู่ที่ระดับ 1,940 กก. เนื่องมาจากการใช้วัสดุอะลุมิเนียมในตัว
รถมากขึ้น

maserati2

เส้นสายงานออกแบบภายนอก นอกจากจะมีการนำสไตล์ลิ่งแบบดั้งเดิมของ Maserati มาใช้มากขึ้นแล้ว ทีมออกแบบยัง
ได้ใส่เส้นสายและทรวดทรงที่ทำให้ Quattroporte รุ่นใหม่ ดูแข็งแรงและมีมัดกล้ามมากขึ้น ในขณะที่ห้องโดยสารภายใน
ถูกพัฒนาให้เพิ่มระดับความหรูหรา และมีการนำหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่มาติดตั้งในบริเวณคอนโซลกลางเป็นครั้งแรก

maserati3

ด้านงานวิศวกรรมของตัวรถ นอกจากจะถูกสร้างขึ้นบนแชสซีส์โมโนค็อกแบบใหม่แล้ว 2014 Maserati Quattroporte
ยังใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังเป็นหลักเช่นเคย โดยเวอร์ชันขับเคลื่อน 4 ล้อจะเปิดตัวตามมาในปี 2015 ด้านขุมพลังเป็น
การนำเอาเครื่องยนต์เบนซิน V8 จากค่ายเฟอร์รารี่มาใช้ โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นการปรับจูนและพัฒนาขึ้นจาก
เครื่องยนต์ 4.7 ลิตร จากรุ่นปัจจุบัน เชื่อมต่อกำลังเข้ากับเกียร์อัตโนมัติจาก ZF ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขแรงม้าและ
แรงบิดสูงสุดออกมา แต่คาดว่าเครื่องยนต์จะมีพละกำลังมากขึ้น แต่จิบน้ำมันน้อยลง ตามเทรนด์การพัฒนาเครื่องยนต์ใน
ยุคนี้ นอกจากนี้แล้ว Maserati ยังเตรียมเปิดตัวขุมพลังพร้อมระบบอัดอากาศทั้งซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบ ซึ่งจะมาพร้อม
ทั้งแบบ V6 และ V8 ในขณะที่ขุมพลังดีเซล มีการคาดการณ์ว่าจะถูกเปิดตัวตามออกมาเช่นกัน

2014 Maserati Quattroporte พร้อมออกจำหน่ายในปี 2014 ซึ่งถ้าหากเศรษฐีชาวไทยคนไหนสนใจครอบครองยาน
ยนต์สปอร์ตซาลูนคันนี้ น่าจะจับจองได้อย่างเป็นทางการช่วงปลายปี 2014 ครับ

Mercedes-Benz

mb1

หลังจากซุ่มสังเกตตลาดพรีเมี่ยมคอมแพคท์มาเป็นเวลานาน Mercedes-Benz จึงปล่อยไพ่ใบสำคัญ ลงตลาดก่อนใคร
ตั้งแต่ต้นปีด้วย 2014 Mercedes-Benz CLA-Class การเปิดตัวรถยนต์คอมแพคท์ซีดาน 4 ประตูครั้งแรกจากค่ายดาว
สามแฉก แต่ฉีกแนวให้แตกต่าง ด้วยการมาในสไตล์คูเป้ 4 ประตู เดินตามความสำเร็จของ CLS-Class

หลังจากพรีวิวด้วยรถต้นแบบ Concept Style Coupe ไปเมื่อปีกลาย เมื่อเป็นเวอร์ชันขายจริง ก็ไม่ได้แตกต่างจากรุ่น
ต้นแบบมากนัก ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้ 3 แฉกขนาดเขื่อง เด่นกลางกระจังหน้า พร้อมเส้นแนว
หลังคาที่ลาดเทสร้างความสะดุดตาและความโฉบเฉี่ยว จบที่ด้านท้ายซึ่งมาพร้อมความสปอร์ตและเส้นสายอ่อนช้อยของ
โคมไฟท้าย เสริมภาพลักษณ์สปอร์ตให้เด่นยิ่งขึ้นด้วยท่อไอเสียแบบคู่

และด้วยการออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยวในสไตล์รถยนต์คูเป้ พร้อมกับการพัฒนาอย่างหนักในด้านวิศวกรรม ส่งผลให้
CLA-Class มีความลู่ลมอย่างมาก ด้วยตัวเลขสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ ที่ต่ำเพียง 0.23 เท่านั้น ส่งผลให้เป็น
รถยนต์ขายจริงของ Mercedes-Benz ที่มีความลู่ลมมากที่สุดเท่าที่แบรนด์นี้เคยผลิตขายมา

mb2

ในเมื่อรูปลักษณ์ครึ่งคันหน้ามีการใช้ร่วมกับ A-Class รุ่นใหม่ ภายในห้องโดยสารจึงเป็นการนำเอาแผงคอนโซลหน้ามา
จาก A-Class ล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่องแอร์ทรงกลม หน้าจอแสดงผลระบบ COMAND ขนาด 5.8 นิ้ว พร้อมระบบ
เชื่อมต่อ mbrace2 เข้ากับแอพพลิเคชั่นและบริการต่างๆ ในส่วนของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก มีครบทั้งหลังคาซันรูฟ
แบบ Panorama ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกส่วน ระบบอุ่นเบาะนั่งคูหน้า และระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยมจาก
harman/kardon พร้อมระบบความปลอดภัยเพียบพร้อม ทั้งระบบ ATTENTION ASSIST และ COLLISTION
PREVENTION ASSIST with Adaptive Brake Assist ที่จะช่วยหยุดรถหากตรวจจับว่าจะเกิดการพุ่งชนด้วยความเร็ว
ต่ำกว่า 7 กม./ชม.

ด้านงานวิศวกรรมของรถยนต์คันนี้ ยังคงใช้แพลตฟอร์ม MFA เช่นเดียวกันกับ A-Class และ B-Class นั่นหมายความว่า
ยังคงเลือกใช้ระบบช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สันสตรัทสำหรับล้อคู่หน้า และช่วงล่างแบบมัลติลิงค์ในล้อคู่หลัง พร้อมกับการ
ใช้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า และมีการติดตั้งซับเฟรมแบบยืดหยุ่นสำหรับล้อคู่หลัง ช่วยให้มีการขับขี่ที่สนุกและ
มั่นใจยิ่งขึ้น

mb3

ส่วนเครื่องยนต์ที่ใช้ใน CLA-Class เบื้องต้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จ
210 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 349 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่แบบ 7 จังหวะ เช่นเดียวกับใน A-Class

2014 Mercedes-Benz CLA-Class จะออกจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนกันยายนนี้ ส่วนในภูมิภาคอื่น
ยังไม่มีการประกาศออกมา สำหรับประเทศไทย อาจต้องรอให้ A-Class ใหม่ส่งมอบถึงมือลูกค้าให้ทันกันก่อน ก่อนที่จะส่ง
CLA-Class เข้ามาทำตลาด

Nissan

nissan1

ปีนี้ Nissan ได้เข้ามาจัดบูธในงานนี้อีกครั้งและยังนำเสนอรถต้นแบบ Nissan Resonance Concept ซึ่งถือเป็นการตอก
ย้ำในสิ่งที่ Nissan ถนัดถนี่ที่สุด ณ ตอนนี้ เพราะ Nissan เริ่มถนัดและมีประสบการณ์ในการพัฒนารถครอสโอเวอร์เอสยูวี
จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งที่ Nissan ไม่ได้เป็นผู้นำในตลาดนี้หรือเป็นผู้มาก่อนในตลาดนี้แต่อย่างใด

Francois Bancon ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ Nissan Motor กล่าวว่า เมื่อพวก
เขาเริ่มกำหนดแนวคิดของงานออกแบบ Nissan Resonance Concept พวกเขาก็ได้แรงบันดาลใจจากความล้ำหน้า
ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมไปถึงนวัตกรรมในด้านวัสดุ อีกทั้งพวกเขาก็อยากจะแสดงออกถึงนวัตกรรมในอนาคต

งานออกแบบของ Nissan Resonance Concept จะให้ความรู้สึกร่วมทั้งความโฉบเฉี่ยวที่ลื่นไหล (ฟังเผิน ๆ นึกว่า
Hyundai) และเส้นสายอันเฉียบคม ดังนั้นรถคันนี้จึงดูปราดเปรียวสะท้อนถึงน้ำหนักที่เบาคล่องตัว แต่ก็ให้ความรู้สึก
ปลอดภัยคุ้มครองคนภายในรถได้

nissan2

ด้านหน้ามาแปลกแหวกแนวกว่ารถครอสโอเวอร์จากแบรนด์ Nissan ในปัจจุบัน ด้วยกระจังทรงตัว V ที่ดูเผิน ๆ คล้ายตัว
U มีเส้นสายลากยาวจากกระจังหน้าต่อเนื่องไปบนฝากระโปรงหน้าและต่อเนื่องยาวไปจรดเส้นสายด้านข้าง, ไฟหน้าจะมา
ทรงแบบบูมเมอแรงคล้าย ๆ กับ 370Z

จุดเด่นของงานออกแบบคือการใช้เทคนิคการออกแบบแผงหลังคาให้ดูมีเหมือนกับเป็นหลังคาที่ดูลอยได้และมีการ
ออกแบบที่ดูเหมือนกับซ่อนเสา D เอาไว้แบบไม่เห็นเนื้อเหล็กเลย

ภายในห้องโดยสารก็จะออกแบบมาแนว VIP Lounge ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นห้องชั้นหนึ่งและดูไฮเทค การจัดวาง,
การเลือกใช้วัสดุและสีจะออกแนวอบอุ่น แลดูสบายตาพร้อมติดตั้งหน้าจอสัมผัสสั่งการใช้งานในรถ ส่วนบรรยากาศภายใน
รถจะดูโล่งโปร่งสบายด้วยหลังคากระจกรอบคัน

ขุมพลังจะติดตั้งระบบ Hybrid ชนิด 1 มอเตอร์ 2 คลัทช์ตัดต่อกำลัง ส่วนรายละเอียดที่ชัดเจนนั้นเราก็ไม่ทราบเลย รู้แค่
เพียงว่าจะติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่กักเก็บไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนจับคู่
กับเกียร์ XtronicCVT ลูกใหม่

nissan4

Nissan ไม่ได้บอกว่า Nissan Resonance Concept จะกลายร่างเป็นครอสโอเวอร์รุ่นไหน แต่บอกได้ว่าแนวทางการ
ออกแบบอาจจะมีให้เห็นในรถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ซึ่ง Nissan จะพยายามฉีกงานออกแบบไปว่ารถแนวนี้ไม่ได้มีเพียงแค่รถ
ทรง 2 กล่องทื่อ ๆ เท่านั้น แต่จะต้องเป็นรถที่มีงานดีไซน์ที่เป็นแฟชั่นและดูเป็นทางเลือกใหม่ซึ่งรถครอสโอเวอร์เอสยูวีของ
Nissan จะต้องเป็นในแนวทางนั้น

nissan5

Nissan Versa Note ฟังชื่อแล้วหลายคนคงจะประหลาด จริง ๆ แล้วมันก็คือ Nissan Note โฉมใหม่ที่เพิ่งตัวในญี่ปุ่นช่วง
ปลายปีที่แล้ว เพียงแต่ชื่อ Versa ในสหรัฐอเมริกาค่อนข้างจะแข็งแกร่ง Nissan ก็เลยต้องอาศัยมุขห้อยชื่อ Note ไว้ด้าน
ท้ายเสียหน่อย

Nissan Versa Note จะเกิดมาเพื่อแทนที่ Versa Hatchback โฉมเก่า (ร่างเดียวกับ Tiida โฉมแรก) ดังนั้นนี่คือการปรับ
ตำแหน่งการตลาดอันน่าสับสนในอดีตให้เข้าร่องเข้ารอยกันเสียที มิใช่นำรถ C-Segment ในหลายประเทศมาทำเป็นรถ
B-Segment ในสหรัฐอเมริกา

nissan6

ดีไซน์ภายนอกก็เหมือนกับ Note เวอร์ชันญี่ปุ่นทุกประการ ยกเว้นภายในห้องโดยสารที่ยกแผงแดชบอร์ดจาก Versa
Sedan มาทั้งดุ้นและยังยกพวงมาลัยสามก้านจาก Nissan Sentra/Sylphy มาใช้ด้วยก็เรียกว่าไม่ทิ้งแนวคิดการลด
ต้นทุนแบบตัดแปะตามสไตล์ Nissan ยุคใหม่

จุดเด่นของ Nissan Versa Note มีเนื้อที่ห้องโดยสารหลังกว้างขวางเกินคาดและยังติดตั้งออพชั่นพิเศษ Around View
Monitor รอบคันด้วย

Toyota

toyota1

บูธที่มีคนรุมมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นบูธ Toyota เพราะ Toyota ได้อวดโฉมรถต้นแบบ Corolla Furia Concept บ่งบอก
ถึงทิศทาง Corolla โฉมใหม่นั่นเอง

Toyota Corolla Furia Concept คือรถต้นแบบที่ถูกออกแบบมาสำหรับทุกคนที่คาดหวัง Corolla ใหม่จะมีดีไซน์น่าตื่น

ตาตื่นใจและถือเป็นหนึ่งในรุ่นสำคัญที่จะแสดงออกถึงงานออกแบบที่แปลกไปจากเดิม

Bill Fay รองประธานกลุ่มและผู้จัดการทั่วไป Toyota Motor อเมริกา ยืนยันว่ารถต้นแบบคันนี้จะบ่งชี้ถึงการออกแบบรถ
คอมแพคท์ในอนาคตอย่างแน่นอน มันเป็นการผสมผสานระหว่างงานออกแบบอันน่าทึ่งและเทคโนโลยีล้ำสมัยจนน่าจะทำ
ให้ผู้คนตกตะลึงในรถคันนี้ได้

toyota2

รถต้นแบบคันนี้ถูกออกแบบด้วยแนวคิด Iconic Dynamism มีเส้นสายที่ง่าย ๆ แต่ก็สามารถทำให้รถดูมีความมั่นใจ, เด็ด
เดี่ยวและเป็นที่จดจำได้ ก็แน่นอนว่าในเมื่อมันรูปโฉมที่ดูเร้าใจมากขึ้นก็ทำให้รถคันนี้สามารถเจาะกลุ่มคนวัยรุ่นหนุ่มสาว
ได้มากขึ้น

สัดส่วนของตัวรถจะเน้นความยาวของฐานล้อให้ชิดมุมตัวรถจนเหลือเนื้อที่โอเวอร์แฮงค์น้อยก็ทำให้ตัวรถดูเร้าอารมณ์, ดู
มั่นคงและปราดเปรียวเป็นอย่างมาก

toyota3

ด้านหน้าดู Aggressive เอามาก ๆ ด้วยสไตล์ Keen Look พร้อมไฟ LED ส่วนบั้นท้ายก็ดูแปลกตาไปจาก Corolla
แบบเดิม ๆ

รายละเอียดเบื้องต้นก็มีแค่มิติตัวถังเท่านั้น ตัวรถยาว 4,620 มม. กว้าง 1,805 มม. สูง 1,425 มม. ฐานล้อยาว 2,700
มม. ประกบกับล้ออัลลอย 19 นิ้ว

กำหนดการเปิดตัว All New Toyota Corolla น่าจะมีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนเมืองไทยก็รอคอยกันได้เลยในช่วงสิ้นปีนี้

Volkswagen

Volkswagen เดินหน้ารุกหนักตลาดรถยนต์ทวีปอเมริกาเหนืออีกครั้ง ด้วยการเร่งพัฒนารถยนต์ SUV 7 ที่นั่ง เพื่อตอบ
โจทย์ตลาดกลุ่มนี้โดยเฉพาะ ซึ่งหลังจากปล่อยภาพทีเซอร์ออกมาวันก่อนไปแล้ว ก็ได้ถึงเวลาเปิดตัวรถยนต์ต้นแบบตัว
เป็นๆออกมาในงาน 2013 North America International Auto Show ที่กำลังจัดขึ้นอยู่ ในชื่อ Volkswagen
CrossBlue Concept

vw1

แม้จำนวนที่นั่งจะมากกว่า Touareg ถึง 2 ที่นั่ง แต่รถยนต์คันนี้ จะถูกวางตำแหน่งให้คั่นกลางระหว่าง Volkswagen
Tiguan และ Touareg และถูกออกแบบขึ้นสำหรับทำตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาโดยเฉพาะ รถยนต์คันนี้
จึงใช้นำเอาแพลตฟอร์ม MQB มาใช้ในการพัฒนา โดยมีมิติตัวถังยาว 4,986 มม. กว้าง 2,014 มม. และสูง 1,732 มม.
มีการวางตำแหน่งที่นั่งรูปแบบ 2+3+2 ในรุ่นจำหน่ายจริง (ในเวอร์ชันต้นแบบนี้จะใช้รูปแบบ 2+2+2)

vw2

Volkswagen CrossBlue Concept ใช้ขุมพลังไฮบริด แต่เป็นการจับเอาเครื่องยนต์ดีเซลแบบสะอาด TDI Clean
Diesel กำลัง 190 แรงม้า พ่วงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้ากำลัง 54 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 114 แรงม้า ทำ
ให้เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฟฟ้า และใช้ระบบส่งกำลังคลัทช์คู่ DSG เพื่อถ่ายทอดสู่ล้อทั้ง 4 อันเป็นรูปแบบ
ขับเคลื่อนเดียวกันกับที่เคยพบมาแล้วใน Volkswagen Cross Coupe Concept ช่วยสร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน
เวลาเพียง 7.2 วินาที

vw3

ด้วยการนำเอามอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้ถึง 2 ลูก ทำให้ต้องมีการนำเอาแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาดกำลัง 9.8 kWh มาใช้ โดย
เมื่อชาร์จให้เต็มแล้ว สามารถขับเคลื่อนในโหมดมอเตอร์ไฟฟ้าได้ 22 กม. และช่วยให้รถยนต์สามารถใช้โหมดไฮบริดได้
ไกลถึง1,064 กม.) โดยรถคันนี้สามารถเติมน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลแบบสารซัลเฟอร์ต่ำได้อีกด้วย