ความต้องการของ Carlos Ghosn ที่ต้องการให้ Renault-Nissan Alliance ติดอันดับ
1 ใน 3 ของโลกสัมฤทธิ์ผลแล้ว เนื่องจากมีปัจจัยทางธุรกิจที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้
หลายประการ อาทิ การหดตัวของยอดขาย-ยอดผลิตของ Volkswagen Group หรือแม้
กระทั่ง GM ขายธุรกิจรถยนต์ Opel/Vauxhall ไป

2016_04_30_Renault_Nissan

 

Forbes ได้รวบรวมยอดผลิตรถยนต์ทั่วโลกประจำไตรมาสแรกของปี 2017 ซึ่งแสดงให้
สาธารณะชนเห็นแล้วว่า Renault-Nissan Alliance เป็นม้ามืดที่สามารถไต่อันดับได้สูง
ถึงที่ 2 ของโลกต่อจาก Toyota ที่กลับมาเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์โลกอีกครั้ง

และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือยอดผลิตรถยนต์ Renault-Nissan Alliance ตามหลัง Toyota
เพียงแค่ 4 หมื่นกว่าคันเท่านั้นหรือเติบโต 13.1% ส่วน Toyota มียอดผลิตโตขึ้น 7.5%

2016_04_30_Renault_Nissan2

 

แต่สำหรับ Volkswagen ช่วงเวลาไตรมาสแรกของปี 2017 อาจไม่เป็นช่วงเวลาที่ดีนัก
เพราะ Volkswagen กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายบางอย่างซึ่ง Felipe Munoz นักวิเคราะห์
อุตสาหกรรมยานยนต์โลกจาก JATO Dynamics แสดงความคิดเห็นว่า Volkswagen Golf
ใกล้ถึงจุดเปลี่ยนโฉม อีกทั้งผลกระทบลูกค้าชะลอการซื้อรถยนต์ดีเซลลดลง ขณะที่รถเล็กอย่าง
Ford Fiesta กลับไม่ได้รับผลกระทบจนสามารถผงาดขึ้นเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มี
ยอดขายอันดับ 1 ในยุโรปแทน Volkswagen Golf แต่ก็คาดหวังว่า Golf รุ่นปรับโฉมจะ
ช่วยดึงยอดขายให้กลับมาได้

หมายเหตุ : สาเหตุที่ต้องวิเคราะห์จากยอดผลิตแทนที่จะเป็นยอดขายเนื่องจากผู้ผลิต
รถยนต์จะต้องแจ้งยอดผลิตตรงต่อองค์กรผู้ผลิตรถยนต์นานาชาติ (OICA) ที่มีความแม่นยำ
มากกว่า ยอดขายที่ผู้ผลิตพยายามสรรหากรรมวิธีในการเบ่งตัวเลขโดยที่ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด

ที่มา : Forbes