ระยะหลังเราเริ่มจะได้ยินข่าวสารเกี่ยวกับรถยนต์สัญชาติออสเตรเลีย น้อยลงทุกทีๆ
เนื่องจากอุตสาหกรรมดังกล่าวได้ถึงจุดตกต่ำลงเรื่อยๆ แต่สาเหตุที่ทำให้มาถึงจุดนี้ได้
อาจจะฟังดูเหลือเชื่อ เพราะว่ามีการวิเคราะห์ว่า ภาครัฐนี่แหละ ที่เป็นผู้ตัดสินใจฆ่า
อุตสาหกรรมดังกล่าวโดยช้าๆ และได้ดำเนินการมาเป็นเวลานานถึง 26 ปีแล้ว
เดิมทีประเทศออสเตรเลียเคยเป็น 1 จาก 13 ประเทศที่สามารถผลิตรถยนต์ได้ทุก
กระบวนการ ตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง และประเทศนี้เคยผลิตรถยนต์ได้จนถึงหลัก
500,000 คัน ในปี 1974 แต่ตัวเลขนี้ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย เนื่องจากทางรัฐบาลได้ค่อยๆ
ฆ่าอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และการเมืองตั้งแต่ช่วงยุค 1980 เป็นต้นมา
สิ่งที่รัฐบาลของประเทศออสเตรเลียทำคือ เปลี่ยนจากอุตสาหกรรมการผลิตมาเป็น
อุตสาหกรรมการให้บริการแทน โดยเน้นไปที่การลดภาษีเพื่อส่งเสริมการค้าขายระหว่างชาติ
จนทำให้สินค้าต่างๆ มีราคาถูกลง ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยประชาชน แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง
ผลประโยชน์ต่างๆของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ถูกลดทอนไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2014 ที่รัฐบาล
ประกาศยกเลิกการสนับสนุนทั้งหมดที่มีให้กับบริษัทรถยนต์
การประกาศดังกล่าวนำไปสู่การประกาศหยุดผลิตรถยนต์ Toyota ในประเทศออสเตรเลีย และ
ยังมีผลกระทบถึงผู้ผลิตสัญชาติเดียวกันอย่าง Holden อีกด้วย โดยพวกเขาได้ประกาศว่า
Commodore รุ่นสุดท้ายจะหยุดผลิตภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่า Chevrolet SS หรือ
Holden Commodore เวอร์ชั่นตัวแรงสำหรับส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา และ Vauxhall VXR
เวอร์ชั่นส่งออกไปอังกฤษ จะต้องยุติการผลิตภายในสิ้นปีนี้เช่นเดียวกัน
จุดจบของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศนี้ คาดว่าทำให้มีคนตกงาน มากกว่า
100,000 ตำแหน่ง ทั้งยังลด GDP ของประเทศไปอีก 2% ด้วย ทั้งนี้ กลับมีการ
วิเคราะห์ว่าสิ่งที่เสียไปนั้น คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจล้ม
ในปี 2008 ประเทศสหรัฐฯ ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยสนับสนุน ผู้ผลิตรถยนต์
หลายรายรวมไปถึง General Motors จากวิกฤตในขณะนั้น และจุดนี้เองที่นำไปสู่การ
วิเคราะห์ที่ว่า ถ้าหากประเทศออสเตรเลียเป็นประเทศที่ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมการผลิต
รถยนต์ รัฐบาลต้องเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยอุ้มบริษัทต่างๆ เอาไว้
ดังนั้นจุดจบของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศออสเตรเลีย จึงดูเหมือนจะเป็นผลดี
ต่อประเทศเสียมากกว่า เพราะนั่นได้ช่วยรักษาผลประโยชน์ของผู้จ่ายภาษีเอาไว้
พร้อมกับลดความเสี่ยงของวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศอาจต้องเจอได้มากโข แต่แน่นอนว่า
แฟนพันธุ์แท้รถยนต์ อาจจะไม่ชอบใจเท่าใดนัก ที่ต้องดูแบรนด์รถยนต์ที่ตนรักค่อยๆ
หมดลมหายใจ
ที่มา: jalopnik