ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสหรัฐฯ ดูเหมือนจะเข็ดขยาดกับตลาดในประเทศญี่ปุ่นเสียแล้ว หลังจากที่
ผู้บริหารของทั้ง Ford Motor ที่ยุติการทำตลาดในญี่ปุ่นช่วงปีที่ผ่านมา และ General Motors
หรือ GM ที่มียอดขายเพียงหลักร้อยต่อเดือนในญี่ปุ่น เล็งเห็นว่าพวกเขาพอใจที่จะอยู่ในสถานะ
ปัจจุบัน ไม่ว่าจะมีมาตรการสนับสนุนอะไรก็ตาม
โดยภาพรวมผู้บริหารของทั้ง Ford และ GM เห็นตรงกันว่า แรงกดดันทางการเมืองแทบจะ
ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านยอดขาย นอกจากนี้ การที่จะเพิ่มยอดขายในประเทศญี่ปุ่น
ต้องมีการลงทุนทรัพยากรมากมาย และในตอนนี้ทั้ง 2 บริษัทมองว่า เอาไปลงทุนในตลาดอื่น
โดยเฉพาะประเทศจีน น่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า
David Schoch ประธานของ Ford Asia Pacific เปิดเผยว่าบริษัทได้ทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น
เป็นเวลานานกว่า 40 ปี และได้สูญเงินไปมากมาย ดังนั้น Ford จึงสรุปว่าเป็นการดีกว่าถ้าจะ
เอาทรัพยากรตรงนี้ไปลงทุนที่อื่น สำหรับยอดขายของ Ford ในปี 2015 นั้นอยู่ที่ 4,968 คัน
ซึ่งนั่นน้อยกว่า 1% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาด 5,000,000 คัน
ทั้งนี้คำว่า ‘ลงทุนที่อื่น’ ของ Ford ดูเหมือนจะหมายถึงประเทศจีน เนื่องจาก Schoch ระบุว่า
เขาอยากให้ทางการสหรัฐฯร่วมมือกับประเทศจีนในการลดภาษีนำเข้า และเขายังอยากให้
ทางการจีนลดข้อจำกัดต่างๆ ในการประกอบรถยนต์ต่างสัญชาติ ในประเทศจีนอีกด้วย
ส่วนเพื่อนร่วมชะตากรรมอย่าง GM ผู้ที่มียอดขาย Chevrolet และ Cadillac ตลอดปีที่ผ่านมา
อยู่ 1,228 คัน มี Alan Batey ประธานของ Chevrolet’s Global Brand มาให้สัมภาษณ์ว่า
พวกเขาต้องการที่จะรักษาสถานะของตนไว้ในขณะนี้ และคอยดูตลาดเติบโตโดยไม่ขอ
คาดการณ์ว่าในอนาคตจะเป็นเช่นไร
GM เคยพยายามอย่างหนักในการเพิ่มยอดขายของตน ในประเทศญี่ปุ่นก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทาง
ในทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อมาเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มเล็กๆ แทน โดยมี Cadillac ไว้จับกลุ่มลูกค้าที่
ต้องการความหรูหรา และมี Chevrolet Corvette และ Chevrolet Camaro ไว้จับกลุ่มลูกค้า
บ้าพลัง
เห็นทีความพยายามของ Trump ประธานาธิบดีประเทศสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มการค้าขายระหว่าง
ประเทศตน และประเทศญี่ปุ่น จะไม่เป็นผลเสียแล้ว หากผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ฝั่งตน แสดง
ท่าทีชัดเจนขนาดนี้
ที่มา: autonews