หลังจากที่พวกเราได้เห็น Mercedes-Benz E-Class Facelift ตัวถังซีดานและแวกอนไปเมื่อสิ้นปี 2012 กันแล้วสักระยะ
หนึ่ง คราวนี้ก็ถึงคิวการอวดโฉมของ E-Class Facelift ตัวถังคูเป้และเปิดประทุนกับเขาบ้างซึ่งความเปลี่ยนแปลงก็มีให้
เห็นในระดับหนึ่ง
Mercedes-Benz E-Class Facelift ทั้งตัวถังคูเป้และเปิดประทุน จะถูกปรับปรุงรูปลักษณ์ด้านหน้าให้มาในแบบเดียวกับ
ตัวถังซีดานด้วยการเปลี่ยนชุดไฟหน้าใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น (แต่โคมไฟหน้าทั้งชุดใช้ร่วมกับตัวถังซีดานและแวกอนไม่ได้เลย,
เปลี่ยนชุดกระจังหน้าพร้อมฝากระโปรงหน้าใหม่, เปลี่ยนกันชนหน้าใหม่ที่มีช่องดักลมคล้าย ๆ กับ SLS AMG แต่มีขนาด
ใหญ่กว่ามาก ๆ ส่วนบั้นท้ายก็มีการเปลี่ยนไฟท้ายให้เน้นความเรียบง่ายขึ้น


ภายในห้องโดยสารก็มีการปรับรายละเอียดหลายจุด อาทิ เปลี่ยนทรงพวงมาลัยใหม่, ไม่มีก้านหัวเกียร์ให้เห็นอีกต่อไป
เพราะหันไปใช้ระบบการเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย Direct Select 7 สปีดที่ทาง Mercedes-Benz อ้างว่ามีประสิทธิภาพ
และง่ายต่อการบำรุงรักษา พร้อมติดตั้งโหมดการขับขี่เกียร์ธรรมดาที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ดั่งใจ แต่ถ้าหากผู้ขับขี่ไม่ได้ใช้
โหมดเกียร์ธรรมดาระบบก็จะปรับเข้าสู่โหมดเกียร์อัตโนมัติทันที
E-Class Facelift ตัวถังคูเป้และเปิดประทุนยังยึดหลักแนวคิด intelligent drive เพื่อให้ผู้ขับขี่รื่นรมย์กับการขับรถโดย
ลดข้อจำกัดให้ได้น้อยที่สุด ได้แก่ ติดตั้งกล้องรอบทิศทางพร้อมเซนเซอร์เรดาร์ที่สามารถประมวลภาพจำลองแบบ 3 มิติ
เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปสั่งการกับระบบความปลอดภัยทั้งหมด


การติดตั้งกล้องและเซนเซอร์เรดาร์รอบคันจะพ่วงกับระบบความปลอดภัยอื่น ๆ อาทิ COLLISION PREVENTION
ASSIST ระบบเบรคอัตโนมัติที่อาศัยเซนเซอร์ตรวจจับสภาพแวดล้อมบนท้องถนนทั้งหมดป้องกันการชน และจะทำงาน
ร่วมกับระบบ ATTENTION ASSIST ที่ช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่มีสติตลอดเวลา
ระบบช่วงล่าง AGILITY CONTROL ที่สามารถปรับระดับความอ่อนนุ่มของแดมเปอร์และโช๊คอัพให้เข้ากับสภาพท้องถนน
ได้ สามารถตอบสนองการขับขี่แบบสปอร์ตสุด ๆ จนไปถึงความนุ่มสบายขณะขับขี่ทางไกลได้, พวงมาลัยจะเป็นแบบไฟฟ้า
กึ่งกลไกทำให้มีความแม่นยำในการบังคับควบคุมสูงมาก

E-class Facelift ตัวถังคูเป้และเปิดประทุนมีให้เลือกตั้งแต่รุ่น E350 เครื่องยนต์ V6 ฉีดเชื้อเพลิงตรง 302 แรงม้า และ
E550 V8 เทอร์โบคู่ ฉีดเชื้อเพลิงตรง 402 แรงม้า ทุกรุ่นติดตั้งระบบ Auto Start-Stop
ส่วนตลาดเมืองไทยคาดว่าคงจะได้เห็นในปีนี้แน่ ๆ ครับ