หนึ่งในสิ่งคู่กายที่จำเป็นที่สุดที่จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ลุล่วงในหน้าที่ไล่ล่าคนร้ายที่
กำลังหลบหนี คือรถตำรวจไล่ล่า รถตำรวจลาดตระเวน ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปชมกันว่า ตำรวจ
ในแต่ละประเทศเขามีรถยนต์แรงๆ รุ่นใดประจำการอยู่บ้าง
ประเทศเยอรมัน – Brabus CLS V12 S ‘Rocket’
Brabus CLS V12 S ‘Rocket’ ในคราบรถตำรวจคันนี้ ไม่ได้มีหน้าที่ลาดตระเวนเหมือนรถตำรวจ
คันอื่นๆ แต่ถูกพัฒนาขึ้นมาในปี 2006 โดยมีเป้าหมายเอาไว้ใช้ส่งเสริมการแต่งรถยนต์อย่าง
ปลอดภัยในประเทศเยอรมันเท่านั้น
ขุมพลังของ Brabus CLS V12 S ‘Rocket’ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V12 6.3 ลิตร เทอร์โบคู่
ให้กำลังสูงสุด 740 แรงม้า (PS) ที่ 5,100 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 134.60 กก-ม. (1,320
นิวตันเมตร) ที่ 2,100 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะส่งกำลังผ่านล้อคู่หลัง
ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.0 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 365.7 กิโลเมตร
/ชั่วโมง
ประเทศสหรัฐอเมริกา – Dodge Charger และ Nissan GT-R
Dodge Charger รุ่นล่าสุดสืบสานตำนานรุ่นก่อนหน้า ที่ทำเวลาต่อรอบสนามทดสอบรถยนต์
ของตำรวจรัฐ Michigan ประเทศสหรัฐฯ (Michigan State Police’s Vehicle Evaluation
Race) ด้วยเวลาที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อเทียบกับรถตำรวจคันอื่นๆ โดยตัวรถมาพร้อม
กับช่วงล่างสมรรถนะสูงพร้อมโช๊คอัพชุดใหม่, เบรก Heavy Duty, กันโคลงรอบคัน และล้อ
กระทะขนาด 18 นิ้วพร้อมยางสมรรถนะสูง
Dodge Charger เวอร์ชั่นรถตำรวจมีขุมพลังให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์
เบนซิน V6 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 296 แรงม้า (PS) ที่ 6,350 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 35.94
กก-ม. (353 นิวตันเมตร) ที่ 4,800 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ส่งกำลัง
ลงล้อคู่หลัง
Dodge Charger ในคราบรถตำรวจอีกรุ่นมากับเครื่องยนต์เบนซิน V8 5.7 ลิตร ให้กำลังสูงสุด
375 แรงม้า (PS) ที่ 5,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 54.61 กก-ม. (536 นิวตันเมตร) ที่ 4,200
รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ส่งกำลังลงพื้นผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง
หรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ส่วนคันนี้ดูเหมือนจะผิดแผกจากรถตำรวจในบทความชิ้นนี้ที่สุด เพราะเป็นรถยนต์คันเดียวที่
เป็นรถยนต์คู่กายของตำรวจสายสืบกับ Nissan GT-R ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน V6
3.8ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 573 แรงม้า (PS) ที่ 6,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 64.56
กก-ม. (633 นิวตันเมตร) ที่ 5,800 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ส่งกำลัง
ลงพื้นทั้ง 4 ล้อ
ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – BMW i8
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงกรมตำรวจที่มีรถยนต์ลาดตระเวนที่แรงที่สุด หลายคนต้องนึกถึงกรมตำรวจ
ของดูไบแน่นอน เพราะพวกเขามีทั้ง Lamborghini Aventador, Bentley, Aston Martin
One-77, Ferrari FF และ McLaren โดยมีเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถของตำรวจ และ
ก้าวทันเทคโนโลยีใหม่ๆ สำหรับรถยนต์ลาดตระเวนรุ่นล่าสุดที่พวกเขาพึ่งบรรจุคือ BMW i8
ขุมพลังของ BMW i8 เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1,499 ซีซี. เทอร์โบ ทำงาน
ร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า Synchronous electric motor 2 ตัว ให้พละกำลังรวม 362 แรงม้า (PS)
เครื่องยนต์ส่งกำลังด้วยเกียร์ อัตโนมัติ 6 จังหวะ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ
2-Stage ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ประเทศอังกฤษ – Ford Mustang V8, Caparo T1 และ Lexus IS-F
Ford Mustang V8 คันนี้ประจำการอยู่ในกรมตำรวจของประเทศอังกฤษ เพียงแต่มันไม่ได้มี
หน้าที่เป็นรถลาดตระเวน แต่ทำหน้าที่เป็นเพียงรถยนต์จัดแสดงที่ National Association of
Police Fleet Managers เท่านั้น เนื่องจากนี่เป็นรถยนต์ Pre-Production หรือรถยนต์ที่ผลิต
ก่อนล็อตที่เอาไว้ออกจำหน่ายจริง
Ford Mustang V8 มากับเครื่องยนต์เบนซิน V8 5.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 441 แรงม้า (PS) ที่
6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 55.30 กก-ม. (542 นิวตันเมตร) ที่ 4,520 รอบ/นาที ส่งกำลัง
ลงล้อคู่หลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 6 จังหวะ
นอกจากนี้ พวกเขายังมี Caparo T1 ไว้โปรโมทความปลอดภัยบนท้องถนนเช่นกัน ขุมพลัง
เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 583 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 55.30
กก-ม. (542 นิวตันเมตร) ส่งกำลังลงล้อคู่หลังผ่านเกียร์ 6 จังหวะ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร
/ชั่วโมง ภายใน 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 322 กิโลเมตร/ชั่วโมง
แต่ใช่ว่าพวกเขาจะมีแต่รถลาดตระเวนแรงๆ ไว้โชว์เพราะพวกเขายังมี Lexus IS-F ที่เอาไว้
ใช้งานจริงอีกด้วย ส่วนขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 429 แรงม้า
(PS) ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 53.02 กก-ม. (520 นิวตันเมตร) ที่ 5,200 รอบ/นาที
ส่งกำลังลงล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
ประเทศอิตาลี (Carabinieri) – Alfa Romeo Giulia QV
Carabinieri เป็นตำรวจหน่วยพิเศษของประเทศอิตาลีที่ติดอาวุธหนัก และผ่านการฝึกใน
รูปแบบเดียวกับทหาร มีรถยนต์คู่กายเป็น Alfa Romeo Giulia QV ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขา
เคยใช้ Lamborghini Huracan และ Lotus Evora อีกด้วย นอกจากรับมือกับคนร้ายแล้ว
ในบางครั้ง Carabinieri ต้องนำมารถลาดตระเวนมาใช้ขนส่งอวัยวะให้คนไข้อีกด้วย
Alfa Romeo Giulia QV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 2.9 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 517
แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/ นาทีและแรงบิดสูงสุด 61.18 กก-ม. (600 นิวตันเมตร) ที่ 2,500
-5,000 รอบ/ นาทีส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ ชั่วโมง
ใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 306 กิโลเมตร/ ชั่วโมง
ประเทศอิตาลี (Italian State Police) – Lamborghini Huracan
นับเป็นรถยนต์คันที่ 2 ที่ Lamborghini บริจาคกระทิงดุให้ตำรวจทางหลวงไว้ใช้ในการปฏิบัติ
จริง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยบริจาค Lamborghini Gallardo เป็นคันแรกให้แล้ว งานวิศวกรรมนั้น
เหมือนกับ Lamborghini Huracan ทั่วไป เสริมด้วยอุปกรณ์จำเป็นบนรถตำรวจ และขอบยาง
สีฟ้าเพื่อให้เข้ากับสีตัวถัง Police Medium Blue
Lamborghini Huracan มากับเครื่องยนต์เบนซิน V10 5.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 610 แรงม้า
(PS) ที่ 8,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 57.10 กก-ม. (560 นิวตันเมตร) ที่ 6,500 รอบ/นาที
ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 จังหวะ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ภายใน 3.2 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 325 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ประเทศออสเตรเลีย – HSV GTS
HSV GTS ที่กลายร่างเป็นรถตำรวจคันนี้ มีหน้าที่หลายภารกิจตั้งแต่ส่งเสริมความปลอดภัย
บนท้องถนน และยังใช้ในการไล่ล่าจริงๆ อีกด้วย โดยประจำการอยู่ที่ New South Wales
Police Department ของประเทศออสเตรเลีย
ขุมพลังของ HSV GTS เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 6.2 ลิตร Supercharger ให้กำลังสูงสุด
585 แรงม้า (PS) ที่ 6,150 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 75.45 กก-ม. (740 นิวตันเมตร) ที่ 3,850
รอบ/นาที ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะส่งกำลังผ่านล้อคู่หลัง ให้อัตราเร่ง 0-100
กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 319 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ประเทศออสเตรเลีย – Volvo S60 Polestar
นี่เป็นรถตำรวจอีกหนึ่งคันที่เอาไว้โชว์ตัว มากกว่าไล่ล่าคนร้ายกับ Volvo S60 Polestar ซึ่งมา
กับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 349 แรงม้า (PS) ที่ 5,250
รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 51.01 กก-ม. (500 นิวตันเมตร) ที่ 3,000 – 4,750 รอบ/นาที ทำงาน
ร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ส่งกำลังลงพื้นทั้ง 4 ล้อ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ภายใน 4.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ที่มา: topgear