ในเดือนมกราคมปี 2017 Lexus ได้สร้างความฮือฮาให้แก่วงการรถซีดานระดับหรู
ด้วย LS โฉมใหม่ ที่ฉีกทุกตำราการพัฒนาซีดานหรูทิ้งไป จนได้ดีไซน์ที่ดูแปลกตา
ล้ำสมัยมาก แต่ยังผสมเส้นสายอนุรักษ์นิยมบางอย่าง อาทิเช่น กรอบกระจกรอบคัน
ที่มีขนาดใหญ่โต และ ยังออกแบบให้ดูโค้งๆ ในสไตล์รถหรูแบบญี่ปุ่น และที่จะสร้าง
ความฮือฮาให้ถึงขั้นสุด ก็คงหนีไม่พ้นเทคโนโลยีครั้งแรกในโลก
เทคโนโลยีใหม่ครั้งแรกในโลกที่ติดตั้งลงใน All New Lexus LS ได้แก่ ระบบป้องกัน
การชนที่สามารถเบรกอัตโนมัติพร้อมทั้งหักพวงมาลัยอัตโนมัติได้ด้วย (Pre-collision
System with Pedestrian-avoidance Steer Assist), Head-Up Display
แบบล้ำหน้าและระบบตรวจจับจุดบอดบริเวณสี่แยก
Toshio Asahi : Chief Engineer Lexus LS โฉมใหม่อธิบายว่าระบบป้องกันการชน
ที่สามารถเบรกอัตโนมัติพร้อมทั้งหักพวงมาลัยอัตโนมัติได้ด้วย (Pre-collision System
with Pedestrian-avoidance Steer Assist) จะมีการทำงานทั้งระบบช่วยเบรก
อัตโนมัติพร้อมทั้งหักหลบพวงมาลัยอัตโนมัติหากคนเดินทางเท้าเดินข้ามถนนโดยไม่
ดูตาม้าตาเรือ ผิดกับระบบช่วยเบรกอัตโนมัติอื่น ๆ ที่ช่วยได้แค่ห้ามล้อแต่ยังไม่ปลอดภัย
เพียงพอในการป้องกันการชนคน
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่ติดตั้งในรถยนต์ Lexus ปัจจุบันสามารถทำงานภายใต้ความ
เร็วสูงสุดไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากมีการพ่วงระบบหักพวงมาลัยอัตโนมัติร่วม
ด้วยก็ช่วยป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้
Toshio Asahi ยังเปรยอีกว่าได้ร่วมพัฒนา Lexus LS โฉมใหม่ที่กินเวลาพัฒนานาน
ถึง 6 ปีเพื่อให้ LS โฉมใหม่เป็นสุดยอดรถซีดานหรูขนาดใหญ่ที่มีเทคโนโลยีใหม่ครั้งแรก
ในโลกติดตั้งลงในรถคันนี้และมีวิวัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยก้าวกระ
โดดจาก LS รุ่นเดิม ๆ
เทคโนโลยีใหม่แบบที่ 2 คือ Advanced Head-Up Display ที่มีพื้นที่การฉายข้อมูล
สำคัญบนกระจกบังลมหน้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่สามารถแสดงผลการเตือน
การชนคนเดินทางเท้า โดยมีเซนเซอร์ตรวจจับด้วยกล้องสเตอริโอทำงานร่วมกับเรดาร์ที่
สามารถปล่อยคลื่นระดับมิลลิเมตรที่ปรับปรุงการตรวจจับคนเดินทางเท้าในยามกลางคืนได้
เทคโนโลยีใหม่แบบที่ 3 คือ ระบบตรวจจับจุดบอดบริเวณสี่แยกที่มีการเตือนผู้ขับขี่ระมัด
ระวังรถยนต์ที่วิ่งจากด้านใดด้านหนึ่งของสี่แยก และแน่นอนว่ามันจะแสดงที่หน้า Head-Up Display
สรุปแล้วว่า Lexus LS โฉมใหม่นอกจากจะมีจุดขายด้านดีไซน์แล้ว มันก็ยังมีจุดขายด้าน
ระบบความปลอดภัยใหม่ด้วยเช่นกัน
ที่มา : Automotive News