ไลน์รถยนต์นั่งของ Mazda ในยุคปัจจุบันก็ถือว่าค่อนข้างครอบคลุมกับความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่ของโลกอยู่
พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นรถขนาด B-Segment ในรุ่น 2, รถคอมแพคท์ C-Segment รุ่น 3 และรถขนาดใหญ่ D-Segment
ก็ส่งรุ่น 6 ทำหน้าที่ของมันไป แต่ดูเหมือนว่า Mazda เองก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นี้
เว็บไซต์ goauto.com.au รายงานว่า Mazda กำลังใช้เวลาศึกษาความเป็นไปได้ที่จะผลิต Mazda 1 รถยนต์นั่งขนาด
เล็กที่วางตำแหน่งการตลาดต่ำกว่า Mazda 2 ซึ่งจะเป็นรถยนต์ระดับ A-Segment คันแรกของ Mazda กันเลย (ไม่นับ
รวมรถเคคาร์ในตลาดญี่ปุ่น ) เพื่อช่วยขยายตลาดรถยนต์นั่งของ Mazda ทั่วโลกให้เพิ่มมากขึ้น
Yasuhiro Aoyama ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและการขายระดับโลกแห่ง Mazda ก็เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่า Mazda
เล็งเห็นและต้องการผลิตรถเล็กระดับ sub-B Segment อยู่เสมอซึ่ง Mazda กำลังพิจารณาแนวคิดการพัฒนารถเล็กคันนี้
ถึง 2 ทางเลือก แนวคิดแรก Mazda อาจจะผลิตรถเล็กคันนี้ให้เป็นคู่แข่งของ Volkswagen Up! หรือแนวคิดสอง
Mazda จะพัฒนารถเล็กคันนี้ให้เป็นรถ Low Cost ต้นทุนต่ำ ราคาถูกสำหรับเน้นขายในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
ไม่ว่า Mazda จะเลือกแนวคิดการพัฒนารถแบบไหนก็ตามแต่ Mazda จะต้องพัฒนารถเล็กรุ่นใหม่ให้สามารถผ่าน
มาตรฐานค่าไอเสียในยุโรปให้ได้, ตัวรถมีน้ำหนักเบาและใช้เทคโนโลยีการลดความจุกระบอกสูบ (Downsizing)
Mazda เองก็อาจจะต้องหาพันธมิตรในการพัฒนารถเล็กรุ่นใหม่เพราะ Mazda มองเห็นความสำเร็จจากกรณีที่ Toyota
จับมือกับกลุ่ม PSA Peugeot-Citroen ในการพัฒนารถ A-Segment ร่วมกันในรุ่น Aygo/C1/107 ที่โรงงานร่วมทุนกัน
ในสาธารณรัฐเชค โดย Mazda อาจจะสานสัมพันธ์กับ Fiat ให้มากขึ้นหลังจากจับมือกันพัฒนารถสปอร์ตขนาดเล็ก
หรือ Mazda ก็อาจจะหันกลับไปขอความร่วมมือกับ Ford อีกครั้งก็เป็นไปได้
นอกจากนี้ Mazda เองจะต้องค้นหาแหล่งผลิตที่มีรัฐบาลสนับสนุนเงื่อนไขพิเศษหรือค่าแรงถูกเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายใน
การผลิต Mazda 1 ซึ่ง Mazda ก็จะเล็งประเทศอินโดนีเซียเป็นฐานการผลิตสำคัญ
อย่างไรก็ตาม Yasuhiro Aoyama ก็ยืนยันว่า หาก Mazda จะตัดสินใจเดินหน้าลุยคนเดียว Mazda เองก็มีทรัพยากร
มากเพียงพอที่จะพัฒนา Mazda 1 ด้วยตนเองได้ แต่กว่าจะถึงเวลานั้น Mazda ก็คงต้องพิจารณาจากปัจจัยรอบด้านให้ถี่
ถ้วนเสียก่อนแล้วหลังจากนั้น Mazda จะแจ้งให้ทุกคนทราบอีกทีหนึ่ง
โครงการ Mazda 1 รถเล็กรุ่นใหม่จะต้องรอไฟเขียวในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษ (2015-2020) ซึ่งกว่าจะผลิตให้เห็นเป็น
คันจริงก็คงต้องรออีกนานมาก ๆ ๆ ครับ